มีรายงานข่าวมาต่อเนื่องหลายเดือนแล้วว่า iPhone รุ่นใหม่นั้นยอดขายไม่เป็นไปตามคาด แอปเปิลเองก็ออกมายอมรับ แต่ก็ยังมีข้อมูลใหม่ออกมาอีก โดย Nikkei อ้างแหล่งข่าวว่า แอปเปิลได้แจ้งซัพพลายเออร์เมื่อปลายเดือนที่แล้วว่า iPhone XR และ XS จะผลิตน้อยลงจากแผนเดิม 10% สำหรับช่วงไตรมาส 1/2019
ก่อนหน้านี้ Nikkei เคยรายงานตัวเลขการลดกำลังผลิต iPhone รุ่นใหม่ของปีนี้ และนี่เป็นการรายงานคำสั่งลดกำลังผลิตครั้งที่สอง โดยตัวเลขเดิมอยู่ราว 47-48 ล้านเครื่องในไตรมาสปัจจุบัน มาเป็น 40-43 ล้านเครื่อง
แอปเปิลบอกว่าสาเหตุที่ iPhone รุ่นใหม่ทำยอดขายได้ไม่เป็นตามที่คาด เนื่องจากหลายปัจจัยทั้งสงครามการค้าจนกระทบกับตลาดจีน ไปจนถึงผลกระทบจากโครงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ราคาถูก ที่ทำให้คนชะลอการซื้อออกไป
ที่มา: MacRumors
Comments
ปรับราคาลงมาน่าจะช่วยมากกว่านะ -_-
น่าจะถึงเวลาออก new ipad mini กับ new iphone se
+1 New iPhone SE
สมน้ำหน้า อยากขายแพงดีนัก
กดตอบบน XR ...
+XR
++XR
สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากไพรซิ่งมากกว่า แต่ก็นะตอบแบบนั้นก็เหมือนด่าตัวเองว่าอ่านเกมพลาดวางกลยุทธ์ผิด พาลผู้ถือหุ้นไม่ไว้ใจดีไม่ดีโดนเด้งเอาง่ายๆ ปี่กลองใกล้ๆมือก็ต้องดึงมาใช้ก่อน
หรือนี่เป็นสัญญาณของ...
iPhone จะขึ้นราคาอีกในปีหน้า
ขายดีมาก จนลดกำลังผลิตแทบไม่ทันอีกแล้ว
รุ่นหน้าต้องตั้งราคาให้ถึงหกหลักนะครับ
จะได้ทำลายสถิติมากๆ
เหมือนข่าวเดจาวูทุกๆไตรมาส
รีบๆลดมาเหลือสองหมื่นต้นๆนะ
โทษแต่จีน ตัวเองทำมือถือราคาแพง ไม่มีนวัตกรรม ขณะที่มือถือจีนราคาหมื่นต้นใช้ได้ดีเหมือนกัน และคนจีนชาตินิยมมาก แถว่าสงครามการค้านี่ฟังไม่ขึ้นอย่างแรง
ปรับลดแต่ยังเหลือ 40ล้านเครื่องวู้ยยย
もういい
คนอเมริกัน 300 ล้านคน
ถ้าปลุกกระแสรักชาตินิยม แห่มาซื้อกัน 20% ก็รอดแล้วครับ
จะแป๊กก็ไม่แปลกตอนนี้ Xลดราคาจนรุ่น 256 GB พอกับ XR 128GB
XS MAX ขายดีหรือครับ
ผลไม้ยุคก่อนไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว..เพราะเทคโนโลยีดีๆส่วนใหญ่ไม่ได้ออกมาขายให้เจ้าอื่นใช้ ยกเว้นบางเจ้า..
ตามธรรมชาติคนส่วนใหญ่ต้องการราคาถูกสุดและใช้งานพื้นฐานได้อย่างมีเสถียร นี่คือ การตลาดพื้นฐาน
ไอโฟนยุคแรกๆ นี่ดูคุ้มค่าคุ้มราคากว่านี้มาก เมื่อเทียบกับนวัตกรรมยุคนั้น คนเลยตัดสินใจไม่ยาก และมือถือสมาร์ทโฟนราคาถูกมันก็มีความกากในระดับที่ใช้งานจริงได้ยากจริงๆ การที่เทคโนโลยีมันพัฒนาจนสามารถอุดช่องว่างในเรื่องการใช้งาน ตอนนี้เรือธงทุกเจ้าก็น่าจะกำลังปาดเหงื่ออยู่ เอาจริงๆ ก็ยังไม่เห็นเจ้าไหนที่มีเทคโนโลยีที่ดูแล้วเป็นต่อหรือนำอย่างก้าวกระโดดเลย เห็นมีขายกันอยู่สองเรื่องหลักๆ คือชาร์จไวกับกล้อง ยกเว้น Samsung ที่มี Note เป็นจุดแข็งอยู่ เพราะตอนนี้สงครามที่น่าจับตาและกำลังระอุจริงๆ ก็น่าจะเป็นการชิงพื้นที่ของตลาดกลางกับล่าง ที่กำลังฟัดกันอย่างนัวเนียเลย
iPhone ยุคแรกนี่แรกแพง ไม่ได้คุ้มราคานะครับ ราคาติดสัญญาแพงกว่าโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ มาก เริ่มต้น 499$ มีปรับลดราคาหลังจากออกได้ไม่นาน รุ่นแรกพ่วงมาทั้ง dock ด้วย ตอนรุ่น 3G นี่ตัด dock ออกลดราคาอีก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตรงนั้นก็คงแล้วแต่มุมมองนะครับ $499 สำหรับค่าทัชสกรีนสุดว้าวและเรื่องดีไซน์ในตอนนั้นผมว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับมือถือในยุคเดียวกัน
ครับ แล้วแต่มุมมอง แต่หลายๆ คนรวมถึง Apple เองหลังจากเริ่มเห็นยอดขายหรือ feedback แล้วก็ไม่คิดแบบนั้น เพราะเริ่มขายเดือนมิถุนา แต่เดือน 9 ลดราคาลง 200$ แถมแจก credit คืนให้คนซื้อก่อนหน้าอีกคนละ 100$
https://www.blognone.com/node/5736
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ยุคแรกถึงจะแพง แต่มันเด่นมากนะครับ ใครเห็นต้องอยากได้
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ไม่มีอะไรเร้าใจเหลือเลย แทบทุกอย่างหาได่จากมือถือจีนที่ราคาครึ่งเดียว
น่าสนใจว่า นวัตกรรมยุคต่อไปจะเป้นอะไร และใครจะนำเสนอ
เห็นด้วยว่าแพง เด่น โชว์นวัตกรรม แต่ไม่ใช่ขนาดเห็นแล้วตัดสินใจซื้อได้ง่ายๆ ครับ ไม่งั้นเปิดมาไม่กี่เดือนไม่ปรับราคาหรอกครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แต่ยอดขาย 1 ล้านเครื่องภายใน 74 วันนี่ก็ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดานะครับสำหรับบริษัทที่ไม่เคยทำมือถือมาก่อน และเป็นการขายภายใต้ช่องทางการจัดจำหน่ายที่จำกัดมากๆ ด้วย
+1
สมัยนั้น ด้วยราคาแบบนั้น และเป็นรุ่นแรก (ที่ไม่แน่ว่าจะได้ทำต่อหรือไม่)
ต้องเรียกว่าเป็น 1 ล้านเครื่องที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ขนาดสตีฟ (อีกคน) ยังหัวเราะร่วนเลย ราคาแบบนี้ ไม่มีคีย์บอร์ด ... ขำเป็นจริงเป็นจัง
แล้วหันมาชื่นชม zune ของตัวเอง ... ต่อมาก็ทำ windows phone เจ๊งอีก
https://youtu.be/eywi0h_Y5_U
74 วัน นี่รวมลดราคาครั้งที่ว่าด้วยนะครับ พอลดราคาแล้วถึงเรียกได้ว่าคุ้ม
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตรงนี้ก็ได้แต่เดากันไปครับเพราะจริงๆ เราก็ไม่รู้ว่ายอดก่อนลดและยอดหลังลดมันแบ่งเป็นกี่เครื่อง แต่ยังไงโดยรวมตัวเลข 74 วัน ยังไงก็น่าทึ่งอยู่ดี และอย่าลืมว่านั่นคือครั้งแรกของการขายมือถือของ Apple การปรับราคาอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับยอดขายก็ได้ อาจจะเป็นเพราะแอปเปิลเจอวิธีการในการทำเงินแบบใหม่ หรือปรับแผนจ คำนวณโดยดูจากผลตอบรับที่ดีและการคาดการณ์ที่เปลี่ยนไปจากตอนแรกก็เป็นได้
อ่อเจอคอมเมนต์ที่คุณยกมา เห็นว่าราคาในมาบุญครองช่วงที่พีคๆ คือ 4 หมื่น นั่นเป็นราคาที่บวกกำไรเข้าไปแล้วนะครับ แสดงว่าราคาตอนนั้นก็ถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ
มือถือ แข่งกัน ดุเดือดมาก ลุกเล่นความสามารถ ก้แทบไม่ต่างกัน เยอะ แบบเมือก่อน ละ ราคาหมื่นต้นก้เล่นได้ดี และลื่นไหล แล้ว
อันที่จริงขายได้มากขนาดนี้ก็น่าประหลาดใจแล้วครับ สำหรับ XR