จากเหตุการณ์จับกุม Meng Wanzhou รองประธานและซีเอฟโอของ Huawei ในประเทศแคนาดา ที่ยังขาดรายละเอียดของคดีในช่วงแรกๆ วันนี้เริ่มมีรายละเอียดออกมาเพราะเธอถูกส่งขึ้นศาลแคนาดาแล้ว
John Gibb-Carsley อัยการของรัฐบาลแคนาดา (ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้อง Meng ต่อศาล) ให้ข้อมูลว่า Meng มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมในอิหร่าน โดยใช้บริษัทลูก Skycom Tech ในฮ่องกงของ Huawei หลอกให้สถาบันการเงินบางแห่งในสหรัฐทำธุรกิจกับประเทศอิหร่าน (ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตรและห้ามทำธุรกิจด้วย)
เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างปี 2009-2014 ที่ Huawei ขายอุปกรณ์โทรคมนาคมให้อิหร่านผ่าน Skycom โดยมีธนาคารบางแห่งในสหรัฐช่วยอนุมัติธุรกรรมให้ ซึ่งธุรกรรมเหล่านี้ถือว่าผิดกฎหมายของสหรัฐ
ประเด็นเรื่อง Skycom ขายสินค้าให้อิหร่าน เคยเป็นข่าวลง Reuters มาแล้วในปี 2013 ซึ่งสถาบันการเงินเหล่านี้ (ที่ระบุชื่อคือ HSBC) ก็สอบถามว่า Huawei มีความเกี่ยวข้องกับ Skycom หรือไม่ และ Meng ที่พบกับนายธนาคารสหรัฐในช่วงนั้น ก็ยืนยันว่า Huawei ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Skycom เพราะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันตามปกติ และ Huawei ก็ขายหุ้นที่เคยถืออยู่ใน Skycom ทิ้งหมดแล้ว
อัยการระบุว่าในความเป็นจริงแล้ว Skycom เป็นบริษัทลูกแบบลับๆ ของ Huawei โดยพนักงานของ Skycom ใช้ที่อยู่อีเมลเดียวกับ Huawei และมีป้ายห้อยคอเป็นโลโก้ Huawei ด้วย ดังนั้นพฤติกรรมของ Meng ที่โกหกเรื่องนี้ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง (fraud) ให้เกิดธุรกรรมผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐก็เคยสั่งแบน ZTE จากการขายสินค้าให้อิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งผิดกฎหมายสหรัฐในลักษณะเดียวกัน
อัยการบอกว่า Meng เดินทางเข้ามาสหรัฐเป็นประจำ โดยทริปสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2017 แต่หลังจาก Huawei พบว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังสอบสวนเรื่องนี้ ผู้บริหารของบริษัทจึงหยุดเดินทางเข้าสหรัฐ
สหรัฐออกหมายจับ Meng มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 และประสานงานไปยังแคนาดาด้วย เมื่อทางการแคนาดาทราบว่าเธอจะเดินทางมาต่อเครื่องบินไปยังเม็กซิโกที่เมืองแวนคูเวอร์ จึงออกหมายจับและดำเนินการจับกุม
ตอนนี้กระบวนการสอบสวน Meng ยังดำเนินต่อไป เธอยื่นขอประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์เป็นอสังหาริมทรัพย์ในแคนาดา แต่ศาลแคนาดายังไม่ได้อนุมัติเรื่องนี้ โดยจะสอบสวนต่อในวันจันทร์หน้า
รัฐบาลสหรัฐสามารถยื่นขอให้แคนาดาส่งผู้ร้ายข้ามแดนภายใน 60 วันหลังจับกุม หาก Meng ถูกส่งไปดำเนินคดีในสหรัฐ เธออาจถูกตัดสินโทษสูงสุดคือจำคุก 30 ปีตามกฎหมายสหรัฐ
ที่มา - New York Times, BBC, Washington Post
Comments
นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้น ของ...
อู้ววว ติด 30 ปีเลยอ่ะ
นึกถึงคอมเมนต์ ก่อนนี้ ที่บอกว่าเมกาแบนหัวเว่ย เพราะอิจฉา...
เรื่องที่ถูกแบนนี่คนละเรื่องกับข่าวนี้เลย
อะไรที่เกี่ยวกับสหรัฐและหัวเว่ย คนจะเมนต์ว่า กลั่นแกล้ง/อิจฉา ทุกข่าวครับ
ถ้าพูดถึงความมั่นคงก็เป็นได้นะ
ถ้าวันนึงอุปกรณ์สื่อสารเช่นพวกเทคโนโลยีการสื่อสารของหัวเหว่ยเกิดตีตลาดได้มากกว่าเทคโนโลยีที่มาจากสหรัฐ
ถ้าเขาทำสงครามกันจริงๆ อย่างน้อยจีนก็อาจจะได้เปรียบเรื่องการสื่อสารไปเลย
อันนี้แค่สมมติและมองอีกมุมนะ
รอดูต่อไป แต่น่าจะรอดยากนะแบบนี้ ส่วนหลักฐานที่กล่าวอ้างนี่ ไม่แน่ใจว่าเชื่อถือได้มากแค่ไหนเหมือนกัน อาจเหมือนตอนบุกอีรักแต่ไม่เจอหลักฐานอะไรเลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เป็นกระบวนการที่แปลกดี จับกุมมาหลายวันแต่ไม่มีตั้งโต๊ะแถลงข่าว ต้องให้นักข่าวด้นกันไป
Meng เป็นคนขอศาลให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะเองครับ
ขอบคุณครับ ผมยิ่งตาโตเลย
สหรัฐอาจเก็บไว้ใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนทางการเมืองกับจีน แทนการจับขังจริงก็ได้
เจอจีนสั่งแบนไม่ส่งสินค้าบางชนิดให้อเมริกานี่ร้องไห้แน่ๆ ด้านเศรษฐกิจยังไงจีนก็เป็นต่อนะ แถมเอามาต่อรองอเมริกาได้แน่ๆ
ไม่ได้เป็นต่อแบบเบ็ดเสร็จหรอกครับ มีได้เปรียบเสียเปรียบกันอยู่ ไม่งั้นคงไม่จำเป็นต้องพยายามเจรจาจากกรณีสงครามการค้าล่าสุด
จีน : ขายของให้อเมริกาเป็นอันดับหนึ่งของคู่ค้า
อเมริกา : ขายของให้จีนเป็นอันดับ 3 ของคู่ค้า
เปลี่ยนเป็นบริษัทห้างร้านก็ได้ เจ็บทั้งคู่
I need healing.
แถมจีนยังเป็นเจ้าหนี้เบอร์หนึ่งของอเมริกาด้วย(กลับกัน อเมริกาก็เป็นลูกหนี้อันดับหนึ่งของจีน)
ถ้าเมกาล่มนี่จีนเจ็บหนักเลย เจอไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายแน่
สินค้าตัวไหนที่อเมริกาซื้อจากที่อื่นไม่ได้หรือครับ
เคส ZTE นี่หลายสื่อก็บอกกันว่าเป็น Sputnik moment ของจีน คือคิดว่าแข่งขันได้แล้ว แต่พอริษัทอเมริกาถูกห้ามขายชิปให้ก็แทบไม่เหลืออะไร
ตั้งกำแพงสูงสุดคงเจ็บทั้งคู่ แต่โรงงานประกอบนี่มีประเทศอื่นเยอะเลย
lewcpe.com, @wasonliw
เคสนั้นคนที่ทำงาน ZTE ในไทย นอนอยู่บ้านกันหลายวันเลย โปรเจคหยุดชะงักหมด เคสนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีเลยนะ ว่าใครของจริง เหอๆๆๆ
ถ้ามองในมุมการค้า จีนไม่ส่งสินค้าบางชนิดให้เท่ากับของยังอยู่ในสต๊อก อเมริการไม่ได้ซื้อของเท่ากับเงินยังอยู่ในมือ การค้าขายหากติดขัดหรือมีปัญหา คนซื้อหรือคนขายใครจะเดือดร้อนมากกว่ากัน จริงอยู่ที่คนซื้ออาจเดือดร้อนในระยะเวลาหนึ่ง แต่อำนาจซื้อยังคนอยู่กับตัว (เงิน) เพราะงั้นสุดท้ายก็มีคนเข้ามาใช้โอกาศนี้ค้าขายอยู่ดี
สหรัฐเป็นเจ้าของเทคโนโลยีชั้นสูงนะครับ ทั้งซอฟท์แวร์เชิงพาณิชย์นีก็ใช่ ไหนจะเทคโนโลยีพื้้นฐานต่างๆ พวกนี้ก็ถือครองส่วนมากโดยบริษัทสหรัฐทั้งนั้น
ต่อให้ซื้อไลเซนต์ไปใช้ผลิตเอง แต่ถ้าเอาไปขายต่อให้ประเทศที่สหรัฐสั่งห้ามส่งออกเทคโนโลยีก็โดนเรียบครับ
เอาตรงๆ ผมยังคิดไม่ออกว่าสินค้าหรือบริการตัวไหนที่ผูกขาดโดยจีน? นึกออกอย่างเดียวก็ rare earth แต่ไม่ใช่ว่าสหรัฐไม่มี มีแต่ไม่ผลิตส่งออกมากกว่า
ถ้าทรัมป์ สั่งให้Googleห้ามให้จีนใช้Android ห้ามAppleขายiPhoneให้จีน ห้ามMicrosoftขายWindowsกับMS Office ให้จีน ห้าม intel AMD nVidia ขายชิพให้จีน จะเกิดอะไรขึ้นครับ
เรื่องแรงงานผลิตสินค้าก็หาใหม่ได้ไม่ยากครับ ไทย เวียดนาม เม็กซิโก บราซิล รออยู่
คนอเมริกันตกงาน
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
Android เป้น open source ถ้าโดนห้ามจริง
จีนก็คงเข็น OS ตัวใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของ Android ออกมาใช้งานแทน Android และ Windows
ได้ไม่อยากเรื่องชิป ถ้าห้าม X86 ถ้าทำไม่ผิดชิป Power ของ IBM ตอนนี้ก็เป็น open source ไปแล้ว
Arm ก็โดนญี่ปุ่นซื้อไปแล้ว หันไปใช้พวกนั้นก็น่าจะพอใช้ได้อยู่นะครับ
และ เชื่อว่าลึกๆๆ จีนน่าจะเตรียมการพัฒนาเรื่องพวกนี้ไว้ระดับนึงแล้ว
ตัวเบี้ยในมือมันต่างกันลิบลับเลยนะครับ ที่ควรกังวลว่า cfo คนนี้จะพูดอะไรบ้าง อาทิโครงการความร่วมมือกับภาครัฐของจีนต่างๆ ข้อมูลภายใน แถมยังเป็นถึงลูกสาวผู้ก่อตั้ง
ส่วนเบี้ยที่จีนถือไว้ ....... ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
มันเหมือนจีนบีบมือ แต่อเมริกาบีบ....... ไข่ ....
อ่านแล้วไข่หดเลยแฮะ
มันจะแบนอิหร่านทำไมนักหนา ถ้าบอกว่าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศมันก็พัฒนาป่าวว่ะ ถ้าไม่อยากให้โลกพัฒนานิวเคลียร์ ประเทศอเมริกาก็ควรปลดนิวเคลียร์ทั้งหมด 6500 ลูกให้เป็นตัวอย่างก่อน
บางทีก็น่าสงสารอิหร่านมีศัตรูรอบด้าน ทั้งแก๊งอันธพาลอาหรับที่มีซาอุเป็นหัวโจก ทั้งอิสราเอลซึ่งฝ่ายหลังมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ด้วย
ทั้งอเมริกาและรัสเซียลงนามในข้อตกลงลดอาวุธนิวเคลียร์มาตั้งนานแล้วครับ
I need healing.
ลดแล้วแต่ทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างก็ยังเหลืออีกคนละ 6500-7000 ลูก ขณะที่ประเทศอื่นเหลือแค่ 100-300 ลูก ดังนั้นผมว่าทั้งสองประเทศควรลดอีกให้ไปแตะหลักร้อย
ง่ายๆ ครับ ก็หาพื้นที่ทำลายพร้อมกันทีเดียวเลย ทำวายในพื้นที่ห่างไกล หรือทำลายใต้ดินทีเดียว หรือแยกมาใช้เป็นแหล่งพลังงานโรงไฟฟ้าก็ได้ หรืออาจได้ใช้ตอน WW3 จนหมดแหง
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ประเทศที่อยากได้ 6-7000 ลูก บางทีไม่น่ากลัวเท่าประเทศที่อยากได้ลูกเดียว
lewcpe.com, @wasonliw
แต่ประเทศที่มีลูกเดียวไม่ศักยภาพมากพอที่จะก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 เท่าประเทศที่มี 6-7000 ลูกได้ ยิ่งได้ผู้นำบ้าๆด้วยแล้วล่ะก็อันตรายเหมือนกัน
ประเทศที่ไม่มีศักยภาพมากพอยิ่งอันตรายครับ ไม่ใช่ไปยิงใครจะแต่ลองนึกว่าโดนคนอื่นโจมตีแล้วไม่มีปัญญาเก็บดีๆแล้วมันระเบิดจะได้อะไรขึ้น
ถ้ามีคนละหกเจ็ดพันลูก สงครามโลกครั้งที่สามไม่เกิดแน่นอนคงตายกันหมดก่อน น่าจะเป็นสงครามล้างเผ่าพันธ์ุมนุษย์มากกว่า
อันนี้ขึ้นกับเชื่อแนวทาง MAD (mutually assured destruction) รึเปล่าครับ
แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา MAD ค่อนข้างเป็นจริง ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์เลี่ยงไม่ปะทะ หรือต่อให้ปะทะกันก็ไม่มีใครยอมรับทั้งสองฝั่ง (ทหารก็รบกันไป ในทางการทูตไม่ค่อยยอมรับว่ารบกันอยู่)
ส่วนว่าคิดว่ามันอาจจะไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้วก็คงเชื่อได้ แต่ดูจากระดับการเผชิญหน้ากันของชาติมหาอำนาจในยุคนี้ น่าจะน้อยกว่า 30-40 ปีก่อนมาก
lewcpe.com, @wasonliw
ไม่มีทางเลยครับ ค่าเงินของ กัน อิงกับแสงยานุภาพทางการทหาร
เรื่อง มัน ยาว จริงๆ
มาจับ huawei ตอนแอปเปิ้ลขายดีจัด จนลดกำลังผลิตแทบไม่ทันนี่นะ
อะไรของคุณ
เรื่องเกิดระหว่างปี 2009-2014 แค่สงสัยว่าขายอุปกรณ์ให้อิหร่าน แต่ออกหมายจับ 2018
ตอนนี้ บอก หัวเว่ยไม่ปลอดภัย ซึ่งยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจริงหรือไม่
เวลานี้ สหรัฐฯห้ามหัวเว่ยเข้าแข่งขันในการขายอุปกรณ์ 5G ที่มึมูลค่าตลาดมหาศาลในอนาคต ทั้งขอร้องเอกชนในสหรัฐฯ ห้ามขายมือถือด้วย พร้อมขอร้องพันธมิตรให้ปฎิบัติตามโดยห้ามด้วย
คิดดูเอาเองว่า มันคืออะไร
มีข่าวว่า ZTE ให้ข้อมูลว่าบริษัทบริษัทหนึ่งทำผิดกฎ(แต่ไม่แน่ใจว่า Huawei หรือไม่เพราะไม่เปิดเผยชื่อบริษัท แต่หลายๆฝ่ายเดาว่าใช่) ช่วงกลางปีนี้ตอนที่สหรัฐมีเรื่องกับ ZTE ด้วยหน่ะครับ
เรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็น political move แหละครับ พอดีมันดันมีหลักฐานที่อาจชี้ชัดได้พอดี
แต่อย่างว่ากับ Trump นี่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดีไม่ดีจะเป็นแบบ ZTE ที่ไปตกลงกัน(เบื้องหลัง?) พอข่าวออกมาชาวโลกงงเป็นไก่ตาแตกว่าเล่นอะไรกัน
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เรื่องพวกนี้คุยยากน่ะ คงร้อนน่าดูโดยเฉพาะพ่อ ถ้ามาทำแบบนี้กับกล่องดวงใจ แต่นึกถึงเคสที่ พนง.ชาวจีนในบริษัทสหรัฐแอบขโมยข้อมูลให้ทางการจีน แลกเงินเอาไปให้ครอบครัว เคสกตัญญูแบบนี้แต่ทำเลวต่อคนอื่นบ่อยๆ นี่ทางฝั่งต่างชาติคงเอียนไม่น้อย รอบนี้ถึงเล่นซะแรง เอาใจช่วยล่ะกันครับ
งานนี้จีนจุกแน่นอน เพิ่งเจอของ ZTE เข้าไป เกือบทำจีนพังได้เลยนะนั่น ผมว่าตั้งแต่มีสงครามการค้ามา สหรัฐได้เปรียบจีนเกือบจะทุกด้านเลย ส่วนจีนแม้จะมีทางออกสำรองแต่ก็เจ็บกว่าสหรัฐฯ อยู่ดี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
กรณีนี้ แค่โดนปรับและปล่อยตัวเท่านั้น แต่สอบเอาข้อมูล
ทวีปแอฟริกาพร้อมสำหรับจีนเมื่อไหร่มังกรอาจปล่อยพลังเมื่อนั้น
งานมโน ก็ ลากมา
?