ไฉนมีเพย์เมนท์เกตเวย์ของตัวเองแล้วจะทำบัตรเครดิตของตัวเองไม่ได้ แอปเปิลประกาศความร่วมมือกับ Golman Sachs ธนาคารของสหรัฐและ Mastercard เปิดตัว Apple Card บัตรเครดิตของตัวเองตามข่าวลือก่อนหน้า ทั้งแบบบัตรจำลองและบัตรจริง
จุดเด่นของ Apple Card ที่แอปเปิลขายคือไม่มีค่าธรรมเนียม ทั้งรายปีและชาร์จเพิ่มกรณีใช้ต่างประเทศ รวมถึงรับเครดิตเงินคืน (cash back) 2% ในทุกๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรจำลองที่แอปเปิลเรียกว่า Daily Cash และหากซื้อของของแอปเปิลเอง จะได้รับเครดิตเงินคืนเป็น 3% พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่แอปเปิลเคลมว่าต่ำที่สุดด้วย
นอกจากบัตรจำลองแล้ว Apple Card ก็มีบัตรแข็งเช่นกัน วัสดุทำจากไททาเนียม สำหรับใช้งานในร้านค้าที่ไม่รับ Apple Pay โดยการใช้งานผ่านบัตรแข็งจะได้รับเงินคืนที่ 1%
ผู้ใช้งาน iPhone ที่สนใจสามารถขอเปิดใช้งาน Apple Card ผ่าน iPhone ได้ทันที โดยข้อมูลของบัตรเครดิตทุกอย่างจะถูกเก็บเอาไว้บนชิปความปลอดภัย T2 แบบเดียวข้อมูล Apple Pay และยืนยันธุรกรรมด้วย Face ID หรือ Touch ID ด้าน Goldman Sachs ก็ยืนยันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วยว่าจะไม่แชร์หรือขายข้อมูลให้กับ 3rd-party แน่นอน
Apple Card เริ่มใช้งานในสหรัฐกับผู้ใช้บางคนก่อนในช่วงหน้าร้อนนี้หรือราวเดือนมิถุนายน
ที่มา - Apple
Comments
อันนี้ออกมาน่าประหลาดใจมาก Apple กลายเป็น Financial Services ไปแล้ว
กดขอตรงไหนหรอครับ
อ่านข่าวบรรทัดล่างสุดครับ
ถ้าดูแนวโน้มจาก ali-pay ก็ไม่แปลกใจ ในเมื่อเป็นเจ้าของ platform อยู่แล้วอ่ะนะ ถ้างั้นก็ดีฮะ ช่วยปล่อย feature อย่าง NFC ให้ใช้ได้ทั่วโลกที
อยากได้บัตรแข็งอ่ะ สวยดี ตอนนี้ให้ใส่อีเมลล์ที่เว็บแอปเปิลไว้ก่อน เพราะมา summer
+1 บัตรจริงสวย ดูไฮมาก แต่แอบสงสัยว่าเปิดทำบัตรจริงน่าจะเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อย ทั้งจากวัสดุตัวมันเอง และความเป็นแอปเปิ้ลด้วย
Daily Cash มันเป็นระบบ cash back ที่คืนเงิน “ทุกวัน” นะครับ
จ่ายวันนี้ พรุ่งนี้ได้คืนเลย 2% โดยมันจะเข้าไปใน cash card
ส่วนค่าชาร์จต่างๆ นอกจากรายปี และ international charge แล้ว ยังไม่มีการชาร์จหากผิดนัดชำระด้วย (Late charge)
อันนี้นึกถึง TMRW เลย ที่พยายาม disrupt credit card แต่ก็ยังติดธรรมเนียมเก่าๆ อยู่ (ส่ง pin ทางไปรษณีย์) อันนี้มาแบบ บัตรไม่มีเลข ไม่มี cvv ไม่มีลายเซ็น ไม่มีชื่อ ทุกอย่างดูจากใน app
ชอบตรงบันทึกข้อมูลใช้จ่ายทุกอย่างในแอพ
แถมแบ่งหมวดหมู่สวยงาม
เอาจริงๆ บัตรบ้านเราก็มีหมวดหมู่แบ่งอยู่แล้วนะ
แค่ไม่มีเจ้าไหนที่เอามาทำเป็นกราฟสวยๆ
ถ้าทำกราฟมาจะกลายเป็นว่า "อ๊ะ เดือนนี้ค่ากินเยอะจัง สงสัยเดือนหน้าต้องลดค่ากินลงหน่อย" แล้วก็ใช้บัตรน้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับที่ Issuer ต้องการครับ
คุ้นๆว่า กสิกรไทย ก็มีครับ
ส่งให้ปีละครั้ง แต่เป็นกระดาษ
กสิกรของผมส่งมาเป็นอีเมลนะ แยกเป็นเดือนๆเลยว่าใช้อะไรไปมั่ง เท่าไหร่
ต้องเปลี่ยนการรับใบแจ้งหนี้เป็นทางอีเมลด้วย ตัว card spending ถึงจะส่งมาทางอีเมล
ใครๆ ก็สมัครได้หรือเปล่าครับ? เสร็จผมถ้ามาไทย อิอิอิ
นี่แหละที่ต้องการ
เอาจริงๆทำ Apple Pay ให้เกิดในเมืองไทยให้ได้ก่อนเถอะ
น่าสนใจมาก
Cash back จิ๊บๆ สุดท้ายคนก็หยิบบัตรที่มีส่วนลดหน้าร้านเยอะที่สุดออกมาใช้อยู่ดี
นักท่องเที่ยวตัวยง ก็ใช้บัตรสะสมไมล์กันต่อไป
คนที่จะเลือกใช้กลุ่มแรกๆ คือ สาวก Apple และ คนที่คิดว่ามันเท่ห์ style apple
ถ้าเข้ามาไทย Card Value Propositon ต้องดีกว่านี้
บัตร Cashback เป็นหมวดนึงที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นนะครับ โดยเฉพาะสำหรับร้านที่ไม่มีส่วนลด บัตรอื่นให้เป็นคะแนนแทน ซึ่งมีน้อยมากที่ Return จะถึง 2%
2% นี่ไม่น้อยเลยนะ ร้านที่ลดเยอะๆถ้าไม่ต่องใช้แต้มก็เห็นแต่ JCB
ส่วนตัวไม่ใช่นักท่องเที่ยว บัตรที่ใช้บ่อยที่สุดก็จะเป็น Cashback ครับ เพราะคำนวนแต้มที่ได้กับส่วนลดต่าง ๆ ไม่ค่อยคุ้มเท่าไร ถึงของผมมันจะลดแค่ 1% ก็เถอะ
เมืองไทยส่วนใหญ่ ที่เจอและใช้อยู่จะ 1% เองครับ
นี่มา 2% ถือว่าเยอะอยู่ ก็ประมาณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรูดบัตร สมมุติถ้าร้านค้าชาร์ตมาแล้วในค่าสินค้าหรือบวกเพิ่ม เราก็ได้คืนวันรุ่งขึ้น
ผมว่าก็พอๆกับได้แต้มบัตรนะ 100 บาทได้ 4-10 แต้ม 100 แต้ม คิดเป็นเงินประมาณ 10 บาท ก็พอๆกับ 1%
ไม่ใช่ทุกร้านจะมีส่วนลดนะครับ ผมหลักที่ผมใช้ก็ใช้ cash back 1%
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ไม่อ่ะครับ cash back อ่ะชอบเลยสำหลับสายซื้อของออนไลท์ที่ไม่ได้ไปหน้าร้าน ยิ่งสั่งจากต่างประเทศยิ่งชอบ
ต่างกันผมมากครับ ที่ไหนใช้บัตรเครดิตได้และไม่ชาจน์เพิ่ม ผมใช้บัตรแคชแบ็คแทนเงินสดตลอด
เทียบกับบัตรสะสมคะแนนของผมอีกใบ ทุกๆ 25 บาท ได้ 1 คะแนน และ 1,000 คะแนน แลกเป็นส่วนลด 100 บาท ถ้าเทียบเป็นส่วนลดแล้วได้แค่ 0.4% เท่านั้นครับ ยกเว้นได้คะแนน x5 ถึงจะเทียบเท่าแคชแบ็ค 2% ครับ
ผมพกใบเดียว cashback เพราะได้ส่วนลดคืนเป็นเงิน
ปกติใช้บัตรเครดิตเหมือนแค่แทนเงินสด
สิ้นเดือนทีก็เคลียร์ยอดทีเดียว
ผมก็ใช้นะบัตรแคชแบคเนี่ย พึ่งรู้ว่าต้องเป็นสาวกแอปเปิลด้วย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ถ้าใช้บ่อยๆ จะพบว่าส่วนลดแลกแต้มทั้งหลายนั้น แต้มที่เอาไปแลกจะมีมูลค่าสูงกว่าเสมอครับ ยังไม่นับว่าเรทแต้มที่ได้มานั้นถ้าไม่ใช่โปรโมชั่นที่มีโบนัส ไม่มีทางคุ้มเลยถ้าเทียบกับบัตรที่แคชแบคแค่ 1%
ถ้าเป็นผม ผมเลือกบัตรที่มี Cashback ก่อนบัตรที่ใช้สะสมไมล์ครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกท่านที่ออกตัวแรงเรื่อง cash back เนื่องจากส่วนตัวทำงานอยู่ในธุรกิจบัตรเครดิต
จากการทำ survey ตลาดมาหลายครั้ง ผลที่ได้คือ
1 ลูกค้าชอบส่วนลดแรงๆหน้าร้าน
2 ผ่อน 0%
3 คะแนนสะสมที่แลกสะดวกสบาย
ผมไม่ได้มองข้ามคนที่ชื่นชอบ cash back แต่ผลการสำรวจคนส่วนใหญ่ออกมาแบบนี้
และจากการพาพันธมิตรต่างชาติไป ลงตลาดจริงว่าตลาดบัตรเครดิตประเทศไทยแข่งขันกันอย่างไร
คนต่างชาติพูดเองเลยว่าประเทศไทย แข่งขันสูงมาก ประเทศเค้าแค่มี cash back 1% ก็หรูแล่ว
หลายๆอย่างในประเทศไทย ล้ำหน้ากว่าหลายประเทศ
ถ้าย้อนไปก็ประมาณปี 2001-2 ที่ปรับเกณฑ์ฐานเงินเดือนลงมาจาก 25,000 เป็น 7,500
แล้วค่อยปรับขึ้นเป็น 15,000
เชื่อไหมครับว่าหลังจากนั้น ธุรกิจนี้เติบโตขึ้นอย่างมากจนต้องแย่งลูกค้ากัน
เป็นที่มาของ ฟรี ค่าธรรมเนียมรายปี, คะแนนไม่มีวันหมดอายุ ฯลฯ
ความเห็นคนในนี้ก็ไม่ได้ขัดกับ survey ที่คุณอ้างนะครับ ใครๆ ก็ชอบส่วนลด ผมก็ใช้ส่วนลดก่อน แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ซื้อจะมีส่วนลดหนิครับ และกลายเป็นใช้กระจายบัตรเพราะแต่ละที่ส่วนลด โปร ต่างบัตรกัน แต่ถ้าไม่มีส่วนลดพิเศษผมก็มาลงที่ cash back ใบเดียวซึ่งส่วนตัวผมยอดใบนี้เยอะที่สุด
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
"Banking is necessary, banks are not"
- Bill Gates (1994)
ใครๆก็เป็น Financial service provider ได้ ถ้ามีตังพอ
เมืองไทยอีกนานมือถือพังก่อน เคยรอ Apple Pay ตั้งแต่ iPhone 6 แล้วว เปลี่ยนมือถือแล้วก็ยังต้องรอต่อไป
หวังลึก ๆ ว่า Apple Pay ในไทยจะมาพร้อม Apple Store centralwOrld
จัดแน่นอน ใช้คู่ citi หรือแทนไปเลย
พวก 2 เปอร์ เซ็น อะไรนี้ ถ้า ธนาคา ไม่เห็นด้วย ละ ธนาคาร ทำเองไม่ดีกว่าเหรอ เป็นเจ้าของเงินด้วย
"Apple Card ก็มีบัตรแข็งเช่นกัน วัสดุทำจากไททาเนียม" ทำจากไททาเนียม หรือเป็นบัตร master card Titanium ครับ บัตร master ที่เป็น cash back ที่ผมสังเกตจะเป็น Master Titanium
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
บัตร Cash Back ของ mastercard จะใช้ชื่อ Titanium ครับ แต่ในไทยระยะหลังจะเปลี่ยนเป็น Platinum แทน
"ทำจากไทเทเนียม" ครับ
ดูได้จาก Link Official : Apple Card
เอาบัตรแข็งมารูดที่ไทย >> กรุณาเซ็นข้างหล้งบัตรด้วยค่ะ
เลขหน้าบัตรไม่มีบางร้าน ไม่รับด้วยละมั้งครับ เห็นชอบจดกันจัง
อะไรที่ดูดีเกิน มักมีสิ่งซ่อนไว้
บัตรเครดิต ไม่ใช่นวตกรรม แต่มันคือการตัดราคา แข่งขันกับสถาบันการเงิน
Apple ก็ต้องทำกำไรจากตัวบัตรเอง ถ้าไม่ชาร์ตอะไรเลย ก็ต้องไปchargeกับคนขาย ฝั่งคนขายจะยอมหรือ มาคิดเพิ่มกับลูกค้า คงดูกันอีกที