AI หรือปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นคำที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายและกลายเป็นกระแสในช่วงปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าในวงการสตาร์ทอัพก็มักจะเล่นกับคำนี้ไปด้วย อย่างไรก็ตาม MMC บริษัท VC ในอังกฤษได้เปิดเผยผลการสำรวจที่พบว่า 40% ของสตาร์ทอัพในยุโรปที่อ้างว่าใช้ AI หรือสื่อไปว่านำ AI มาใช้งาน กลับไม่ได้ใช้ AI เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจอย่างที่อ้าง
MMC ได้สำรวจจากสตาร์ทอัพ AI กว่า 2,830 รายจาก 13 ประเทศ ทั้งนี้ Forbes ระบุว่าการที่สตาร์ทอัพรายหนึ่งๆ อ้างว่าเป็นสตาร์ทอัพสาย AI นั้นไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องมาจากตัวสตาร์ทอัพเอง แต่อาจถูกจัดกลุ่มจากบริษัทอื่นๆ ภายนอกแทน แต่มันก็พอสะท้อนได้ว่าตัวสตาร์ทอัพที่ถูกกล่าวอ้างอย่างผิดๆ นั้นก็ไม่ได้สนใจจะออกมาแก้ต่างแต่อย่างใด เพราะคำว่า AI ช่วยดึงดูดนักลงทุนได้ โดย MMC ระบุว่าสตาร์ทอัพที่อ้างว่านำ AI มาใช้งาน สามารถระดมทุนได้มากกว่าบริษัทอื่นราว 15%-50%
MMC ระบุด้วยว่าหลายๆ กรณีที่สตาร์ทอัพอ้างว่านำ AI หรือ Machine Learning มาใช้งาน มักเป็นเคสการใช้งานที่ง่อยๆ อย่างแชทบอทหรือการตรวจจับ fraud ซึ่งทั้งไม่ได้เกิดประโยชน์กับลูกค้าของสตาร์ทอัพ (แชทบอท) และไม่ได้เป็นธุรกิจหลักของบริษัทเหล่านั้นเลย (ตรวจจับ fraud)
ที่มา - Forbes
Comments
if...then...else???
บางที่งานหรือระบบบางอย่าง AI ก็ไม่ค่อยเหมาะจริงๆ อย่างการคัดกรองเนื้อหา Youtube และ Facebook ยังคงต้องใช้คนอยู่
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มีพนักงานเฟซบุ๊กฟ้องร้องเฟซบุ๊กแล้วนะครับ เพราะดูภาพกระทบกระเทือนจิตใจจนป่วย
อันนั้นก็ต้องแยกประเด็นครับ เพราะปํญหาที่คุณกล่าวมามันมาจากการบริหารบุคลากรและระบบดูแลสุขภาพของทาง Facebook เองซะมากกว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เห่อกันไปเอง บริษัทผมก็กำลังวิจารณ์เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เหมือนมันไม่เหมาะกับองค์กรบางองค์กร