กรรมการความปลอดภัยคมนาคม (National Transportation Safety Board - NTSB) แถลงรายงานเบื้องต้นอุบัติเหตุเมื่อเดือนมีนาคมปี 2018 ที่รถ Tesla Model 3 พุ่งชนรถพ่วงจนคนขับรถ Tesla เสียชีวิต โดยยืนยันว่า Autopilot ทำงานอยู่ในช่วง 10 วินาทีสุดท้ายก่อนชนเข้าด้านข้างของรถพ่วง 18 ล้อ
ตัวรถ Tesla มุดเข้าใต้รถพ่วงที่ความเร็ว 109 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่มีความพยายามหลบหลีกก่อนเข้าชนทำให้หลังคาเปิด โดยในช่วงไม่ถึง 8 วินาทีสุดท้ายก่อนเข้าชนไม่พบมือของคนขับบนพวงมาลัยรถ
ทางฝั่ง Tesla ออกแถลงว่าฟีเจอร์ Autopilot นั้นมีความปลอดภัยเมื่อใช้งานอย่างถูกต้อง และปลอดภัยกว่าการขับขี่ที่ไม่มีการช่วยเหลือ โดยบริษัทแนะนำให้คนขับใส่ใจต่อการขับขี่และจับพวงมาลัยตลอดเวลาที่ขับรถ
เหตุการณ์ครั้งนี้คล้ายกับอุบัติเหตุเมื่อปี 2016 ที่ Tesla Model S พุ่งเข้าชนด้านข้างของรถบรรทุกเช่นกัน
ที่มา - iTNews
Comments
คำถามคือ AUTO PILOT แต่ต้องจับพวงมาลัย ยังเรียกออโต้ไพรอตได้มั๊ย
ก็คงเหมือนเครื่องบินครับที่คนขับต้องดูอยู่ตลอดเวลา แล้วคนที่จะใช้ฟีเจอร์นี้ต้องกดตกลงการใช้งานก่อนถึงจะใช้ได้ครับเท่ากับว่ารับรู้แล้วครับ
แต่เครื่องบินมันไม่ต้องจับก้านควบควบคุมตลอด นะครับ บินตรงๆไปเรื่อยๆ หรือบินขึ้นลง ทิศทางตามที่ตั้งแค่นั้น เพิ่มลงจอดให้อีกอันด้วย
แต่ท้องฟ้าเทียบกับถนนแล้วมันก็ต่างกันนะครับ ทั้งจำนวนเครื่องบิน แล้วยังมีการควบคุมเส้นทางการบินอีก และนักบินก็ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หลับได้นะครับ
ใช่ครับ เทียบกันไม่ได้ ผมถนนอันตรายกว่า บรเครื่องบินมีระบบ sensor ตรวจจับเยอะ เช่น หม่งพื้น เครื่องบินชินกัน มีไรครบเยอะมาก แถม กฏระเบียบเข้มงวดเฉพาะ คนที่ขับได้ก็ฝึกมาเฉพาะ
แต่รถระบบอะไรๆ ก็ยังไม่พร้อม คนขับก็คนธรรมดา ที่มี Error ทำไรแปลกๆ ได้ตลอด ไม่เหมือนนักบินที่ทำเป็นอาชีพ
ไม่ต้องจับจริงแต่ก็ต้องพร้อม take control ตลอดเวลานะครับ ฝึกกันอย่างจริงจังด้วย
รถ บ้านๆ คนธรรมดาผมว่ายาก ไม่เหมือนนักบินอยู่ดีอะครับ ที่จะให้ stanby พร้อมตลอด คนเราถ้าคิดว่าระบบมันดีๆ ก็จะขี้เกียจๆ หรือไม่ระวังไรแบบนี้ จริงระบบอาจจต้อง safety สองชั้นไรงี้ เพราะคนที่ใช้งานไม่ได้เป็นมืออาชีพแบบนักบินๆ
ใช่ครับ จริงๆแล้วการเข้าไป take control จาก automation นั้นยากกว่าการ manual control ตั้งแต่แรกอีกครับ พูดแบบบ้านๆคือฟิลลิ่งเรายังไม่ได้ ทำให้การควบคุมในจังหวะแรกที่เข้าไป take control จะออกมาเละๆครับ
ผมมองว่าการที่ tesla บอกแค่ว่าต้องพร้อม take control ตลอดเวลาเป็นแค่คำพูดเพื่อป้องกันตัวเองเฉยๆ
ชื่อว่า AUTOPILOT ก็จริงแต่เป็นเพียงระบบช่วยขับขี่ คนขับต้องมีสมาธิกับมันด้วย
มันย้อนแย้งนะครับ เพราะ ถ้าต้องมีสมาธิอยู่กับถนนตลอด ออโต้ไพรอตก็ไม่ได้ช่วยอะไร ขับเองสบายใจกว่าครับ
คุณกำลังสับสนคำว่า autopilot กะ self-driving ครับ
ชี้แจงด้วยครับ ไม่เข้าใจประเด็น
คุณกำลังสับสนว่า autopilot คือ self driving
แต่จริงๆมันไม่ใช่ ..... autopilot เป็นแค่ระบบ "ช่วย" ให้ขับรถสบายขึ้น ซึ่งยังไม่นับว่าเป็น self driving เลยครับ
เรื่องชื่อระบบ มีคนบอกให้เทสล่าเปลี่ยนชื่อมานานแล้ว ลองไปหาข่าวเก่าๆดูละกัน
เพราะชื่อมันทำให้คนเข้าใจผิดง่ายนี่แหละ
***เพิ่มเติม สุดท้ายแล้วชื่อ autopilot น่าจะเอาไปใช้กับตัวที่เป็น full self-driving ด้วย
แต่ที่มีในตลาดทุกวันนี้ยังเป็นแค่ระบบช่วยขับ
ผมคิดว่าเรื่องชื่อ มันไม่น่าจะสับสนเท่าไหร่นะครับ ถ้าเทียบกับ autopilot ในเครื่องบิน นักบินเป็นผู้สั่งการคำสั่ง autopilot ต้องควบคุมว่ามันทำงานถูกต้องปกติหรือไม่ และพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีที่ระบบทำงานผิดพลาด
ช่วยนะครับ ขาไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ไม่ต้องสลับเหยียบเบรค มือไม่ต้องหมุนพวงมาลัย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คำถามนะครับถ้าคุณทำแบบที่ว่า คุณจะนั่งจ้องถนนอย่างตั้งใจตลอดทางมั๊ยครับ มันเครียดกว่ามั๊ยที่ต้องคอยระวังตลอดว่าจะต้องเข้าไปควบคุมเองเมื่อไร หรือจะวัดใจนั่งชิวไม่สนใจอะไรแล้วลุ้นเองว่าระบบแจ้งเตือนจะแจ้งทันมั๊ยแล้วคุณใช้เวลา 10 วิ แก้สถานะการเฉพาะหน้าทันมั๊ย โดยที่ไม่ได้สนใจเหตุการข้างหน้ามาเลย
ต้องลองดูครับ ส่วนตัวคิดว่าดีกว่า ตอนขับรถปกติคุณต้องทั้งบังคับ และคอยระวังว่าจะมีเหตุไม่คาดคิดเกิดหรือเปล่า
รถผมมีแค่ radar cruise control ที่แค่ปรับความเร็วตามรถคันหน้า ถึงจะต้องรอดูบางช่วงเหยียบเบรคเพื่อคุมรถเอง แต่สบายกว่าบังคับเองทุกอย่างครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
radar cruise เราต้องจับพวงมาลัยครับ แค่ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเหยียบ คนละเรื่องกับออโต้ไพรอตเลยครับ
เค้าแค่จะเปรียบเทียบว่า แค่มี cruise control ยังสบายขึ้นกว่าต้องคอยเหยียบคันเร่ง แล้ว autopilot มันจะเหนื่อยกว่าขับเองได้ยังไง พอจะเก็ตไหมครับ
ยิ่งมีอะไรช่วยมาก มันก็ยิ่งสบายขึ้นไงครับ แม้ว่าจะต้องมองถนนตลอดก็ยังสบายกว่าขับเองล้วนๆ อยู่ดี
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
โดยส่วนตัวผมก็ไม่เคยใช้นะระบบนี้ แต่ผมคิดว่าการที่ต้องมีสมาธิอยู่บนถนนตลอดเส้นทางโดยมีระบบนี้ช่วย มันน่าจะแตกต่างกับการที่ต้องมีสมาธิโดยขับเอง 100% อยู่บ้าง เพราะตลอดเส้นทาง มันอาจจะมีบางช่วงของเส้นทางที่รถขับเข้าใกล้รถพ่วงหรือรถคันอื่นๆหรือทางแยกด้วยความเร็วสูง คนขับก็ต้องตื่นตัวในช่วงนั้น แต่มันก็น่าจะมีบางช่วงของเส้นทางเช่นกันที่ ถนนมันโล่งๆ พอให้เราละสายตาจากถนนได้ หรือแม้แต่ทำกิจกรรมอย่างอื่นได้บ้าง พูดง่ายๆคือเราไม่ต้องจดจ่อตลอดเส้นทาง ซึ่งก็น่าจะบรรเทาความเครียดได้ประมาณนึง การที่เราต้องมีสมาธิอยู่กับถนนก็เพื่อจะได้คอยเพิ่มความระมัดระวังในจุดที่อันตราย ผมว่าน่าจะหมายถึงอย่างนั้นนะ
จริงๆไม่ว่าจะเรียกระบบนี้ว่าชื่ออะไร คนขับก้น่าจะรู้ว่ามันเป็นของใหม่ การไว้ใจให้มันคุมรถ 100% สำหรับผมถือเป็นความประมาทเกินไปหน่อย แล้วเคสนี่ก้ไม่มีโอกาสแก้ตัว
เรื่องชื่อก็คงเป็นเพียงชื่อที่เอาไว้แค่ใช้เรียกแทนอะไรสักอย่างเพื่อให้เข้าใจรวมๆ ว่ามันทำงานในลักษณะไหน เหมือนวาฬที่ไม่ใช่ปลา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่เรียกปลาวาฬก็เพียงเพราะให้เข้าใจลักษณะโดยรวมของมัน
คือถ้าจะยึดเอาชื่อมาอิงกับข้อกฎหมายก็ต้องไปไล่ดูว่ามีเงื่อนไขอะไรในการตั้งชื่อพวกนี้ยังไงบ้าง
หรืออย่างระบบ Cruise Control จะมีใครคิดว่าต้องควบคุมเรือบนรถมั้ย
ผลกระทบของความโม้เหม็นของอีลอน
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับเทสล่าคือโฆษณาด้วยคำว่า Autopilot ทั้งที่มันยังไม่เพอร์เฟคพอ
ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนนควรระลึกว่าโลกใบนี้มีคนงี่เง่าอยู่ ควรหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่จะเกิดการเข้าใจผิดที่เป็นอันตราย
คุณจด Autopilot 1.0 2.0 อะไรต่างๆของคุณไว้ได้ถ้าชอบชื่อนี้นัก
แต่ถ้าจะเปิดให้มนุษย์ใช้ ควรใช้ชื่ออื่นที่หลีกเลี่ยงปัญหาเช่น pre-Autopilot,beta-Autopilot ไปก่อนก็ได้
เพราะมนุษย์ก็คือมนุษย์ มีคนที่งี่เง่า มีคนที่ประมาท
แน่นอนว่าในด้านสถิติ นี่คือความผิดพลาดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ระบบมีพัฒนาการน่าพอใจแน่นอน
แต่คนตายก็คือคนตาย
ของ Volvo เรียก Pilot Assist แต่ก็เข้าใจว่าไม่ล้ำเท่า Tesla
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
แต่ล่าสุดที่ชน นี่ไม่น่าเกี่ยวกับความงี่เง่าของรถคนอื่นเลยนะครับ