By: mk 
on 12 March 2019 - 09:28
Tags:
Topics:
ต่อจากข่าว Elizabeth Warren ผู้สมัคร ปธน. ปี 2020 เปิดนโยบายลดอิทธิพล Google, Facebook, Amazon
ฝั่งของ Facebook ก็ออกมาตรการตอบโต้ Warren ทันที ด้วยการแบนโฆษณาของ Warren บน Facebook โดยให้เหตุผลว่าโฆษณาทำผิดนโยบายของ Facebook เนื่องจากนำโลโก้ของบริษัทมาใช้
อย่างไรก็ตาม พอเรื่องนี้กลายเป็นข่าว ทาง Facebook ระบุว่าจะนำโฆษณากลับคืนมา เพื่อส่งเสริมให้เกิดการถกเถียงกันในประเด็นนี้
ส่วน Elizabeth Warren ก็โพสต์แสดงความเห็นเรื่องนี้ผ่าน Twitter บอกว่านี่เป็นสิ่งยืนยันว่าทำไมเธอจึงมองว่า Facebook มีอิทธิพลมากเกินไป เพราะ Facebook สามารถปิดกั้นการถกเถียงเกี่ยวเชิงนโยบายเกี่ยวกับ Facebook ได้ด้วย
Curious why I think FB has too much power? Let's start with their ability to shut down a debate over whether FB has too much power. Thanks for restoring my posts. But I want a social media marketplace that isn't dominated by a single censor. #BreakUpBigTech https://t.co/UPS6dozOxn
— Elizabeth Warren (@ewarren) March 11, 2019
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
อีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้ถุงมือเพื่อตัวเอง
ยิ่งไปทำให้เขามีเหตุผลมาเชือดตัวเองได้อีก 555
+1
น่าสนใจตรงนี้ ว่าที่ควรจะเป็นมันหน้าตาเป็นยังไง หรือต้องมี censorship committee เข้าไปนั่งในบ.เอกชน
จารย์มาร์คโดนคอมโบต่อเนื่องไม่ได้พักเลย
ไม่แปลกจะโดนแบน โจมตีเขาขนาดนั้น คนปกติโดนเขาก็ยังบล๊อกเลยถ้าคุณโจมตีเขา
เขาไม่ชอบคุณก็บล๊อกคุณนี่ ธรรมดา คนปกติยังทำได้เลยโลกนี้อย่าคิดว่ามีเสรีภาพอะไรเลย คุณไปใช้พื้นที่เขา เขาไม่พอใจก็บล๊อกจบ
มองในระดับปัจเจกก็เป็นแบบนั้นแหละครับ แต่ถ้าการพูดถึงเรื่องในระดับที่มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
น่าสนใจครับ พอจะ อธิบายได้ไกมครับ
Facebook มันเป็นอะไรที่มากกว่า Social media ธรรมดาๆ ไปแล้วครับ มันมีอิทธิพลต่อสังคมในระดับที่สามารถชี้นำสังคมได้เลย ด้วยขนาดของ network ที่มีอิทธิพลขนาดนั้น ถ้าหากมีการพยายามปิด บิดเบือนก็สามารถทำได้ง่ายครับ อารมณ์เหมือนเพจใหญ่ๆ ที่แชร์ข้อมูลที่ผิดหรือข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ความเสียหายมันก็มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายและเร็วกับคนที่เป็นเหยื่อโดยไม่มีโอกาสได้แก้ต่างใดๆ ได้เลย
ขอบคุณครับที่อธิบายให้เข้าใจ
อันนี้เห็นด้วยแฮะ...สังคมยังมีภูมิคุ้มกันน้อย และ socail network ก็เป็นช่องทางนึงในการแพร่ระบาด "อะไรบางอย่าง" ได้ง่ายมาก
อย่างลัทธิต่อต้านวัคซีน กลุ่ม SIS ขนาดคนที่ เล่น socail นานๆ พอจะมีภูมิต้านทานข่าวมั่ว บ้าง ดราม่าบ้าง ยังโดนประปราย...ไม่เป็นเหยื่อก็ไปอยู่กลางวงของกระแสต่างๆ ได้รับรู้ เช่นปรากฏการ โลกสองใบของนายเสียงดี...
เหมือนนักร้องที่มีสองโลกอะครับ เห็นคนมาปกป้องกันจัง แต่ในมุมมองผม ผมถือว่าเขาเป็นคนของประชาชนไปแล้ว คือดังในระดับนึง จะทำอะไรเสียหายมันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกก็คือไม่ถูก ส่วนดีส่วนเลวต้องแยกกัน ไม่เข้าใจว่าจะปกป้องทำไม คือถ้าคนนั้นเป็นแค่คนข้างบ้าน เราก็คงไม่ไปสาระแนเขา แค่ด่าเขาอยู่ในใจ แต่อันนี้คือออกสื่อ โคตรดัง คนพูดถึงกันค่อนประเทศ มันไม่ควรจะถูกปกป้อง ไม่ควรจะซุกไว้ใต้พรม
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เสรีภาพทางความคิดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ นะครับ
That is the way things are.
เข้าทางเจ้เลย เฮียมาร์คคิดไม่ถึงหรือยังไง ฮา
เจ๊แกน่าจะรู้ว่าโดนแบนแน่ เลยลองดู ปรากฏว่าแบนจริงเข้าทางเลย
เอาโลโก้บริษัทเค้ามาใช้เชิงหาเสียงไม่ได้ขออนุญาตไรเลย
เหมือน FB โดนดัก 55
กรณีนี้ผมว่า facebook เดินหมากผิดนะคับ หากคิดจะแบน ต้องยืนยันในความถูกต้องของการแบน เพื่อแสดงจุดยืนว่ามาตรฐานคืออะไร และชี้แจงให้เห็นว่า การแบนเป็นไปโดยมาตรฐานและความโปร่งใส
แต่การ restore กลับมา เหมือนยอมรับกลายๆ ในข้อบกพร่องของระบบการแบนของ facebook เอง
จริง
คิอว่าควรจะไม่แบนตั้งแต่แรก มันจะทำให้คำกล่าวหาของ warren ไม่มีน้ำหนัก
แต่ก็แบน สดท้ายต้อง restore กลับมา โดนจัดหนักเลย ทีนี้
เมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มทั่วไป จนกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถมีผลต่อสังคมได้ ไม่ว่าจะ Facebook หรือ Twitter การกระทำแบบนี้มีแต่ทำให้ตัวเองดูแย่
The Dream hacker..
แหม่ ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดเจ๊แกมีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก
ถ้าผมเป็นพี่มาร์ค คงแบนยาวครับ ไม่พอใจที่อื่นมี จ้างทีวีเอาดิ
คนในประเทศทะลาะกัน จะไปชนะจีนได้ยังไง
สภาพเหมือน ขุนนางในหนังจีนยุคล้มสลายเลย การเมืองภายในแย่งอำนาจกัน
ภายนอกข้าศึกบุกชายแดน
เรื่องนี้มันต้องดูกันยาวๆครับ ถึงการทะเลาะถกเถียงจะดูวุ่นวายแตกแยกแต่มันก็มีผลดีมหาศาลในระยะยาว เพราะการถกเถียงนี่แหละที่ช่วยให้สังคมได้ข้อมูลและวิธีการแก้ปัญหาใหม่ๆขึ้นมา แต่การควบคุมอย่างเข้มงวดถึงมันจะดูสงบสันติก็จริง แต่ไปๆมาๆสุดท้ายก็จะถึงทางตันอยู่ดี เพราะพวกชนชั้นปกครองคิดอะไรไม่ออกแล้ว และคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเดียวกันถูกปิดปากเงียบ ไม่ช้าก็จะเข้าสู่จุดหยุดชะงักและล่มสลายเองแหละครับ ลองดูไปเรื่อยๆ หรือถ้ารอไม่ไหวก็ลองไปหาเคสตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ก็ได้ครับ