ข้อความสำคัญของ Mark Zuckerberg ในงาน F8 เมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) คืออนาคตของ Facebook ที่เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าย้อนกลับไปยังงาน F8 ปี 2018 ซึ่งจัดขึ้นหลังบริษัทโดนดราม่าชุดใหญ่เรื่องข้อมูลผู้ใช้หลุดเกือบร้อยล้านราย ซึ่ง Facebook ก็ได้สัญญาว่าจะสร้างฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการข้อมูลและความเป็นส่วนตัวได้คือ Clear History
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าผู้ใช้จะได้ใช้งานฟีเจอร์นี้
ภาพงาน F8 ปี 2018
ฟีเจอร์ Clear History ที่ Facebook อธิบายไว้คือ เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่ามีเว็บหรือแอพใดส่งข้อมูลผู้ใช้กลับไปยัง Facebook โดยผู้ใช้สามารถปิดการส่งข้อมูลได้ แต่เดิมข้อมูลที่ส่งมานี้ใช้เพื่อการทำตลาดอย่างเจาะกลุ่ม
แต่กลายเป็นว่าการสร้างฟีเจอร์นี้ไม่ง่าย ทำให้เลื่อนการเปิดตัวออกไป Zuckerberg ให้เหตุผลว่า ระบบมันซับซ้อนเป็นเสมือนท่อน้ำหลายๆ ท่อที่อยู่ลึกภายใต้ระบบต่างๆ
David Baser ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์เคยอธิบายว่า ข้อมูลผู้ใช้ไม่ได้ถูกเก็บในแนวทางเดียวกับตอนที่ได้ข้อมูลมา และยังมีข้อมูลหลายชุด เช่น ข้อมูลระบุตัวตนของผู้ใช้ เว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้า และเมื่อไรที่การเก็บข้อมูลนั้นเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งข้อมูลเหล่านี้มันถูกเก็บแยกกัน Facebook มีข้อมูลวันที่และเวลาที่ผู้ใช้เข้าใช้งานเว็บไซต์อื่นแต่ไม่ได้ระบุถึงขนาดว่า เวลานี้ใครเข้ามาใช้ มันจึงยากในการจับคู่เวลาที่เข้าใช้งานกับผู้ใช้แต่ละราย เท่ากับว่า Facebook ต้องสร้างระบบใหม่ซึ่งไม่ง่ายเลยในทางปฏิบัติ อ่านย้อนหลัง ที่นี่
แม้ Clear History จะถูกเลื่อน แต่ในงาน F8 2019 ก็มีความคาดหวังว่าเรื่องนี้จะมีการหยิบยกขึ้นมาพูดบ้าง อย่างน้อยก็อัพเดตความคืบหน้าว่ากระบวนการไปถึงไหนแล้ว แต่กลายเป็นว่าไม่มีคนพูดคนไหนของ Facebook กล่าวถึงเรื่องนี้บนเวทีเลย
ในงาน F8 เมื่อคืนนี้ Zuckerberg เน้นย้ำถึงความเป็นส่วนตัวมาก ก่อนหน้านี้เขาเขียนบล็อกยาวเน้นย้ำเรื่องนี้ โดยใจความสำคัญคือ Facebook จะพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้แนวคิดเรื่อง การสื่อสารที่เป็นส่วนตัว,การเข้ารหัสแชท,ลดการอยู่คงทนถาวรของโพสต์, ความสามารถในการทำงานร่วมกันได้ และการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย ไม่เก็บข้อมูลในประเทศที่เสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงข้อมูล
แต่จากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ Facebook และ Facebook Messenger เมื่อคืนนี้ ก็ยังไม่พบอะไรที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวเข้ามามากนัก ไม่มีการระบุเรื่องการเข้ารหัสแบบ end-to-end ใน Messenger
ผู้ใช้งาน Facebook จะได้ใช้ฟีเจอร์ Clear History หรือไม่นั้น ยังคงเป็นปริศนาธรรมต่อไป
ที่มา - Mashable
Comments
ปากว่า ตาขยิบ
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
อีตามาร์คยังมีความน่าเชื่อถืออีกเหรอ
ข้อมูลประวัติคือสินค้าสำหรับเขาหรือเปล่า
ดูจากการเก็บข้อมูล แสดงว่าออกแบบรูปแบบการเก็บข้อมูลไว้เอาไปทำการประเมินเป็นสถิติจากข้อมูลในตารางแต่ละตารางตั้งแต่แรกแล้ว เช่นชอบเข้าใช้งานเว็บอะไร ชอบพูดคุยเรื่องอะไร จะได้จำกัดโฆษณาให้ตรงความต้องการ ว่าง่ายๆคือออกแบบฐานข้อมูลไว้เพื่อการเก็บสถิติเก็บข้อมูลโดยเฉพาะเลย
ไม่เหมือนพวกโปรแกรมยุคแรกๆที่ออกแบบมาแบบให้เก็บของใครของมันสำหรับข้อมูลผู้ใช้แต่ละคน(ที่ดูแนวข้อมูลซ้ำจะเยอะ) แล้วถ้าอยากได้ข้อมูลมาทำสถิติต้องมานั่งไล่ดึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคนอีกทีจากระบบเอง ซึ่งนานกว่าเพราะข้อมูลที่มีปริมาณเยอะๆของแต่ละคนที่ผสมกันแล้วก็ต้องหาข้อมูลที่ต้องการมาวัดกับคนอื่นอีกว่าซ้ำกันมั้ยแล้วนับจำนวนข้อมูลที่เหมือนกันนั้นๆอีกทีก็จะได้สถิติ แต่ทั้งหมดจะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลอีกที ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่านิยมรูปแบบไหนกันแล้ว อย่างของผมจะรู้จักแค่ตอนนิยมใช้รูปแบบ relationship
view as ... ที่บอกจะปิดชั่วคราวตอนนี้ก็คงจะถาวรแล้ว :P