หัวเว่ยไล่ Weijing W. หรือ Stanislaw Wang ผู้อำนวยการฝ่ายขายของหัวเว่ยโปแลนด์ออกจากความเป็นพนักงานของบริษัท พร้อมส่งแถลงการณ์ไปยังสื่อว่าข้อหาที่ Wang ถูกกล่าวหานั้นไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท หลังจาก Wang ถูกทางการโปแลนด์จับกุมเพียงหนึ่งวัน
แถลงการณ์ยังระบุว่าการยุติสภาพพนักงานเป็นไปตามสัญญาจ้างของบริษัท เพราะคดีความส่วนตัวของพนักงานสร้างความเสียหายให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทเอง
ขณะที่สถานทูตจีนแสดงความกังวลต่อคดีนี้ และกำลังดำเนินการเพื่อขอเข้าเยี่ยม Wang
ที่มา - Strait Times
Comments
สงสัยความผิดชัดเจนมาก ตัดหางปล่อยวัดเลย กลัวกระทบบริษัท เรื่องนี้ทางจีนต้องไปดูแลฝ่ายเดียว
ไม่ใช่ญาติหรือเป็นผู้นำระดับสูงในพรรคฯ แบบที่ลูกสาวโดนจับ ได้ข่าวว่าเธอเป็นอันดับ 7 ในพรรคฯ
แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะจับกุมสายลับที่มาสืบข้อมูล เห็นมีจับกันเรื่อยๆ ไทยเองก็เคยจับของเพื่อนบ้าน
พอจับได้ก็ต้องพยายามไม่ให้สาวไปถึงคนสั่งการ ซึ่งจะใช้เป็นข้ออ้างในการดำเนินมาตราการตอบโต้
การยุติสภาพพนักงานเป็นไปตามสัญญาจ้างของบริษัท เพราะคดีความส่วนตัวของพนักงานสร้างความเสียหายให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทเอง..ทำถูกแล้ว เพื่อภาพลักษณ์องค์กร..แต่เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำทั้งตัวพนักงาน บริษัทเอง บริษัทอื่น และ รัฐบาลจีน ว่ามีความเกี่ยวกันไง
"รักงานได้แต่อย่ารักบริษัท เพราะบริษัทไม่ได้รักคุณ" อ่านกี่ทีๆก็ยังเจ็บถึงกระดูกดำ
เขาก็จะยังไปเยี่ยมนะครับ หมายถึง เพื่อป้องกันไฟลามเข้าบริษัท ตัดไฟก่อนแล้วค่อยสืบสาวราวเรื่องต่อก็ยังไม่สาย
ไม่ชอบจีน แต่อย่าเป็นติ่งอเมริกานะครับ
สายลับน่ากลัวที่สุดน่าจะอเมริกานะครับ
ไม่ใช่รัสเซียหรอกเรอะที่น่ากลัวสุด
ลองอ่านข่าวDW RT CGTNบ้างครับ
ตัวอื่นผมไม่สน แต่ตัวนี้เป็น state-owned นะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
RT ก็เป็นของรัฐทางอ้อมนะครับ เพราะได้เงินจากรัฐบาลรัสเซียโดยตรง และเป็นสื่อของรัสเชียที่เน้นกระจายข่าวนอกประเทศโดยเฉพาะนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
CNN ก็ยิวครับ
พูดตรงๆ นะ ไม่มีสื่อไหนที่ไม่บิดเบือน และเที่ยงตรงแท้ 100% เลยสักเจ้า แม้แต่ของ Mainstream หรือข่าวจาก AI ยัง Bias ตามคนพัฒนาเลย หรืออย่างที่คุณบอก ทุกสำนักข่าวมี Back ของแต่ละฝ่ายเหมือนกัน ในสหรัฐฯ ก็ Liberal กับ Conservative ส่วนไทยก็ เสื้อแดง เสื้อเหลือง รัฐบาล ทหาร ฯลฯ
ถ้าดูง่ายๆ ก็สื่อของไทยเราเลยครับ ชัดเจนมาก สมัยนี้ต้องดูแล้วคิด วิเคราะห์ และแยกแยะกันแล้ว หรือแค่เจอ Clickbait ก็ควรจะแยกแยะได้ระดับนึงแล้วนะ เราทำได้แค่นี้ ร้องเรียนไปก็ไม่มีใครสนใจ ดูแลตัวเองดีที่สุดแล้ว ส่วนเลือกจะเสพข่าวไหนก็เป็นเรื่องของคุณแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ขอบคุณครับ
ผมหมายถึงอย่างนี้เลยครับ แต่เริ่มต้นผิด
แค่อยากให้ฟังหูไว้หู อ่านจากสื่อฝ่ายตรงข้ามบ้าง ไม่ต้องเชื่อแค่อ่านไว้เป็นข้อมูลค้านกันบ้าง
เกาหลีเหนือ จีน รัสเซีย ประเทศชั้นนำของโลกสายลับก็น่ากลัวทั้งนั้นครับ
จริงครับรวมทั้งผู้ดีอังกฤษและตำรวจโลกอเมริกาด้วยครับ
สายลับจริงหรือใส่ความด้วยแค่เกมส์การเมือง ต้องดูกันไปยาวๆ ผมไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะมหาอำนาจเลยแหละ
คือระดับลูกกระจ๊อกนี่ตัดหางปล่อยวัดทันที เคลมว่าไม่เกี่ยวข้อง
แต่ถ้าเป็น CEO หรือลูกหลานบริษัทนี่อีกเรื่องนึง
ทางแบรนด์ รีบออกมาไล่ออกเบอร์นี้
แฟนคลับยังไม่ยอมเชื่อเลยครับว่าเรื่องจริง
เอะอะ ใส่ร้าย ยัดข้อหา จัดฉาก เกมการเมือง
เกิดเป็นหัวเวยเสียอย่าง ดีไป 98 อย่าง
แหม ไม่ใช่ลูกหลานละไล่ออกเลย
ผมว่า สนุกดี
คือรู้สึกว่า คำว่าสายลับ มันไม่ไกลตัว คนทำงานIT
เราติดภาพสายลับที่ภาพยนตร์ได้สร้างเอาไว้ ว่าต้องหล่อ สวย เท่ บู๊สนั่น ซึ่งในชีวิตจริงสายลับต้องทำตัวกลมกลืน ซึ่งอาจจะเป็น คนสำคัญ คนธรรมดาหรือใครสักคนที่อยู่รอบตัวคุณ
ผมว่าสาบลับแบบคนธรรมดา หาตาแก่ หรือไอ้ทึ่มปลอมตัวมาใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบในหนังไม่น่าจะมี
เพราพคนแบบนั้นจะเข้าถึงข้อมูลอะไรได้
มันต้องผู้บริหารที่มีชื่อเสียง ที่มีโอกาสเข้าถึงนายกรัฐมนตรีได้เผ็นต้น
มีครับเคยได้ยินมาว่า เคยมีตำรวจปลอมตัวเป็นคนไร้บ้านหรือขอทานนี่แหละ แฝงตัวในชุมชนอยู่จนเสร็จภารกิจ ผมว่าบทบาทของสายลับนี่มันขึ้นอยู่กับ mission และ objectivie ครับ หรือเร็วๆ นี้ก็มีแฝงอยู่ในวัดด้วยบทบาทพระ
ตำแหน่งที่ทุกบริษัทมักประมาทกันที่สุด คือ "แม่บ้าน" หรือ พนักงานรักษาความสะอาดครับ
พวกเขาเข้าถึงได้ทุกห้องทั้งบริษัท เพราะทุกห้องต้องทำความสะอาด
พวกเขาได้ยินทุกเรื่องโดยที่ไม่มีใครเอะใจ
พวกเขาสามารถวางเครื่องบันทึกเสียงได้ทุกห้อง โดยที่ทุกคนคิดว่าเป็น "ไอ้ทึ่ม" นี่แหละครับ
ผมว่าสายลับอาชีพนี้แหละครับ ที่เนียนที่สุด สมัครงานง่าย รับง่ายแทบทุกบริษัท สัมภาษณ์ผ่านงานง่าย เขาเข้าถึงข้อมูลอะไรไม่ได้โดยตรง แต่บันทึกได้ทั้งภาพและเสียงได้อย่างง่ายดายครับ
สาวยาคูลท์ด้วยครับ
I need healing.
คิดว่าการไล่บางคนออกจะล้างข้อครหาว่าหัวเว่ยเป็นบ.จารกรรมได้เหรอครับ
จริง กำลังคิดอยู่ว่า ใช้ช่องโหว่ที่ในการล้วงความลับหรือเปล่า? ถ้าใช้จริง แล้วล่วงไปได้เท่าไหร่แล้วเนี่ย?
ไม่แปลกใจนะ ถ้าทำผิดซักบริษัทหนึ่ง เขาก็ไล่ออกอยู่แล้ว เพื่อเชื่อเสียงบริษัท แต่เมื่อเทียบกับคนที่โดนก่อนหน้านี้ด้วย มัน 2 มาตรฐานเกินไป คนใหญ่คนโตปกป้อง แต่พวกลูกกระจ๊อก ตัดหาง
เอาจริงๆแล้ว คนทำงานส่วนมากในไทยเขารักบริษัทกัน เพื่อที่ต่อไปอาจช่วยเหลือเราได้ แต่ทำไมเราไม่ได้รักบริษัทเลย แค่ไม่ทำเสียชื่อเสียงก็พอ แต่รักงานที่ทำมากกว่า
คงไม่มีใครขายมือถือหัวเว่ยทิ้งเพราะข่าวเรื่องนี้นะ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เอาไม่อยู่หรอกครับ ก็ใจมันรักไปแล้ว พอโดนจับ ลูกค้ารีบแก้ตัวแทนเลยว่าเรื่องส่วนตัวนะ ไม่เกี่ยวกับแบรนด์...
เมกา เค้าซื้อโปแลนด์ไปแล้ว เลยใส่ร้ายน่ะครับ /ฉันสบายใจจะเชื่อของฉันแบบนี้
ผมคนหนึ่งที่ไม่ใช้หัวเว่ย
เพราะจริยธรรมบริษัท ยังไม่สามารถตรวจสอบได้จากประชาชนทั่วไป และรัฐบาลสามารถแทรกแทรงได้โดยง่าย โดยไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรือถ่วงเวลา
เป็นหัวหน้าฝ่ายขาย ยุ่งและเครียดแล้วยังเป็นสายลับอีกตำแหน่ง หรือเป็นแค่หัวหน้าฝ่ายขาย หุ่นเชิด
การถูกจับว่าเป็นสายลับก็ยังไม่ชัดเจนนะครับ รอสืบข้อมูลก่อน การไล่ออกจากบริษัท มันก็เป็นตามสัญญาจ้าง เมื่อพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าบริสุทธิ์ ก็น่าจะยังกลับมาบริหารต่อได้ ทีนี้ต้องฟ้องกลับ เพราะผมไม่คิดว่า หัวเหว่ย จะเสี่ยงทำการจารกรรมข้อมูล เนื่องจากทุกวันนี้ คนจารกรรมข้อมูลจากอเมริกามาเปิดเผยก็มีอยู่เยอะ อย่าง Snowden และพันธมิตรอีกมาก ซึ่งหัวเหว่ยไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาเสี่ยง
คิดว่าเอาตำแหน่งที่มี ไปควบอาชีพสอง ทำงานส่งข้อมูลลับให้บริษัทอื่น(ที่ไม่ใช่หัวเหว่ยรึเปล่า)
เพราะถ้าส่งให้หัวเหว่ย แล้วโดนจับ หัวเหว่ยน่าจะกลัวโดนแฉ คงจะรีบไปเยี่ยมและเจรจาปิดปาก ไม่ใช่ทิ้งเลยแบบนี้