เว็บไซต์ iFixit เผยแพร่บทความลองแกะสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากซัมซุงคือ Galaxy S10, S10+ และ S10e ปรากฎว่าทั้งสามรุ่นได้คะแนนซ่อมง่ายเท่ากันที่ 3/10 คะแนน ด้วยเหตุผลหลักคือจอซ่อมยากมาก แบตเตอรี่ถอดยาก และกระจกทั้งหน้าและหลังถูกเชื่อมกันด้วยกาว ที่ทำให้การซ่อมนั้นยากตั้งแต่ขั้นแรก
iFixit บอกว่าการวางตัวสแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอ ทำให้การซ่อมจอ (ซึ่งพบได้บ่อยมากเป็นอันดับต้นๆ) เปรียบเป็นฝันร้าย แถมราคาแพงเพราะว่าถ้าจอแตก ต้องเปลี่ยนสแกนลายนิ้วมือด้วยทั้งชุด
ส่วนการเพิ่มระบบชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่น (Power Share) ทำให้ S10 ต้องออกแบบเรื่องการระบายความร้อน และอาจมีผลต่ออายุของแบตเตอรี่ ซึ่งก็เชื่อมติดกับฝาหลังด้วยกาว
ถ้าเทียบกับมือถือรุ่นอื่นๆ Galaxy S9, Pixel 3 และ Huawei Mate 20 Pro ได้คะแนน 4/10 ส่วน iPhone X, XS, XR ได้คะแนน 6/10 (เลขยิ่งมากยิ่งซ่อมง่าย)
ที่มา - iFixit, iFixit (S10/S10e), iFixit (S10+)
Comments
พวกชาร์จให้กันด้วย wireless นี่ไร้สาระทุกรุ่น แค่กิมมิก หลอกคนอ่อนๆ
ถ้ารู้ว่า loss เท่าไหร่ ร้อนเท่าไหร่ อยากรู้ว่าจะใช้กันอยู่ไหม
แบรนด์พวกนี้ก็ถนัดแต่ทำกิมมิกพวกนี้ออกมา แล้วคนอ่อนๆก็นึกว่านวัตกรรม ด่าเจ้าที่ไม่ทำว่าไม่มีนวัตกรรมอีก ถถถ
ทำไมผมมองว่ามันก็มีประโยชน์อะ อย่างผมมีนาฬิกาที่ชาร์จได้ เวลาไปเที่ยวก็พกแค่โทรศัพท์ ไม่ต้องพกแท่นชาร์ทไป หรือเวลาฉุกเฉินก็ให้เครื่องอื่นได้ ไม่ได้ชาร์ทให้ตลอดซะหน่อย แต่ดูลักษณะการพิมพ์แล้วไม่รู้ไปหัวร้อนมาจากให้ ตังเองไม่ได้ใช้ แปลว่าคนอื่นก็ไม่ใช่หละสิ
มองในแง่ user experience ผมก็ว่ามันแค่กิมมิกเหมือนกันนะ
มือถือปกติเราหยิบๆจับๆบ่อยอยู่แล้ว เอาของมาวางชาร์จต่อนี่ในช่วงเวลาที่วางอยู่ก่อนที่จะยกมือถือมาใช้งานนี่มีมันจะชาร์จได้แค่ไหนกันเชียว
อาจจะจริงนะ แต่ถ้ามันเอามาใช้ใน พวก tablet จะดูโอเคกว่าหน่อยนึงเลยล่ะ
ส่วนตัวคิดว่าจอโค้งผมว่าไร้ประโยชน์ในแง่ใช้งานของแท้อะ ลองถามคนใช้มาดูแค่สวยและจับง่ายขึ้นเองมั้ง....ส่วนข้อเสียมือลั่น ฟิล์มลอก แตกง่าย....
โคตรจริงเรื่องจอโค้ง
จริงๆ ตอนนี้ชอบทุกอย่างใน S10, S10+ เลยนะ ยกเว้นจอโค้ง
Use case มันมีครับ อย่างเช่นไปเที่ยวไหนพกสายชาร์จไปอย่างเดียว หูฟัง นาฬิกา ก็ใช้มือถือชาร์จเอา ไม่ต้องพกไวเลสชาร์จไปด้วย
ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่ามันเป็นนวัตกรรมอะไร แค่มันอำนวยความสะดวกได้เฉย ๆ
ในกรณีที่มี นาฬิกา หูฟัง หรืออุปกรณ์อื่น ที่รองรับ สำหรับ มือถือที่มีระบบนี้ก็แค่สายชาตเส่นเดียว ชาตเครื่องพร้อง หูฟังพร้อม นาฬิกา ได้ แต่สำหรับคนไม่มี ก็ต้องพกแท่งชาตของแต่ละอันหรือพกแท่นไวเลสชาตพร้อมadaptorอีกชุด ก็ยังสงสัยว่าไร้สาระตรงใหน แสดงว่าพวกขายแท่นไวเลสชาต ก็ไร้สาระสินะ
แล้วมันร้อนเท่าไร และ loss เท่าไรหรอครับ
ไปหงายแท่น qi ทั่วๆไปดู เข้ากี่วัตต์ ออกกี่วัตต์ เครื่องได้ไปจริงกี่วัตต์ ที่เหลือก็ loss/heat
ใช้โทรศัพท์เครื่องนึงไม่ได้ 30 นาที แถมแบต A ลดไป 30% เครื่อง B ได้แบตมา 10% คุ้ม? สะดวก? ตรงไหน?
อ้อ... อาจจะสะดวกในสายตาพวกข้างบนๆก็ได้นะ
ส่วนเรื่องฉุกเฉินนี่ออกทะเลไปไกล เอาเครื่องเพื่อนมาโทรเลยดีกว่าไหม ไม่ใช่ไปดูดคนอื่นผ่านวิธีนี้ ทำแบตเขาลดไปเกือบครึ่ง แล้วเราได้มาแค่ 10กว่า% เพื่ออออ..... logic ก็ไม่ได้ซับซ้อนนะ
พวกแชร์แบตที่ใช้สายอย่าง iPad-iPhone หรือใช้พวก powerbank ดีๆหน่อย loss ไม่เกิน 5-10% ไม่ใช่ loss ทิ้งไปเกินครึ่งแบบพวกนี้
จริงๆมีประเด็นอีกหลายอย่าง แต่เอาแค่นี้ก่อน เถียงกับคนที่ไม่เข้าใจ ทำไงเค้าก็ไม่เข้าใจ
คนที่ใช้จริงก็มีถมไปครับ อยู่ที่ว่าเราจะมีไอเดียนำมาใช้ประโยชน์ได้แค่ไหน เช่น หูฟังไร้สายนี่สะดวกมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สายชาร์จไม่ตรงกับมือถือทำให้เวลาลืมหรือไม่ได้พกไปก็ไม่ต้องกังวล แถม Charge ตอนระหว่างวันก็ได้ กินข้าว กินกาแฟ ถึงไม่มีที่เสียบเราฟังเพลงที่หูฟังแล้วชาร์จคลับหูฟังไปด้วยก็ได้
ส่วนเวลาฉุกเฉินจริงๆ ก็มีประโยชน์เช่นถ้าเพื่อนคุณมือถือแบตหมดเหลือ 1% หรือดับแล้ว แต่เค้าต้องกลับบ้านโดยนั่งรถไฟฟ้าแล้วโทรให้พ่อมารับ การนั่งชาร์จในร้านอาหารประมาณ 20 นาทีก่อนเช็คบิลห็ทำให้เค้ามีแบตใช้ได้ 7-10% เลย ซึ่งอยู่ได้เกือบชั่วโมง
ถ้าแง้มออกมามองโลกให้กว้างหน่อยก็จะพบว่ามันไม่ใช่มีแต่เคสการนำไปใช้ในสถาณการณ์ปกติเท่านั้น แต่มันมีเรื่องฉุกเฉินหรือเฉพาะหน้าอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์จากมันได้อีกเยอะ
ป.ล. คุณสามารถชาร์จมือถือสองเครื่องด้วยสายและ Wall adapter อันเดียวได้ผ่าน Wireless Charge นะ นี่คือตัวอย่างความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ได้มีกันทุกคน lol แค่นี้ก่อนก็พอจะเห็นภาพ แต่ถ้าไม่เปิดโลกออกมาพิมพ์แค่ไหนก็เสียเวลา
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ชาร์จจาก wall charge พร้อมกับชาร์จให้อีกเครื่องนี้ เครื่องจะร้อนไปมั้ยครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมก็สงสัยเรื่องนี้่อยู่เหมือนกันครับ ไฟเข้าไฟออกพร้อมกันมันจะร้อนขนาดไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเร่งให้แบตมือถือเสื่อมเร็วมากขึ้นแค่ไหนด้วย
ถ้ามองในยามฉุกเฉินมันเป็นฟังค์ชั่นที่มีประโยชน์ครับ(แต่จะมีโอกาสใช้ซักกี่ครั้ง) ผมมองว่าในแง่การใช้งานระยะยาวแล้ว การพก Power Bank ลูกเล็กๆเบาๆความจุไม่เกิน 5000 อาจจะสะดวกกว่าก็ได้นะครับ
สถานการณ์นี้คือสร้างสรรค์ที่สุดแล้ว? อันนี้คือโลกกว้างที่สุดแล้ว? มีใครส่งสถานการณ์ไหนมาแข่งอีกไหม?
พกสิ สายชาร์จน่ะ นน.10-20g เส้นละร้อย ติดกระเป๋าไว้ ในเมืองหาที่เสียบง่ายจะตาย
ถ้าไม่ได้อยู่ป่าเขา เจริญขนาดมีคาเฟ่ให้นั่งแบบข้างบน ค่าเฟ่ไหนไม่มีปลั๊ก? เสียบปล๊กสิ 5 นาทีพอ ได้มา 10% แน่ๆ
เพื่อนคุณไม่ต้องนั่งเสียเวลามานั่งมองหน้ากับคุณอีกตั้ง 20 นาที แถมแบตเพื่อนคุณจาก 40% เหลือ 10% กลายเป็นเศร้าพอกัน
ถ้าไม่พกสาย ก็ไม่ได้น่าห่วง เพราะตอนนี้ port ทั้งโลกมีแค่ 3 แบบหลักๆ เดินถามหาได้ทั่วไปตามคนเดินถนน ห้าง ร้าน ค่าเฟ่ ยามดึกก็หาป้อมรปภ.(อันนี้ของจริง เพราะ รปภ.ทุกคนต้องมีสายชาร์จ item สำคัญของเขาเลยล่ะ) ถ้ามันฉุกเฉินจริง แค่ 5 นาที ใครจะไม่ให้ใช้
อ้อ ถ้าอยู่ป่าเขา การที่แบตอีกคนหายทิ้งไป 20% นี่หายนะกว่าอีกนะ
ตามที่คุณบอก โลกคุณอาจจะกว้างและสร้างสรรค์กว่าผม แต่เห็นได้ค่อนข้างชัด ว่าคุณคิดไม่เกิน 1-2 ชั้น
เพราะเขาเห็นคนแบบนี้เยอะแหละ ถึงทำกิมมิกพวกนี้ออกมา
ถ้าเป็นผมคงให้เพื่อนยืมมือถือโทรเลย 555
+10 เห็นด้วย 100%
555 สงสารคุณ carrot เลย ต้องมานั่งอธิบายอะไรเรื่องพวกนี้ เข้าใจยากกันจริงๆ
อยากรู้ว่าถึงเวลาจริงๆ จะมีใครบ้างที่มีโอกาสใช้ use case ที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้
ใช้อยู่ครับ ชาร์จค่อนข้าวเร็ว ใช้แท่นของซัมซุง กับ ไอโฟน
เร็วกว่า ใช้อแดปเตอร์ ที่แถมมาในกล่องไอโฟน มาเสียบอีกครับ
ไม่ร้อนด้วยครับ เพราะแท่นมันมีพัดลมในตัว
น่าจะหมายถึงระบบชาร์จให้เครื่องอื่นครับ ไม่ได้หมายถึงชาร์จไร้สายจากแท่นชาร์จ
แอบเห็นด้วย
แต่ผมไม่กล้าพิมพ์เพราะอาจจะมีบางคนชอบ ส่วนตัวเป็นฟีเจอร์ที่ไม่คิดจะใช้เลย
จอโค้งก็เช่นกัน
ผมเห็นและไม่ชอบมาตั้งแต่รุ่นแรกเลย หน้าจอก็ควรจะเรียบสม่ำเสมอนั้นก็ถูกต้องแล้ว มองไม่เห็นข้อดีของจอโค้งเลย ปกติเวลามีกิมมิกพวกนี้ออกมา ก็มักจะมีการยกตัวอย่างประโยชน์ของมันตามมาด้วย แต่จอโค้งไม่เห็นมีใครพูดถึง เวลานำเสนอก็พูดแต่ความสวย (แค่นั้นจริงๆ -*-)
แต่ Samsung ก็คงไม่เอาจอโค้งออกหรอก ไม่งั้นมันจะเสียฟอร์ม
เท่าที่จำได้ผมน่าจะเป็นคนแรกๆ ที่ชี้ถึงจุดนี้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคอมเมนต์ไว้เป็นข่าวมือถือ Huawei พยายามคิดหา use case ที่สมเหตุสมผล เพื่อหาเหตุผลที่แข็งแรงมากพอถึงการที่มือถือเครื่องหนึ่งต้องเพิ่มต้นทุนเพื่อให้สามารถทำตัวเองให้เป็นที่ชาร์จไร้สายสำหรับอุปกรณ์อื่นได้ นึกเท่าไหร่ก็ยังหาเหตุผลที่ดีพอไม่ได้ แต่มีท่านหนึ่งที่ยกเรื่องหูฟังไร้สายขึ้นมาด้านบน ตรงนั้นผมว่าดูจะพอมีเหตุผลขึ้นมาบ้างละ เพราะหูฟังมีความจุแบตต่ำไม่ต้องเสียเวลาชาร์จนาน loss ที่หายไปก็คงไม่มาก แต่คิดดูก็ยังเป็นการใช้งานที่ค่อนข้างเฉพาะทางอยู่
อยากจะบอกว่าการชาร์จหูฟังนี่ยิ่ง loss หนักนะ coil มันเล็ก รับได้น้อยกว่า coil ที่มีขนาดเท่ากับตัวส่งอยู่แล้ว
แม้ qi standard จะมี protocal ที่คุยเรื่องพลังงานที่ปล่อยออกมาได้ก็ตาม ชาร์จหูฟัง ใช้ไฟน้อยกว่ามือถือไม่มาก
และมันไม่ได้เพิ่มต้นทุนเพราะ hardware ก็ชุดเดิม เจ้าที่ไม่มี เค้าแค่ไม่ทำ ไม่เห็นว่ามันดี ไม่ใช่ทำไม่ได้
ส่วนเจ้าที่ทำ รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็นะ...
เรื่องหูฟังที่คิดว่ามันสมเหตุสมผลคือมันเป็นของที่ไร้สายอยู่แล้วและจากการที่เคยใช้งานจริงมา บางทีกำลังใช้งานอยู่พอมันหมดตอนที่ไม่มีที่ชาร์จอยู่กับมือก็คือไม่มีโอกาสได้ใช้ต่อเลย เลยคิดว่านี่น่าจะเป็น use case ที่เข้าท่าที่สุดแล้วครับ แต่ว่าด้วยความที่จุดอ่อนของมันคือแบตหมดไว หลายเจ้าก็ทำที่เก็บหูฟังที่เป็นที่ชาร์จมาให้ในตัวด้วยเลย ซึ่งมักจะอยู่ในรุ่นแพงๆ และการชาร์จหูฟังไร้สายก็มักจะอยู่ในรุ่นแพงๆ ด้วยเช่นกัน คิดไปคิดมาก็ อ้าว สงสัยโอกาสที่จะได้ชาร์จจากมือถือก็น่าจะน้อยลงไปอีก ?
โทรศัพท์ใช้ไฟฟ้าน้อย ถึง loss หลายสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ปริมาณไฟนิดเดียว ค่าไฟส่วนต่างไม่น่าถึง 100 บาทต่อปี
ชาร์จไร้สาย สะดวกมาก ไม่ต้องมัวเล็งเสียบสายถอดสายอย่างระวัดระวัง เผลอๆ หยิบเครื่องขึ้นมาลุกออกไป ลืมถอดสายมันก็ดึงให้โทรศัพท์ร่วง เสี่ยงต่อการที่จอเป็นรอย สายพัง ขั้วพัง ของอื่นๆ ที่ถืออยู่ก็ร่วงหล่นอีก หรือล้มบาดเจ็บ
- เพิ่มเติมจากที่ตอบผิดประเด็น - เรื่องชาร์จจากแบตโทรศัพท์ให้เครื่องอื่น พอจะนึกได้ว่ามีสถานการณ์บางอย่างที่จะได้ประโยชน์ แต่โอกาสที่จะได้ใช้คงน้อย ใช้ไม่บ่อย ค่าไฟไม่ใช่ปัญหาเหมือนเดิม
ไม่มีใครใช้เป็นประจำหรอกครับ เค้าใช้เมื่อยามจำเป็นกันทั้งนั้น Samsung ทำออกมาผู้บริโภคก็มีแต่ได้ประโยชน์ ใช้ไม่ใช้ก็อีกเรื่อง
wireless มันมีประโ่ยชน์ นะ เอามือถือสองเครื่อง มาประกบกัน ใคร จะหยิบ มา เล่นได้ตลอด เวลา ยังไงก็ต้องอยุ่ละ ช่วง ที่ว่างก้เอาเครื่องอื่นมาประกบ
เสียง่าย แตกง่าย ซ่อมยาก ราคาแพง
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ชาร์ทไร้สาย มันสะดวก แม้ว่าจะได้ไฟไม่เท่าใช้สาย แต่ใช้สายเวลาพก มันต้องมีหลายตัวพ่วงมากกว่านิดๆ..
แต่ทั้ง2อย่าง ก็ต้องมีกระเป๋าใส่ในการพกพา หากมองจุดนี้ก็ไม่ต่างกัน
สรุป มันก็ดูที่ความสะดวกใช้สอยเป็นตัวชี้ขาด
ผมชอบดีไซน์ SAMSUNG
แต่ติดอย่างเดียวพวกรุ่นกลางค่อนไปสูง และรุ่นเรือธง
มักใช้จอโค้ง ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอาซะเลย
บางครั้งความรู้สึกส่วนตัว กับการใช้งานจริงๆมันก็ต่างกัน
ใช้ S9+ มาหลายเดือน ก่อนจะซื้อเห็นคนไม่ชอบวิจารณ์ต่างๆนาๆ
แต่พอมาใช้งานจริงมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตลำบากขึ้นเลย ถึงจอโค้งมีปัญญาการใช้งานอยู่บ้าง
แต่สิ่งที่ได้มามันคุ้มกว่า ด้วยความสวยงาม แตกต่างจากแบรนด์อื่น
เป็นเอกลักษณ์ดี ฟิวเจอร์บางอย่าง คนที่ไม่ใช้ก็ยอกว่าไม่มีประโยชน์
คนที่ใช้ก็พูดไปอีกแบบ เราก็แค่เลือกใช้เอาเองดีกว่าไม่มีอะไรใช้งานงาน
จอโค้งของ S9+ ทำผมฟิล์มแตกไป 2 แผ่นหล่ะครับ5555+ เพราะเคสกันไม่อยู่ในส่วนที่นูนออกมา นี่ก็กำลังคิดอยู่ว่าถ้า Note 10 ออกมาแล้วจอโค้งอีก อาจจะไปหา iPhone แทนหล่ะครับเนี่ย จอโค้งดีในแง่ความสวย แต่ในแง่การใช้งานแล้วผมว่ามันไม่โอเค เสี่ยงต่อการแตกได้มากกว่าจอแบนน่ะครับ
iPhone ก็เป็นจอ2.5D นะครับ
เรื่องความเสี่ยงแตกนี่ผมว่าแทบไม่ต่างกันกับจอโค้งของSAMSUNGเลย
เพราะเคสที่ออกๆมา มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เลย เอาไปติดกระจกกันรอย นูนเหนือเคสหมด
นี่ใช้ Note 8/9 เลิกดิดฟิมล์ไปนานละครับ ผมว่าทีมออกแบบเค้าก็ทำมาได้ดีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องติดเลยนะครับ ?
my blog
เคยคิดงี้ล่ะครับ
สุดท้ายเจอตกมุมพิฆาต จอแตก เสียไปหกพัน
เปลี่ยนจอเสร็จรีบติดกระจกUV อย่างไว
อารมณ์เดียวกันครับ เหตุเกิดกับไอโฟน 4 ใช้งานสมบุกสมบัน ตกยังไงก็ยังอยู่ยงคงกระพัน แต่พอมันตกได้มุม หล่นจากความสูงไม่ถึง 15 เซนต์ ฝาหลังร้าวเลย
จอโค้งนอกจากสวยเป็นเอกลักษณ์แล้วข้ออื่นไม่เห็นมีเลยครับ แถมทำให้จอแตกง่ายอีกเพราะแปะฟีล์มยากเท่าที่ใช้มารู้สึกว่าห่วยจัดทำให้ประสพการณ์เล่นเกมเสียมากจับยาก แตะตรงโค้งยาก
แต่ก่อนฟีล์มก็เป็นปัญหา พอมาเจอฟีล์มกระจกกาวUV ราคาถูกลงเยอะ ชุดพร้อทติดตั้งสองสามร้อย คุณภาพไม่ต่างกับราคาหลักพัน
เลยหมดปัญหาเรื่องฟีล์มไป ส่วนเคสก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง