ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ออกรายงานสรุปสถิติภาพรวมเรื่องวิธีการจ่ายเงิน (Federal Reserve Payments Study - FRPS) ของคนในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2018 (แต่เป็นสถิติของปี 2017) มีประเด็นน่าสนใจดังนี้
- การถอนเงินสดผ่าน ATM ลดลง จำนวนครั้งของการถอนเงินผ่าน ATM ลดลง 2.8% แต่มูลค่ารวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5%
- การจ่ายเงินด้วยบัตร (นับทั้งเครดิต เดบิต และบัตรอื่นๆ) มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10.1% และมูลค่ารวมเพิ่มขึ้น 8.4%
- การจ่ายเงินระยะไกล (หมายถึงการจ่ายด้วยบัตรที่ไม่ต้องเจอหน้า รูดบัตรจริง) มีจำนวนเพิ่มขึ้น 22.8% โดยสูงกว่าการจ่ายเงินแบบต้องรูดบัตรจริงที่โต 7.2%
- เนื่องจากสหรัฐเพิ่งเปลี่ยนมาใช้บัตรแบบชิปในปี 2015 อัตราการจ่ายด้วยบัตรแบบชิปก็สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินครึ่งหนึ่งของการจ่ายด้วยบัตรทั้งหมดแล้ว
- การจ่ายเงินด้วยเช็คยังลดลงต่อเนื่อง โดยมีจำนวนลลง 4.8% แต่แนวโน้มก็ลดลงติดต่อกันมาหลายปีแล้ว
ที่มา - Federal Reserve (PDF)
Comments
มาเสรอมให้นิดนึงเผื่อคนไทยนึกเรื่องเชคไม่ออห เดิมคนเมกันใช้เชคในชีวิตประจำวันเยอะมาก จนทุกคนต้องมีสมุดเชค ค่าเ่า apt., Grocery, shopping, etc คนไม่มีเคนดิตก็ยังต้องมีเชค ค่าธรรมเนียมของการเขียนเชคไม่จำกัด นี่ก็ต้องมี checking account ราวๆปี 2000 ค่ธรรมเนียมของการฝากบัญชี checking account ของ BOA นี่เดือนละ 10 เหรียญมั้ง ผมไม่ยอมจ่ายไปเปิดบัญชีแบบที่กดเงินได้เดือนละ 3 ครั้งกับเขียน เชคได้เดือนละ 3 ใบแทน นี่ต้องวางแผนกันสุดๆเลยสำหรับการประหยัดค่าธรรมเนียมตรงนี้
แล้วเกิดมาผมก็เขียนเชคแค่ที่เมกา ที่อื่นผมไม่เคยต้องใช้เลยพับเผื่อย
ใช่อยู่ไทยไม่เคยเขียนเช็คแต่เวลาอยู่ที่อเมริกาจะจ่ายค่าโทรศัพทืค่าสาะารณูปโภคเป็นเช็คใส่ซองกลับไปยัง เจ้าของบิลต่างๆ
เวลาไปช้อปตามห้างก็จะมีเพื่อนที่เขียนเช็คจ่ายกันเยอะ แต่ส่วนตัวจะใช้บัตรมากกว่าเพราะสะดวกและราดเร็ว
โดยเฉพาะการจ่ายภาษีและค่าธรรมเนียมบางอย่างให้ IRS และองค์กรของรัฐบางที่ ยังต้องใช้ Check อยู่ ถ้าบริษัทเอกชนไม่มีระบบ direct deposit ก็จ่ายเงินเดือนเป็น Check... แต่ส่วนใหญ่ผมใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าสาธาณุปโภคต่าง ๆ หมด ค่าอะไรที่ตัดบัตรอัตโนมัติได้ผมใช้หมด Checking account ก็เอาเงินเหลือไว้หน่อยพอที่จะไม่โดนค่ารักษาบัญชีเพราะยังไงบัตรเดบิตก็ไม่มีค่าธรรมเนียมแล้วเก็บเงินในหุ้นกับ Saving ที่ดอกเบี้ยสูง ๆ แทน ตอนนี้บัตรเดบิตแทบไม่เคยเอาออกมาใช้เลย