Facebook ในขณะนี้ถือเป็นเครือข่ายใหญ่ของกลุ่มต่อต้านวัคซีน บางกลุ่มมีสมาชิกเกือบแสนคน ทำให้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญต้องออกมาเรียกร้องให้ Facebook แบนกลุ่มเหล่านี้เสีย เพราะเผยแพร่ข้อมูลผิดเรื่องสุขภาพ เป็นอันตรายต่อสุชภาพของสังคม และชี้ว่าทฤษฎีที่กลุ่มต่อต้านวัคซีนยกมานั้นไม่จริง
ล่าสุดกลุ่มต่อต้านวัคซีนสู้กลับ ด้วยการไปคุกคามคนที่เห็นด้วยกับวัคซีนบน Facebook โดย Elias Kass คนทำงานในวงการแพทย์ ได้ไปให้การต่อหน้าคณะกรรมการวุฒิสภาของรัฐวอชิงตัน ในขณะที่กำลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเพื่อกำจัดข้อยกเว้นสำหรับการฉีดวัคซีนในวัยเด็กและ Kass เป็นหนึ่งในหลายคนที่พูดถึงการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว
ปรากฏว่าหลังจากวันให้การ เขาถูกกลุ่มไม่เอาวัคซีนถล่มๆ Facebook ด้วยถ้อยคำแย่ๆ ไม่ว่าจะเป็น "น่าอับอาย" และ "เฒ่าหัวงู" ไปจนถึง "Nazi pharma shill" และคนไข้ของเขาก็เห็นข้อความเหล่านี้ โดย Kass บอกว่านั่นคือเป้าหมายของกลุ่มต้านวัคซีน
ภาพจาก Shutterstock
เรื่องราวเริ่มต้นที่ Larry Cook และ Erin Elizabeth นักเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีนที่ได้สร้างเครือข่ายขนาดใหญ่บน Facebook โพสต์ข้อมูลลงในกลุ่มปิดที่มีสมาชิกเยอะว่า Kass เห็นด้วยกับการใช้วัคซีนและยังเอาลิงก์ Facebook ของ Kass ไปแปะไว้อีกด้วย ส่งผลให้สมาชิกในกลุ่มตามไปคุกคาม
Larry Cook และ Erin Elizabeth นักเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีนที่ได้สร้างเครือข่ายขนาดใหญ่บน Facebook โดย Cook ระดมเงินเกือบ 80,000 เหรียญใน GoFundMe ทำโฆษณาต่อต้านวัคซีนเผยแพร่ใน Facebook โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่คนมีลูก เป็นการสร้างความหวาดกลัวไม่กล้าเอาลูกตัวเองไปฉีดวัคซีน โดยเขาสร้างเพจ Stop Mandatory Vaccinations (SMV) มีคนติดตามกว่าแสนคน และสร้างกลุ่มปิดที่มีสมาชิก 150,000 ราย ส่วน Erin Elizabeth ก็เป็นผู้ดำเนินการเว็บไซต์ Health Nut News ที่ถูก Pinterest แบนเพราะเผยแพร่ข้อมูลผิด
ในขณะที่ Pinterest ออกโรงแบนเนื้อหาต่อต้านวัคซีนบนช่องค้นหาแล้ว เรายังไม่เห็นมาตรการที่ชัดเจนของ Facebook ซึ่งถือเป็นเครือข่ายใหญ่มากของกลุ่มนี้ แม้จะถูกกดดันจากฝั่งผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แล้วก็ตาม
ที่มา - The Guardian
Comments
ผมมีข้อสงสัยเรื่องการใช้ศัพท์ คืออเมริกาไม่มีตำแหน่งกษัตริย์ ก็ไม่น่าใช้คำว่า "ร่าง[พระราช]บัญญัติ" ได้นะครับ
+
แปลเป็นไทยไงครับ ถ้าไม่แปลเป็นไทย ก็ใช้ทับศัพท์
ภาษาไทย และศัพท์ทางการปกครองไม่มีคำไหนที่ใช้แทนคำว่าพรบ.ครับ
ร่างบัญญัติก็ไม่มีการใช้ในภาษาไทยครับ
น่าจะใช้ 'ร่างกฎหมาย' เฉยๆ ได้อยู่นะครับ
เอ้อ ผมลืมคำนี้เลย เห็นด้วยครับ
มีศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถานของราชบัณฑิตยสภา ตามข่าวต้นทางใช้คำว่า Bill จะได้ศัพท์บัญญัติสาขาวิชารัฐศาสตร์ว่า "ร่างกฎหมาย" หรือ "ร่างพระราชบัญญัติ" ครับ
เอาเข้าจริง พวกต่อต้านระดับบนๆ นี่ฉีดวัคซีนกันหมดหรือเปล่านะ
I need healing.
ถามเอาความรู้ครับ ทำไมเขาถึงต่อต้านการฉีดวัคซีนอะครับ
เริ่มต้นจาก ครอบครัวเศรษฐีคู่นึ่งลูกตายหลังพาไปฉีดยามั้ง
ทีนี้ฟ้องร้องจะเอาผิดหมอ-โรงบาล เลยไปจ้างหมอหรือทีมวิจัยอีกที่ ปลอมข้อมูลเท็จ ทำรายงานปลอมว่าวัคซีนเป็นอันตราย
หลังจากนั้นก็อย่างที่เห็นจนถึงทุกวันนี้มั้ง
เท่าที่ผมรู้มา คือประมาณว่าเค้ามีความเชื่อที่ว่าคนเดี๋ยวนี้ป่วยง่ายเป็นโรคกันเยอะ เป็นเพราะการใช้ยา และการฉีดวัคซีน บราๆ ๆ อะไรพวกนี้
ยังไงรอคนรู้จริงมาเสริมหรือยืนยันอีกทีละกันนะครับ
มีหลายความเชื่อจนเอามาผสมกันกลายเป็นแบบทุกวันนี้ครับ มีตั้งแต่ฉีดแล้วทำให้เด็กมีภาวะ autistism ฉีดแล้วป่วยตาย ฉีดแล้วทำให้เชื้อโรคแข็งแรงขึ้น หรือความคิดแบบแนวท.สมคบคิดเช่นบ.วัคซีนคือผู้เพาะพันธ์เชื้อชนิดใหม่ๆ และยังมีอีกหลายความเชื่อครับ
แต่ที่ผมสงสัยคือ ทำไมเค้าต้องบังคับ หรือพยายามเผยแพร่ความเชื่อให้คนต่อต้านวัคซีนกันมากขึ้นๆ ด้วย อันนี้อยากรู้จริงๆ ว่ามี motive อะไรเบื้องหลัง
ไม่เรื่องขัดผลประโยชน์กันเอง ก็เรื่องที่คนไม่ไว้ใจหมอและบริษัทยา ที่เคยมีกรณีรักษาแล้วตายหรือป่วย นั่นแหละครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทำให้ตัวเองดูเป็นกลุ่มผู้ผดุงความถูกต้อง พยายามทำให้ตัวเองอยู่ฝั่งเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นคนปกติหมู่มาก ได้อารมณ์ฟินในหัวใจครับ อยู่ในจิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว
เชื่อว่าจำนวนไม่น้อยคิดแบบนั้น
ง่ะ ... น่ากลัวนะพวกที่ทำอะไรเพื่อตัวเองแต่ไม่รู้ตัว คิดว่าทำเพื่อคนอื่น
เป็นเหตุผลเดียวๆ กับที่เวลาเรา (คือไม่ได้เป็นทุกคน แต่ผมเองก็เป็นอยู่บ้างนะครับ) พยายามเชื้อเชิญหรือโฆษณาของที่เราใช้บางอย่างว่า "ดี" นี่แหละครับ แบบคอม โทรศัพท์ รถยนต์ บ้าน ฯลฯ ถ้าอาการหนักมากๆ นี่จะไปทาง "ฉันถูก แกผิด ฉันคือผู้ชนะ" ก็มี
ถึงได้มีการตีกันของสาวกที่อาการหนักอยู่เรื่อยๆ ทำให้เรารับรู้ในแง่นี้มากกว่า พวกที่อยู่เงียบๆ ก็มีแหละครับแต่ไม่มีข่าวให้เรารู้จักเท่าไหร่นี่สิ
อย่างผมใช้ Android นี่ผมรู้นะว่าผมชอบเพราะผม geek ชอบเอาไว้ทำนั่นทำนี่ในแบบ geek
แต่ถ้าคนมาถามผม ผมบอกว่าใช้ iPhone แล้วจบ ดีทุกอย่าง ยกเว้นราคากับอุปกรณ์เสริม ลดปัญหาจุกจิกในชีวิตได้เยอะ
ทุกการกระทำของมนุษย์ทุกคน ทำเพื่อตัวเองทั้งหมดแหละครับ
บางคนกินขนมแล้วรู้สึกดี(กว่าแบ่งคนอื่น) จึงหยิบขนมมากินเอง บางคนหยิบขนมแบ่งให้คนอื่นแล้วรู้สึกดี(กว่ากินเอง) จึงหยิบขนมให้คนอื่น บางคนหยิบขนมไปให้หมาแมวกินแล้วรู้สึกดี(กว่ากินเองหรือแบ่งให้คนอื่น) จึงหยิบขนมให้หมาแมวกิน
ส่วนเรื่องอยากความอยากเผยแผ่ลัทธิต่างๆ มาจากสัญชาตญานมนุษย์ด้านนึงที่"ต้องการให้ผู้อื่นยอมรับ/ยกย่อง" เรื่องต่อต้านวัคซีนนี่เกิดจากความเชื่อของตัวเองก่อน จากนั้นพอตัวเองมีความเชื่อซึ่งเป็นส่วนน้อย ถูกโจมตีว่าเป็นฝ่ายผิดต่างๆ นาๆ ก็เริ่ม "หาพวก" ให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูก ได้รับการยอมรับ เท่านั้นแหละครับ ลักษณะคล้ายๆ กับการคลั่งศาสนาแหละ
แต่ผมจะเป็นอีกแบบนะ ผมรู้ว่าผมชอบอะไร ผมจะบอกคนอื่นว่าผมชอบเพราะอะไร แต่จะไม่ไปบังคับ หรือตื๊อให้มาชอบเหมือนที่ผมชอบ
ยกเว้นบางอย่างที่มันเป็น rational ล้วนๆ อันนั้นจะเป็นอีกเรื่องครับ
ในกรณีที่เป็นเรื่อง choice นี่ผมไม่ไปก้าวก่ายคนอื่นนะ ยกเว้นว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจริงๆ
ใช่ครับ คนเราทำเพื่อตัวเองเหมือนกันแต่จะตัดสินใจทำอะไรต่อไปนั่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในเรื่องที่เป็นตัวเลือก "ตามความชอบ ตามความเห็นแต่ละคน" นี่ก็มีทั้งคนที่เลือกจะก้าวก่ายคนอื่นและคนที่ไม่ก้าวก่ายครับ
ผมไม่ค่อยก้าวก่าย (เดี๋ยวนี้นะครับ เมื่อก่อนก็พอควร 555) แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝั่งที่ก้าวก่ายนี่ขยายตลาดได้ดีและมันก็กระทบกับเราด้วยนี่แหละครับ
คือคนเราเวลาจะทำอะไรสักอย่าง สมองจะประมวลผลชั่งน้ำหนักระดับความพึงพอใจอยู่เสมอครับ
สำหรับบางคน การจะแนะนำให้คนอื่นเลือกเหมือนตัวเอง เค้าอาจจะพึงพอใจที่ได้รู้สึกเหมือนเป็นผู้ตัดสินใจ มีอิทธิพลเหนือความคิดของคนอื่น รวมทั้งมีคนที่คิดเหมือนกัน มีพวกพ้องต่างๆ
สำหรับอีกคน อาจจะมองว่าหลังจากเราแนะนำอะไรใครไป หากคำแนะนำนั้นไม่ได้เหมาะกับคนๆ นั้น สุดท้ายคนๆ นั้นอาจจะมากล่าวโทษเรา หรือมีปัญหาให้เรามาแก้ภายหลัง ยกความรับผิดชอบให้เราเนื่องจากเป็นผู้ตัดสินใจแทน ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากเกินกว่าความสุขที่จะได้รับจากความรู้สึกข้างบน ก็เลยแนะนำอีกแบบ หรือไม่แนะนำเลยก็ได้ครับ
สำหรับผม ผมไม่ยัดเยียดอะไรให้ใคร เพราะผมเชื่อว่าคนเรามีความต้องการต่างกันครับ เรื่องต้องรับผิดชอบนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลยสำหรับผม
อย่างตัวผมเองถ้ามีใครมาบอกว่าอันนั้นดีอันนี้ดี ผมก็จะถามไปว่าทำนี้ได้มั้ย มีนี้มั้ย มีนั้นมั้ย เพราะคำว่าดีมันเป็น subjective ยกเว้นบางเรื่องที่ชีวัดได้ด้วยตัวเลข หรือวิธีอื่นๆ
ผมไม่ชอบพวกจุ้นจ้านน่ะครับ ก็เลยไม่จุ้นจ้านกับคนอื่น ยกเว้นว่าคนนั้นๆ จะอยากให้ไปจุ้นจ้านกับเค้า ผมมองว่าพวกที่ entitled มันน่ารำคาญน่ะครับ เลยคิดว่าตัวเองก็จะไม่เป็นแบบนั้น
ใช่ครับ ผมเคยพยายามจะบอกเรื่องทุกคนทำเพื่อตัวเองแต่ด้วยความสามารถด้านการสื่อสารนี่ผมเลยไม่เคยพูดจริงจังได้แค่ขึ้นหัวข้อไว้ ?
ถูกอย่างที่ว่าเลยครับ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่าเราชอบอะไรก็อยากให้คนอื่นชอบเหมือนเรา ที่นี่แต่ละคนอาการหนักเบาไม่เท่ากัน พวกอาการหนักนี่ตัวปัญหาเพราะจะไปยุ่งกับความคิดคนอื่น จะพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นมาชอบเหมือนตัวเองให้ได้ ถ้าพวกหนักมากก็จะถึงขั้นถ้าคิดหรือชอบไม่เหมือนกันคือผิดของที่ตัวเองชอบนั้นดีที่สุด พวกนี้แหละที่ทำให้เกิดปัญหาสังคม