อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร พูดถึงประเด็น Cryptocurrency (เขาใช้คำว่า CryptoMoney) ในรายการ Good Monday ตอนที่ 10 ที่ออกมาในสัปดาห์นี้ โดยแสดงความเห็นว่า CryptoMoney เกิดแน่ แต่ต้องเป็นเงินที่มีทรัพย์สินค้ำประกัน
ทักษิณ อธิบายในรายการว่า Bitcoin เป็นเงินคริปโตที่ "ลอย" เกินไป และยกตัวอย่างกรณีของจีน ที่จะทำ CryptoMoney ที่ค้ำด้วยเงินหยวน กับกรณีของรัสเซียที่ใช้ทองคำเป็นตัวค้ำประกัน
หมายเหตุ: แนวคิดเรื่องเงินคริปโตที่มีทรัพย์สินจริงๆ คอยค้ำประกันมูลค่า (Stablecoin หรือ Pegged Cryptocurrency) ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวอย่างเงินลักษณะนี้ที่ชื่อดังหน่อยคือ Tether (USDT) ที่เคยโฆษณาว่าใช้อัตราค้ำประกันคงที่ที่ 1 เหรียญ แต่เพิ่งมาเปลี่ยนแนวทางเมื่อไม่นานมานี้ (มีทรัพย์สินค้ำประกันแต่ไม่ใช่อัตรา 1 เหรียญต่อดอลลาร์) จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก
บทถอดความช่วงที่ทักษิณพูดถึง CryptoMoney ในรายการ
วันนี้ CryptoMoney เนี่ย ในโลกข้างหน้ามันเกิดแน่ แต่ว่าต้องมีทรัพย์สิน Backed ไม่ใช่เป็นตัวลอยๆ เหมือน bitcoin นี่ลอยไปหน่อย สมมุติว่ายกตัวอย่าง วันนี้จีนเนี่ยคิดแล้วครับ จีนจะทำ CryptoMoney ของตัวเอง แต่ว่าเป็น CryptoMoney โดยใช้เงินหยวนของเขานี่แหละ back ไม่ใช่เป็น CryptoMoney ลอยๆ คือเงินดิจิตอลนี่แหละ ไม่ลอยๆ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นโลกข้างหน้าเนี่ยมันก้าวเข้าไปสู่ที่เรียกว่า cashless คือใช้เงินสดน้อยลงไปเรื่อยๆ คนจีนวันนี้เนี่ยไปซื้อกับข้าว 10 บาท 20 บาท จ่ายทางออนไลน์หมด ยกเว้นบางที่ๆ เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่พอ เช่นเรื่องทางด่วนบางแห่งยังต้องใช้เงินอยู่ เงินสดในจีนใช้น้อยลงเรื่อยๆ แล้วจีนก็เลยจะทำ CryptoMoney รัสเซียคิดจะทำ CryptoMoney โดยอิงทอง นะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยโลกกำลังจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในระยะต่อไปนี้ เพราะว่า blockchain มาแรง หรือที่เราเรียกว่าเป็น internet of value แล้วก็ความปลอดภัยมันสูงมากขึ้นนะครับ เพราะฉะนั้นก็จะทำให้คนใช้ blockchain สร้าง CryptoMoney ก็ดี การปล่อยกู้แบบ Peer-to-peer ก็ดี
ที่มา - Good Monday
Comments
Good Monday EP10 ถามตอบอนาคตประเทศไทย ตอนที่ 1 #AskThaksin
Good Monday EP11 ถามตอบอนาคตประเทศไทย ตอนที่ 2 #AskThaksin
ดูมีอนาคต บางท่าน truemoney wallet ยังไม่รู้จะใช่เป็นป่าวเลย
สงสัยต้องมาอธิบายให้พ่อฟังว่า BlockChain คืออะไร
งง ๆ ว่าถ้าต้องมีทรัพย์สินจริง ๆ ค้ำประกัน ประโยชน์ของการมีสกุลเงินคริปโตแยกตะหากคืออะไร
เอาไว้ทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ครับ
ขอความรู้หน่อยครับว่าทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ประเภทไหน พอจะมีตัวอย่างไหมครับ แล้วดีกว่าปัจจุบันที่ทำกันยังไง ถ้าไม่เด่นจริงๆมันจะเกิดเหรอครับ
กำลังคิดว่าปกติก็ใช้ทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์กันอยู่แล้วโดยไม่เห็นต้องมีอะไรพวกนี้เพิ่มเข้ามาครับ
ถ้าถามว่าใช้อะไรได้ ผมตอบตามด้านบนครับ แต่ผมไม่เห็นว่ามีประโยชน์อะไรมากไปกว่าระบบที่ใช้กันปัจจุบัน
ระบบพวกนี้ดีตรงที่เป็น distributed ซึ่งคำว่า distributed ไม่ได้หมายถึงแค่มันกระจายกันเก็บอย่างเดียว มันหมายถึงกระจายความเสี่ยงในมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การปกครอง ระบบการเงินด้วย
ซึ่งการที่ผมไม่เห็นประโยชน์ ไม่ได้แปลว่ามันไม่ควรใช้ และไม่ได้แปลว่ามันจะไม่เกิด เพราะผมไม่ใช่คนที่มีวิสัยทรรศน์ทางด้านนี้ครับ ผมคงไม่เอาความสามารถจำกัดๆ ของตัวเองไปบอกว่าอะไรมันควรเกิด หรือไม่ควรเกิดอ่ะนะ
ตั้งแต่เริ่มมี BTC ระบบโอน BTC ไม่เคยล่มแม้แค่ครั้งเดียวและโอนได้ทั่วโลกครับ
ต่างกับระบบ ธนาคารที่ล่มประจำวันสิ้นเดือน (คือมันเสถียรกว่าระบบปัจจุบันเยอะมากครับ เพียงแต่มูลค่าของมันผันพวนสุดๆ จนเหมาะที่จะใช้เก็งกำไรมากกว่าจะไว้ใช้แทนเงินจริงๆ)
แต่ Cryptocurrency ยิ่งไม่น่ารองรับ Transaction สูงๆได้เข้าไปอีกรึเปล่าครับ
ถ้ายังไม่เปิดใช้ lightning network กรณีทำธรุกรรมเยอะมาก แบบช่วงปลายปี 2017 BTC ก็โอนแล้วค้างแหงกเป็นวันเหมือนกันนะ - -"
ยังมีอีกหลายตัวที่ transaction ไวกว่า BTC, Ethereum ครับ ถ้าผมจำไม่ผิด บางตัวเป็น constant time ด้วยนะ อันนี้สารภาพว่าอ่านมานานแล้ว มึนๆ ลืมๆ ไม่มั่นใจครับ
พวกที่ไม่ต้องขุดแบบ XRP ไงครับไวกว่า แต่ถ้าโอนผ่านเว็ปเทรดบางครั้งเหรียญอื่นอย่าง LTC ก็ไวกว่า XRP ด้วยนะ(ฮา)
เอาจริงๆ เหรียญที่ยังไม่เปิด LN ตัวไหนที่ไม่มี transaction ค้างอยู่เยอะก็เร็วกว่าหมดมั้งครับถนนโล่ง
เงินคริปโตจุดเด่นมันคือกระจายศูนย์เปล่าครับ แต่จุดอ่อนอย่างนึงคือมันไม่มีเสถียรภาพ ราคาแกว่งมากจนคนมาเก็งกำไรมากกว่าใช้ซื้อขาย ถ้าใช้ทรัพย์สินค้ำประกันจะทำให้ราคามีเสถียรภาพหรือเปล่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
น่าจะจริง....
เงินจริงยังมี ทองค้ำ
เงิน Crypto ถ้าจะให้มีสเถียรภาพ น่าจะต้องมีอย่างอื่นค้ำ...
พอมีอะไรมาค้ำ การ เกิด จะไม่ใช่วิธีขุดอีกต่อไป...จะเป็นคล้ายๆ XRP
อ่านจากที่ทุกคนตอบผมว่ามันผิดประเด็นไปหน่อย ผมไม่ได้ถามถึงประโยชน์ blockchain ผมถามว่าเราจะสร้างสกุลใหม่ขึ้นมาทำไม ถ้าอยากได้เสถียรภาพแบบนั้นทำไมไม่เอาสกุลเงินปกติไปทำ
ก็เงินสกุลปกติมันไม่ได้มี distributed system ไงครับ คุณต้องสร้างระบบขึ้นมาเพื่อใช้จำลองว่าการถ่ายโอนนี้ๆ เชื่อถือได้ ใช้แทนค่าเงินได้ แต่ distributed system มันรองรับเลย
ข้อดีของ blockchain มันก็คือสิ่งที่เงินสกุลปกติไม่มีอ่ะครับ
ถ้ายังตอบไม่ตรงคำถาม ผมแนะนำว่าลองถามให้เจาะจงลงไปอีกครับ
Bitcoin หลักการก็เปรียบเหมือน พระเครื่อง มูลค่าเกิดจากความต้องการ จากจำนวนที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างแท้จริง มูลค่าเกิดจากความพอใจของกลไลการตลาดเท่านั้นตราบใดที่ยังเชื่อว่ามีอยู่อย่างจำกัด คือหัวใจสำคัญของผู้ก่อตั้ง ถ้าต้องมีหลักทรัพย์ มาค้ำก็เปล่าประโยชน์ที่จะสร้างมันขึ้นมา เบญจาภาคี มูลค่า 300 ล้านบาทก็ทำจากดิน หาใช่ทองคำบริสุทธิ์ มูลค่าจะคงอยู่ตราบเท่าที่ยังมีคนต้องการมาก กว่าจำนวนที่มีอยู่อย่างจำกัด
Bitcoin ไม่ได้มีไว้สะสมน่ะครับมีไว้ใช้จ่ายหมุนเวียนหรือเปล่า ผมว่า มันก็คือสกุลเงินหนึ่งที่คนที่จะซื้อของบางอย่างที่คนขายรับสกุลเงินนี้เท่านั้นน่ะ
มันใช้จ่ายแทบไม่ได้ไง แต่ใช้ซ่อนทรัพย์สินได้ ฟอกเงินได้ เหมือนพระเครื่องเปี๊ยบ
แกจะ outdated ไปถึงขุมใหนเนี่ย มาอวยตอนมันอยู่ขาลงดิ่งนรกแล้ว
เงินมโนที่ไปยึดโยงกับการค้ำทรัพย์สินเนี่ย เท่ากับโดนปล้นดื้อๆได้เลยนะครับ
ชาว blognone น่าจะเคยได้ยิน "บริษัทล่องหน" ซึ่งมีป้ายแปะมาหลายเดือนแต่กลับ
"หาเท่าใหร่ก็หาไม่เจอ" ใช่มั้ย ? ตึกเดียวกันน่ะแหละครับ ส่วนจะเกี่ยวอะไรกับเงินคริปโต
ผมก็สุดจะ "หยั่งรู้" นะครั้ช
เห็นว่านโยบายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบ
พอเดินเผชิญสืบเท่านั้นแหละ
ceo ผมพาไปเลี้ยงหอยนางรมเลยครับ 55 จะได้ไม่เดินมาเสียเที่ยว
ทักกี้แกพูดถึงblockchain หลายหนแล้วครับ ครั้งแรกก็รูปที่แกถือหนังสือbitcoin แกถือหนังสือbitcoinโชว์แล้วบอกว่าน่าสนใจตั้งกะช่วงต้นปี 17(ขาขึ้นรอบสอง จากรอบแรกในปี13) อ้างอิง https://web.facebook.com/WatanaMuangsook/photos/a.692230194245846/890064214462442
ว่าแต่ข่มขู่อย่างกับเป็นจนท.เลยนะครับ แทนที่จะคุยเนื้อหาหรืออภิปราย ดันยกเรื่องแบบนี้มาอวด?หรือหว่าข่มขู่คนอื่นซะเคยตัว?
เงินมโนที่ไปยึดโยงกับการค้ำทรัพย์สินเนี่ย เท่ากับโดนปล้นดื้อๆได้เลยนะครับ
<<< อันนี้ผมงงๆ นะครับพอจะอธิบายเพิ่มได้ไหมครับ คือ bitcoin พอเข้าใจ แต่เงินคริปโตผมมองว่ามันน่าจะเหมือนการเอาบ้านไปค้ำธนาคารเค้าก็ต้องดูความน่าเชื่อถือด้วย ถ้าจ่ายหนี้ไม่ได้ทรัพย์สินก็ต้องถูกขายเพื่อจ่ายหนี้ไม่ใช่หรือครับ มูลค่ามันก็น่าจะขึ้นลงตามความเสี่ยงเหมือนเงินปกติ อย่างเดียวที่ยังเห็นว่าเรื่องนี้ไกลตัวเราก็คือคนที่จะมาทำหน้าที่ธนาคารที่คนเชื่อใจได้มันต้องใหญ่ขนาดไหน ธนาคาร ประเทศหรือใหญ่กว่านั้น
อีนี่มันทำเหมือนรู้แต่ไม่รู้อะไร หลายๆ comment ก็ตรรกะป่วย แถมโชว์โง่ คนดูเป็นเขารู้เหอะ อย่าไปเสียเวลาเสวนาหาหอกอะไรกับคนแบบนี้
เท่าที่อ่านมา ควาหมายเหมือนเป็นตรงกันข้ามกับที่คุณว่ามาเลยนะ นี่ไม่ใช่การอวยแต่เป็นการพูดถึงจุดอ่อนของเงินคริปโตในตอนนี้เลย
+1
+1
ทุกความอยากและต้องการ ไม่หมดสิ้น เพียงแต่ใครจะทำให้มันเกิดติดอย่างเงินทองเพชร
ด้วยความว่า มีจำกัด(คาดว่า จะขาดแคลนในเวลาใกล้นี้) จึงก่อเกิดความอยากและต้องการสูง ทำให้มูลค่าตนสูงตาม
เอ่อ... ripple?
Ripple นี่ชื่อรถไฟเหาะตีลังกาใช่มั้ยครับ
^ ^'' ผมก็คิดเช่นนั้น...
แต่มันก็ตอบโจทย์ความเป็น บล๊อคเชน ระดับนึงนะถึงจะไม่กระจายศูนย์
ถ้ามีทรัพย์สินค้ำประกันมันก็คือเงินจริงๆน่ะสิ กลายเป็นสกุลเงินจริงไปต้องมีหน่วยงานกำกับ มันก็จะเหมือนเอาเงินสกุลที่มีอยู๋จริงมาทำคริปโตนั่นแหละ
เหมือนแค่ digitalize เงินจริง ใช่มั้ยครับ
ผมอ่านตามแล้ว ก็เห็นว่าประมาณนี้ เอาคำว่า crypto ออก แล้วใส่ digital ไปแทน ก็ได้
มันใจก็ลงทุนเลยครับท่าน
ฟังเรื่องบิทคอยน์กี่ทีก็นึกถึงการซื้อ M สมัยก่อนเลยครับ
ยังเคยคุยกับเพื่อนเลยว่า ถ้า GM มันหาเจอว่าเงิน M ที่เราซื้อมาจากไหนโดยการเช็ค Log เงินได้ พวกเราจะถูกแบนมั้ย 555
ทิศทางควรเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะถ้ามีสินทรัพย์ค้ำประกัน มันก็เงินดีๆ เนี่ยแหล่ะ ต้นทุนการผลิตเหรียญ และธนบัตร รวมถึงการทำลาย และบริหารจัดการ ในแต่ละปีไม่ใช่น้อยๆ ต่อไปคงไม่ต้องพกเงิน ฝังชิบลงใต้ผิวหนัง เพื่อเก็บกุญแจ Primary Key ในการทำธุรกรรม กับอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เลย 555