สิทธิมนุษยชนผู้หญิงในซาอุดีอาระเบียอยู่ในขั้นตกต่ำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตผู้ชาย ทั้งเปิดบัญชี ไปเที่ยว แต่งงาน ความกดดันนี้ทำให้ผู้หญิงอยากหนีไปจากประเทศนี้ ล่าสุดถึงขั้นมีแอพพลิเคชั่นไว้ตามตัวผู้หญิงไม่ให้หนีออกนอกประเทศ
แอพดังกล่าวคือ Absher สามารถหาโหลดได้ตาม Google Play และ App Store ทำให้ทั้ง Google และ Apple ถูกวิจารณ์ว่าปล่อยให้มีแอพแบบนี้บนแพลตฟอร์มได้อย่างไร กลุ่มเคลื่อนไหวและ Human Rights Watch ก็กดดันให้แบนแอพนี้ออกไปเสีย
การทำงานของแอพ Absher คือสามารถกรอกข้อมูลของคนในปกครอง สามารถจำกัดสถานที่ที่เป็นแบลกลิสต์ได้ เช่น สนามบิน ถ้าคนในปกครองหรือผู้หญิงมีทีท่าว่าจะไปในสถานที่ต้องห้ามระบบก็จะแจ้งเตือน โดยวิธีที่ผู้หญิงมักใช้เวลาหนีคือ ขโมยโทรศัพท์ของผู้ชายที่ปกครองหรือเปลี่ยนรหัสผ่านไปเลย
ล่าสุดเข้าไปตรวจสองจากร้านค้าแอพทั้งสองแห่งพบว่ายังมีแอพ Absher อยู่
ที่มา - Android Police
Comments
ผมว่ากฎบ้าๆ แบบนี้ มีอิทธิพลจากศาสนาและวัฒนธรรมของคนที่นั่น ค่อนข้างรุนแรงทีเดียว
ถ้าซาอุฯ หายไปจากโลกหรือไม่มีตั้งแต่แรก น่าจะทำให้โลกสงบลงได้อีกเยอะเลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ไม่น่าเกี่ยวนะครับว่าโลกจะสงบ
ไม่น่าเกี่ยวนะครับว่าโลกจะสงบ
คิดล้างเผ่าพันธุ์แบบในอดีตสินะ
ผมว่าน่าจะเป็นเพราะชนชั้นปกครองของประเทศเขานะครับ ถ้าแค่นับปรับทัศนคติก็น่าจะพอ :P
ผมเดาแบบวิเคราะห์ว่าคุณ IDCET คงจะหมายถึง ถ้าไม่มีซาอุอยู่ตรงนั้นแต่แรก คงไม่มีศาสนาอิสลามใช่มั้ยครับ
ถามเฉยๆ คนอื่นที่อ่านเม้นจะได้เข้าใจด้วย ว่าคุณ IDCET หมายถึงอะไร
เพราะในตะวันออกกลาง ซาอุฯ มีอิทธิพลสูงสุด ถ้าจำตอนราคาน้ำมันสหรัฐฯ ที่โดนแบน และสงครามกับอิสราเอลได้ ซาอุฯ เป็นหัวหอกเลย เจ้าพ่อค้าน้ำมันรายใหญ่
แถมเป็นตัวก่อปัญหาด้วย นักข่าวตายบ้าง ราชวงศ์ทำร้ายประชาชนลงข่าวบ้าง ริดรอนสิทธิสตรีบ้าง ผมเลยเกลียดมากเหมือนกันพอกับอิสราเอลที่แย่งพื้นที่ปาเลสไตน์ ยิ่งกว่าอิหร่านอีก ยิ่งเป็นแกนของศาสนาอิสลามที่เป็นปัญหาด้วย ไม่รู้ว่าจะมีมาทำไมเหมือนกัน กีดกันหลายอย่าง โดยเฉพาะสตรี
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เอาเข้าจริงศาสนาเป็นแค่ข้ออ้าง ตัวคนชั้นปกครอง
อยากริดรอนสิทธิ์สตรี อย่างมุสลิมผู้หญิงในไทยขับรถได้ ไม่ต้องคลุมหน้า
+10000000
ถ้ามีอลาดินมาให้พรอะไรก็ได้สามอย่าง ผมจะขอเพียงอย่างเดียว
ช่วยลบ.....ออกไปจากแผนที่โลกด้วย แค่นี้โลกก็น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะแล้ว
การว่ากล่าวร้ายศาสนาและวัฒนธรรมชาติอื่น ถือเป็นเรื่องร้ายแรง การที่มีแอปแบบนี้หรือใครอาศัยศาสนาเป็นเครื่องมือ มันก็อยู่ที่คนทำทั้งนั้นการระเมิดมันถูกผูกมัดด้วยคน ก็ว่าไปเป็นเรื่องๆ
ไม่งั้นก็คงเป็นแบบฮิดเลอหาข้ออ้างจากคนบาง่กลุ่มและใช้ข้ออ้างนี้ในการค่าล้างเผ่าพันธ์ทุกคนในที่เชื่อเหมือนกลุ่มนั้นๆ
ชอบความคิดเห็นนี้ เพราะดูมีวุฒิภาวะโดยไม่ต้องสนเรื่องอายุ ศาสนาไหนกันที่สอนให้เหยียดศาสนาอื่น
ถ้าจำไม่ผิดน่ากระแสเคร่งอิสลามเริ่มที่อีหร่านไม่ใช่ซาอุนะ เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ไล่พระเจ้าชาห์ออกนอกประเทศ
ยุคก่อนหน้านั้น 50-70 ไม่ว่า ซาอุ,อีรัก,อีหร่าน,อัฟกัน ทั้งโซนนั้นผู้หญิงยังแต่งตัวเปิดหน้าตากันตามปรกติได้ ไม่บังคับใส่ผ้าคลุมผม พึ่งจะมาเคร่งหลังเหตุการณ์นั้นแถวๆ ปี 1979 เองครับ (เอาจริงๆ ก็เรื่องการเมืองทั้งนั้นล่ะ)
ส่วนซาอุยุคเจ้าชายบินซัลมานในปัจจุบันมีแต่พยายาม ค่อยๆ ลดอำนาจฝ่ายศาสนามากกว่า
คุณเปลี่ยนความคิดคนเกลียดอิสลามไม่ได้หรอกครับ คุณเปลี่ยนนาซีไม่ได้เช่นกัน
จะหนีต้องโยนโทรศัพท์ทิ้งในรถขนหมูเหมือนในหนัง
ในยูทูบ ถ้ามีเรื่องแนวๆ นี้ จะมีผู้ชายซาอุมาเถียงเยอะเลยครับว่าไม่จริง โกหก
ปิดเครื่องก็ได้มั้ง
ผมว่าทำให้หนีง่ายขึ้นด้วยนะ ให้ใครที่สมรู้ร่วมคิด ถือเดินไปเดินมาแบบปิดเสียงไว้ก็ได้ ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียง ส่วนสาวเจ้า ก็หนีไป พอออกนอกประเทศค่อยโยนโทรศัพท์ทิ้ง
กินเหล้าติดคุกนะ คนไทยคงทำได้ยาก
ริดรอนความเป็นมนุษย์กันเกินไป
That is the way things are.
ตรวจสอง => ตรวจสอบ
สมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะแล้วนะครับ คิดว่าอีกไม่นานก็ยิ่งเปิดกว่านี้ เจ้าชายแกค่อยๆเปลี่ยนประเทศมาพักละ ตอนนี้ผู้หญิงขับรถเองมีใบขับเองได้แล้ว งาน comicon ก็จัดมาแล้ว พวกเคร่งถึงกับร้อนกันเลยทีเดียว
ถ้าเลือกตีความคัมภีร์และคำสอนทางศาสนา
ก็สามารถส่งเสริมความก้าวหน้าทางสังคม วิทยาการ เทคโนโลยี ได้
เช่นเดียวกับที่สามารถตีความให้ ล้าหลัง งมงาย ด้อยพัฒนา ก็ได้
ยกตัวอย่าง
ศาสนาอิสลาม ช่วงราวๆปี ค.ศ. 800 - 1000 (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงแบกแดดและบริเวณใกล้เคียง)
ถือเป็นแหล่งก้าวหน้าทางวิทยาการและความรู้อันดับหนึ่งในโลก
ดูได้จาก ชื่อวิชา สิ่งของ และดวงดาวต่างๆ ที่ชาวอาหรับ คิดค้นขึ้น
เช่น เลขอาระบิค algebra algorithm alchemist ฯลฯ
ก่อนที่จะหันเหไปสู่ความงมงายและคับแคบทางศาสนา
และยุโรปก็รับเอาวิทยาการความรู้พวกนั้นไปต่อยอด
จนกลายเป็นภูมิภาคที่เจริญสูงสุดแทนที่
Neil DeGrasse Tyson - The Islamic Golden Age: Naming Rights
https://www.youtube.com/watch?v=fDAT98eEN5Q