Ren Zhengfei ซีอีโอหัวเว่ยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ระบุถึงความนิยมแบรนด์แอปเปิลถึงกับมองว่าแอปเปิลเป็นครู โดยต้องมองแอปเปิลที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้าที่หัวเว่ยต้องเอาเป็นแบบอย่าง แม้ว่าแอปเปิลจะเป็นบริษัทสหรัฐฯ และตัวบริษัทหัวเว่ยถูกแบนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้กระทบต่อบริษัทมาก
เขายังระบุกับสื่อจีนว่าตัวเขาเองก็ยังคงซื้อไอโฟนใช้งานอยู่ โดยก่อนหน้านี้เมื่อ Meng Wanzhou ลูกสาวของ Ren ถูกจับในแคนาดาก็พบว่าเธอมีไอโฟน, ไอแพค, และแมคบุ๊กโปร
แม้ว่าซีอีโอและซีเอฟโอจะใช้ไอโฟนทั้งคู่ แต่พนักงานของบริษัทที่ใช้ไอโฟนเพื่อทวีตสวัสดีปีใหม่ในบัญชีทวิตเตอร์ @Huawei เมื่อต้นปีที่ผ่านมาถูกลดตำแหน่งและเงินเดือนเป็นการลงโทษ
ที่มา - AbacusNews
ภาพ Ren Zhengfei จากหัวเว่ย
Comments
ย้อนแย้งเหลือเกิน
เพราะข่าวประโยคนั้นมันละเนื้อหาเขียนไม่ครบน่ะสิ เลยออกมาเสี้ยมมากๆ
ย่อหน้าสุดท้ายถึงจะเป็นคนละบริบท เอามาเทียบไม่ได้ แต่ก็ขำอยู่ดี 555
ใช่ แต่มันเสี้ยมเห้ๆเลยครับ อ่านแล้วหงุดหงิดมาก
อ่าว เขาก็รายงานข่าวเก่านี่ครับ เสี้ยมยังไง จิตใจผู้อ่านไม่เข้มแข็งอาจทำให้หัวร้อนได้ครับ
อ่านคอมเม้นล่างๆครับจะรู้ว่าทำไมเสี้ยม
อันนี้ส่วน fact
เพราะพนักงานที่ถูกลดเงินเดือนนั้นเกิดจากการใช้เครื่องของคู่แข่งในขณะปฏิบัติหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ทางการตลาดให้กับบริษัทตนเองครับ
ส่วนเหรินผู้เป็นพ่อกับเหรินผู้เป็นลูกนั่นเค้าใช้ในฐานะส่วนตัว
อันนี้ opinion ครับ
แต่ผมมองว่าถ้าเป็นเจ้าของ ผมถือว่าทำงาน 24 ชม.และมีตนเองเป็น brand ambassador นะ แม้จะใช้แบรนด์คู่แข่งในการส่วนตัว ก็ถือว่าส่งเสริมคู่แข่งเช่นกัน เพราะเจ้าของทำงาน 24 ชม. โดยเฉพาะเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์เดียวกัน ชนิดเดียวกัน สินค้าตัวเดียวกันด้วย
เห็นด้วยหมดเลยครับ
ยิ่งออกมาพูดเองแบบนี้ ทำคนมองได้เลยว่าไม่ใช้ของตัวเองเพราะดีไม่พอรึเปล่า
อย่างน้อยก็ต้องเปรยว่าใช้คู่กับสินค้าตัวเองด้วย
ย่อหน้าสุดท้ายนี่ Climax ของข่าวเลย
ใช้ไอโฟนทวิตไอดีบริษัท หลายๆเจ้าก็ลงโทษครับ นี่ไม่ใช่บริษัทแรกที่ทำ ถ้าจำไม่ผิดซัมซุงก็ลงโทษเหมือนกัน
ออกมาพูดเอาหล่อเฉยๆล่ะม๊างงงง ที่ต้องใช้ของคู่แข่งมันก็ไม่แปลก จะได้รู้จุดดีจุดเสียด้วย ความชอบด้วยอีกส่วน
เอิ่ม ใช้ไอโฟนทวิตแอ็คเคาท์ ของบริษัท
ช่วยเขียนให้ครบๆด้วยครับ มันเสี้ยมเกิน
อ่านแล้วหงุดหงิด
แก้ไขตามนั้นครับ
lewcpe.com, @wasonliw
คือขนาดลูกสาวของ Ren เองยังไม่กล้าใช้ของ Huawei เลยครับ ก็คิดดูแล้วกันว่าเขากลัวอะไร
คุณหมายถึงว่าผู้บริหาร Huawei รู้ว่าถ้าส่งข้อมูลอะไรผ่านอุปกรณ์ของ Huawei พรรคคอมมิวนิสต์จะรู้ทันทีเหรอครับ โดยที่ Ren กล่าวว่า "ต้องมองแอปเปิลที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้าที่หัวเว่ยต้องเอาเป็นแบบอย่าง" เพราะตอนนี้ Huawei ไม่สามารถให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้าได้ Ren เลยต้องใช้ iPhone แทน แต่สุดท้ายรัฐบาลสหรัฐก็เลยรู้ทุกอย่างและได้ข้อมูลว่า Huawei มีประตูหลัง
เดี๋ยวขอตัวไปรับยาก่อนครับ
Keep your friends close, and your enemies closer
ผมว่าก็ปกตินะ หน้าที่ ceo cfo เป็นอะไร เค้าเป็นใคร สำคัญที่ต้องเรียนรู้คู่แข่ง มีดีด้อยอย่างไร
แต่คนทวิตนี่ หน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัท ไปใช้ของอย่างอื่นได้อย่างไร
ลูกสาว ตอนโดนจับ
ก็อารยธรรมแอปเปิ้ล ทั้งตัวเช่นกัน
ครบเลย ออกอะไรมา
มีblognoneบอทด้วยเหรอนี่
กรณีนี้ เขาไม่ได้พูดเลยว่าใช้เพื่อเรียนรู้คู่แข่ง แต่เขาบอกว่า ใช้เพราะ apple รักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้าได้ดี
นี่แหละ ที่เขาใช้เพราะเหตุนี้ต่างหาก
นั่นแปลได้ว่าหัวเหว่ยหรือ android เอง ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ไม่ดีพอ
OS ที่ใครก็ได้สามารถโหลดไปปรับแต่งได้เองตามใจชอบ ย่อมหมดสิ้นถึงคำว่าปลอดภัย
NSA ถูกใจสิ่งนี้แต่ประกาศไม่ได้ว่าถูกใจเพราะอะไร
หรือจะเอามาเป็นแรงบันดาลใจ
ในขณะเดียวกัน บริษัทที่เป็น partner ก็ยังคงความ aggressive ในนโยบายต้าน apple แบบนี้ถือว่าหักหน้ากันมั้ย บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ Huawei ออกนโยบายปรับเงินพนักงานที่ใช้ iPhone ตามราคาค่าเครื่อง
ใช้เพื่อจะได้มีแรงบันดาลใจ
ผิดเป็นครูสินะครับ :)
อารมณ์คงประมาณ CEO benz ขับ BMW ขับได้แต่ในฐานะ CEO การที่เจ้าของไปใช้อีกค่ายนึงมันก็ยังไงๆ อยู่
ลูกสาวจัดเต็มมาก มีครบไลน์เลย แปลกๆ นะเนี่ย ฮ่าๆ
เอาจริงๆ นะในฐานะของผู้บริหารบริษัท ที่มีหน้าที่ในการกำหนดทิศทางในภาพรวม ก็ควรต้องเรียนรู้อุปกรณ์ของคู่แข่ง โดยการใช้งานจริง แล้วท้าทายให้พนักงานทำของที่ดีกว่าออกมาให้ได้ เพราะถ้าเขาใช้งานในชีวิตประจำวันจริง ก็น่าจะได้แรงบันดาลใจ มาให้พนักงานออกแบบเพิ่มเติมในสินค้าของตัวเอง หรือที่เราชอบเรียกกันว่าเลียนแบบนั่นแหล่ะ แต่หน้าที่ดัดแปลงให้มีความต่างเป็นหน้าที่พนักงาน ผู้บริหารแค่บอกว่าอันนี้ดี อยากให้มีในสินค้าตัวเอง ผมว่าบริบทน่าจะประมาณนั้น ผู้บริหารที่เปิดกว้าง ไม่โลกแคบผมว่าจะพาบริษัทไปได้อีกไกล
Satya Nadella ผู้บริหาร Microsoft ยังเคยถือ iPhone ขึ้นเวที ดึงออกมาทำลูกน้องแตกฮือกันมาแล้ว แต่เขาบอกว่านี่คือ iPhone ที่ดีที่สุด เพราะมีบริการของ Microsoft ติดตั้งเอาไว้ ในทางกลับกันบัลเมอร์ ที่พยายามดันมือถือของตัวเอง ตะบี้ตะบันไป สุดท้ายก็จบไม่สวย
Satya ทิ้งธุรกิจโทรศัพท์เป็นอย่างแรกๆ ในการรับตำแหน่ง เขาใช้โทรศัพท์แบรนด์อื่นเพื่อประกาศแนวทาง "รักทุกคน" ก็ถูกแล้วครับ (ยอมแพ้ธุรกิจมือถือไปแล้ว)
lewcpe.com, @wasonliw
พูดถึง WP แล้วขึ้นเลย กั๊กไปกั๊กมาจนเจ๊ง ตอนพูดเปิดตัวนี่ดูดีมีอนาคตมาก
ผมเลยไปสอย 720 มาต่อด้วย 920 จากนั้นดิ่งลงเหวเฉ้ย...แค้นจริงๆ 555
โดน Lumia 720 เหมือนกัน ขายไปได้ 3500 ซื้อมา หมื่นนึง เคืองมาก
ส่วนอีกอัน 435 ให้แม่ใช้ทุกวันนี้ก็ยังอยู่นะ full function แต่จอเสื่อม แสดงสีเพี้ยน
ผมสอยมาสมัย HTC Mozart จบ พอกัน เลิกคบ Windows phone
M$ Fanboy นี่เจ็บแสบกันถ้วนหน้า
แทบหมดศรัทธาในผลิตภัณฑ์ของ M$ เลย
ผมว่าน่าเสียดายที่เขาทิ้งมันไป ถ้าเอามาทำ อาจไปได้ดีกว่านี้แน่นอน ไม่ต้องโดนด่าด้วย แบบเดียวกับ Windows ที่ตัวเองถนัด
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้าไม่ทิ้งกลัวจะกลายเป็นอีกเรื่องครับ การเลือกทิ้งในตอนนั้น ที่แน่ๆ มันก็ส่งผลบวกมาถึงทุกวันนี้
เรียนรู้คู่แข่งนี่คือดีครับ แต่ถ้าใช้นานหลาย ๆ เดือนมันยังไงอยู่ จริงไหม