เรียกว่าเป็นกระแสกันมานาน สำหรับ MG ZS EV ภาคต่อของ MG ZS ที่ขณะนี้ออกมาเป็นเวอร์ชันรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแล้ว
ล่าสุด MG ประเทศไทยได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นดังกล่าวแล้วที่ราคา 1,190,000 บาท โดยมีวางจำหน่ายรุ่นเดียว ไม่มีรุ่นย่อยใดๆ
MG ZS EV ที่จำหน่ายในประเทศไทยติดตั้งแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 44.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทาง 337 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (วัดตามมาตรฐาน NEDC) มีกำลัง 150 แรงม้า, แรงบิด 350 นิวตันเมตร
การชาร์จไฟจะมีสองโหมดคือชาร์จแบบปกติผ่านตู้ชาร์จ MG Home Charger ใช้เวลา 6.5 ชั่วโมง และชาร์จด่วนตามสถานีชาร์จสาธารณะได้ 80% ในเวลา 30 นาที ส่วนการชาร์จจากปลั๊กไฟบ้านก็สามารถทำได้แต่คาดว่าจะใช้เวลานานมาก
การรับประกันคุณภาพอยู่ที่ 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตร และรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ MG ระบุว่าการรับประกันเงื่อนไขนี้เป็น Welcome Package และยังไม่แน่ชัดว่าปกติแล้วจะมีการรับประกันให้กี่ปี
นอกจากนี้ผู้ที่ซื้อรถ 1,000 คันแรกจะได้รับตู้ชาร์จ MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาทโดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงได้ประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปีไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย
Comments
รถยนต์ไฟฟ้าตัวที่ขายกันต่างประเทศเค้าวิ่งได้เท่าไหร่แล้วบ้างอะครับ “337 กิโลเมตร“ นี่น้อย/กลาง ๆ /หรือมากรึเปล่าครับ ___) แล้วปกติรถยนต์เติมน้ำมันเต็มถังวิ่งได้ไกลเท่าไหร่ครับ?
กลางๆครับ ไม่น้อยนะ
MG ZS EV = 337 กม.
Tesla Model S = 595 กม.
Tesla Model 3 = 498 กม.
Tesla Model X = 523 กม.
Tesla Model Y = 482 กม.
เปรียบเทียบดูครับ
ระยะเท่าพวกรุ่นเริ่มต้นของพวกรถไฟฟ้าครับ Nissan Leaf ที่ขายในไทยก็ 311 km Tesla ถ้ารุ่นถูกสุดก็ 3 ร้อยกว่า แต่ต่างประเทศจะมี option ที่วิ่งได้ไกลกว่าให้เลือกด้วย
รถใช้น้ำมันที่ผมเคยใช้เองวิ่งได้ 400 - 600 km ขึ้นกะวิ่งในเมืองนอกเมืองและเหยียบไม่เหยียบ ถ้ารถใหญ่ถังน้ำมันใหญ่กว่านี้ก็วิ่งได้ไกลกว่าครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตะโกนออกไปเลยว่า เป็นล้านนนนนนนนน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ไม่ต้องถามว่ากี่ล้าน
I need healing.
เปลี่ยนแบตกี่บาท
ราคานี้ เจ้าอื่นๆ ที่เปิด EV ในไทยมานี่น่าจะอยู่ยาก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ที่รู้คือ Kona, Leaf และตระกูล E-Power ของ Benz มีสะเทือนแน่นอน ราคานี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
E-Power ผมว่าไม่ค่อยสะเทือนนะ คนละตลาดกัน
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ที่ว่างตรงนั้น(ถังน้ำมันที่ถอดออก)มีไว้ให้แมวนอนสินะ
สงสัยว่ารถยนต์ไฟฟ้านอกจากไม่มีควันและเงียบ ไม่ใช้น้ำมัน
มีข้อดีอย่างอื่นอีกไหมที่ต่างจากรถใช้น้ำมัน
เช่น ต้องเติมน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ ด้วยไหม หม้อน้ำ
(การดูแลรักษาที่ต้องคอยเปลี่ยนทุก ๆ กี่โล) ถ้าไม่มีพวกนี้ด้วยเนี่ยแจ๋วแล้วนะ
ไม่มีเครื่องก็คือไม่มีน้ำมันเครื่องครับ พอไม่มีเครื่องก็ไม่มีหม้อน้ำ ส่วนน้ำมันเบรคยังมีอยู่แต่ปกติถ้าไม่รั่วก็ไม่ต้องยุ่งกับมัน น้ำมันเกียร์ก็เช่นกัน
ของเหลวอื่นๆที่ต้องเติมคือน้ำฉีดกระจกครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
อาจเหลือแค่น้ำยาฉีดกระจก น้ำยาแอร์ และน้ำมันเบรคนะ เพราะเนื่องจากเป็นรถไฟฟ้า หม้อน้ำเลยไม่ต้องมี รวมทั้งน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ เพราะมีแค่ระดับเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนเฟือง แค่ลดคันเร่งให้ประหยัดไฟก็พอ แต่คงต้องมีน้ำมันหล่อลื่นและตรวจสอบลูกปืนแทน
มีอย่างเดียวคือ ต้องขับและชาร์จสม่ำเสมอ ถ้าลืมชาร์จ แบตพังได้เลย และค่าเปลี่ยนแพงด้วย อีกอย่างก็การลุยน้ำ มีความเสี่ยงที่จะไฟลัดวงจรได้ โดยเฉพาะตัว Converter ที่แพงด้วยเช่นกัน
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ยังคงมีหม้อน้ำอยู่นะครับ แต่จะทำหน้าที่ระบายความร้อนให้แบตเตอรี่ แต่มีภาพห้องเครื่องมีกระปุกน้ำสีแดงๆ 2 อัน กระปุกเหลือง 1 อัน เหลืองน่าจะน้ำมันเบรก ส่วนตัวสีแดง ยังงงว่า 2 อันคือมีหม้อน้ำ2ตัวรึยังไง
ไม่ต้องเติมน้ำมันเครื่อง ไม่มีน้ำมันเกียร์ (เพราะไม่มีเกียร์) ไม่มีหม้อน้ำให้ต้องดูแล น้ำมันเบรกยังมีครับ แต่ปกติคนขับ EV น่าจะไปใช้ e-pedal (ปล่อยคันเร่ง = เบรก พร้อมเอาพลังงานกลับมาชาร์จแบต) กัน ทำให้เบรกเสื่อมสภาพช้าลงไปอีก
มีเกียร์นะครับ แต่ 1 speed ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ค่าพลังงานถูกกว่ารถใช้น้ำมัน โดยเฉพาะบางประเทศที่ค่าน้ำมันแพงมากอย่างฮ่องกงที่ลิตรละ 80 บาทแต่ค่าไฟเท่าไทย
ค่าน้ำมันเครื่องน่าจะไม่มี น้ำมันเบรคยังมีอยู่ หม้อน้ำน่าจะยังมีไว้หล่อเย็นมอเตอร์ แต่น้ำมันเกียร์นี่ ถ้ายกตัวอย่างรถเกียร์เดียวอย่างเทสล่า รายนั้นเคยเอามาโชว์ว่าวิ่งไปแสนโล เกียร์ไม่สึกหรอ น้ำมันเกียร์ยังใส
แรงบิดเยอะกว่าเบนซินและดีเซล แถมมาตั้งแต่รอบ 0 ไม่ต้องใช้คลัทช์
หม้อน้ำอาจจะมีแต่ขนาดเล็กกว่าเครื่องสันดาบ เอาไว้ใช้ระบายความร้อนจากแบตครับ
ezs เปิดฝาเครื่องมาเห็นกระปุกหล่อเย็นและหม้อน้ำอยู่นะครับ กระปุกนึงเป็นตัวระบายความร้อนให้ inverter ส่วนอีกกระปุกผมไม่แน่ใจ ของมอเตอร์หรือแบตมั้ง? ดังนั้น จะมีหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อนแน่ ๆ อย่างน้อย 2 ชุด คือ 1. inverter 2. แอร์
ไม่แน่ใจว่ามีระบบคล้ายๆ e padal ของนิสสัน leaf ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีผ้าเบรคก็จะไม่ค่อยได้เปลี่ยนเหมือนกันเพราะชะลอความเร็วโดยการปั่นไฟเข้าแบต
ไม่จำเป็นต้องเป็น e pedal ก็ปั่นไฟครับได้ครับ e pedal เป็นแค่วิธี input เอง รถ hybrid ทุกวันนี้ก็ปั่นไฟกลับเวลาเบรคอยู่แล้วครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
พวกรถ hybrid นี่เวลาถอนคันเร่งมัน หน่วงมากไหมครับ ผมยกประเด็น e pedal ขึ้นมาเพราะเห็นเค้าบอกว่า มันไม่ต้องแตะเบรคเลย รถสามารถหน่วงจนหยุดสนิท คือแตะเฉพาะกรณีเบรคฉุกเฉิน หรือถ้ามันเป็นแค่ input จริงๆคือรถมันแอบเบรคให้ด้วย?
ใช่ครับ e pedal มันใช้เบรคด้วย ของ nissan มันตั้งได้ด้วยว่าจะบังคับแบบ e pedal หรือแบบปกติ
และรถพวก hybrid นี่เวลาปล่อยคันเร่งก็หน่วงระดับนึง แต่เหยียบเบรคเพิ่มมันก็ชาร์จกลับเพิ่มด้วย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
อ๋ออ เข้าใจละครับ ขอบคุณครับ ^^
จริงไม่ต้องแบบ e-padal ก็ได้นะครับ ของโตโยต้า แค่ไม่เร่งเครื่อง รถแนวใช้ไฟฟ้านี้ส่วนใหญ่ก็ปั่นไฟเข้าแบตหมด ครับ ของ Honda ไม่แน่ใจต่างกับเพื่อนนิดหนึง
ครับผม คือเรื่องปั่นไฟเข้านี่พอเข้าใจ แต่ไม่แน่ใจว่ารถไฮบริดมันหน่วงมากไหมเวลายกคันเร่ง เพราะประเด็น e pedal ของผมคือมันหน่วงจนรถหยุดได้แบบไม่ต้องแตะเบรคเลย ไม่รู้รถไฮบริดเป็นเหมือนกันไหม
เคยอ่านพวก review เวลาถอนคันเร่งเขาก็บอกกันว่างหน่วงกว่ารถน้ำมันปกติหน่อยๆ สมัยตอน Prius Hybrid เข้ามาในไทย นี่เจอพวกเอกสารแนะนำรถเยอะเดียวนี้หาไม่เจอละ
e-Pedal เข้าใจว่ามันผสมเบรกในตัวด้วยนะครับ ไม่งั้นคงหยุดเวลาทางขึ้นเนินด้วยไม่ได้ แถมคงหน่วงเพื่อเอาไฟเข้าแบตมากกว่าปกติด้วย
https://www.nissan.co.th/news/new-nissan-LEAF-with-e-Pedal.html
อ่าาา โอเค เข้าใจและ ขอบคุณครับ ^^
อยากลอง แต่เป็น MG ให้คนอื่นลองกันไปก่อน
ผมเป็นคนดูพอ
ถ้าเจ้าอื่นคงน่าสนใจดี แต่สำหรับเม..วงนี่ขอรอดูก่อนละกันครับ เห็นสภาพบริการแล้วแอบแหยงๆ หวังว่าคงจะไม่เป็นปัญหามาก แต่มองในแง่ดี คงจะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าแพร่หลายกว่านี้
//ถึงจะรู้ราคาแล้วแต่ก็ขอหน่อยเถอะ
#กี่ล้านนนนนนนนน
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ตัวนี้น่าจะถูกที่สุดที่มีขายในไทยแล้วนะครับ… T.T)
ของเจ้าสัว CP เค้า
นั่นรูปศูนย์บริการหรือที่ล้างรถครับ -_-
แรงมาก ผู้บริหารร้องไห้แล้ว
น่าจะเป็นสนามทดสอบหรือเปล่าครับ
สนามทดสอบแถวศรีนครินทร์ครับ
ซื้อแล้วเข้าอู่นอกได้หรือเปล่าเนี่ย -*-
ไม่แน่ใจครับแต่คิดว่าอู่นอนตอนนี้ ยังซ่อม hybrid ยังไม่คล่องเลย รถ fullEV หรอยี่ห้อไหนก็ยังไม่ต้องหวัง ไม่เฉพาะอมจีหรอครับ
พอแบตเน่า รถใช้แบตกี่โมดูล โมดูลละกี่บาท
เป็นราคาที่ competitive มากครับ จนตลาดรถไฟฟ้าต้องขนลุก ถ้าดันออกมาแล้วใช้งานดี ไม่มีปัญหา
ปล ราคาที่จีน 5แสนกว่า
รถจีนดี ๆ ก็มีนะครับ แต่คงยังไม่ใช่.. จีจี้...
รอดูกลุ่มผู้กล้า
ZS ของน้าลงวัดกับต้นไม้ข้างทาง กระจังหน้า+แก้มซ้าย ซ่อม 2 เดือนยังไม่เสร็จ
ตัวนี้มีระบบป้องกันออกนอกเลน น่าจะพอช่วยได้บ้าง แห่ะๆ
ราคาน่าสน แต่การบริการหลังการขายนี่สิ มีเคสรอซ่อม 4 เดือน มีเคสซ่อม 15 เดือนรถยังอยู่ศูนย์
ถือว่าเปิดตลาดEV ได้ดีเลย ถึงชื่อ MG จะมีคนแหยงเยอะ แต่ก็ลุ้นว่าพอเป็น EV แล้วอุปกรณ์น้อยลง อาจจะปัญหาน้อยลงตามไปด้วย เพราะหลักๆจะเหลือแค่ช่วงล่างกับระบบไฟฟ้า
ก็หวังว่าเจ้าอื่นๆจะทยอยเปิดตลาดในไทยได้สักที
ตอนแรกก็เห็นด้วยแหละครับ แต่เท่าที่ผ่านมา MG ปัญหาในระบบไฟฟ้าของรถนี่เยอะมากอยู่จากที่มีคนเคลมกันมาเยอะ ได้แต่รอดูต่อไปครับว่าจะจุดติดและมีปัญหาน้อยกว่าแบบปกติมั้ยนี่แหละ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ประเด็นคือที่มันขึ้นรถสไลด์ก็เพราะระบบไฟฟ้านี่แหละครับ
I need healing.
รูปภายในรถดูเรียลมากๆ
test drive มา เหมาะกับกทม มากครับ
ยังหาข้อมูลไม่เจอ
ตกลงขับหน้าหรือหลัง
หน้าครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ที่หาข้อมูลมาเหมือนเอาโมเดลเครื่องยนต์สันดาปมาแปลงเป็น EV
เห็นตำแหน่งที่วางแบตเตอรี่แล้วกังวลกลัวจะกระแทกพื้นถนนแล้วเกิดความเสียหายมากเลยครับ ถ้าถึงขนาดไฟไหม้นี่แย่เลยนะ
https://www.img.live/image/75uyLe
ของเจ้าอื่นนี้เค้าวางตรงตำแหน่งไหนพอทราบรึป่าวครับ
ถ้าเป็น Tesla วางบนพื้นรถ แต่ยังอยู่ในตัวถังรถ
เคยเห็นที่ไหนสักที่บอกตัวเลขว่าถึงรวมห้อยแบตแล้วก็ยังสูงกว่าพวก Altis Civic อยู่ครับ
แผงควบคุมข้างคนขับนี่มันไม่อยู่ตรงกลางใช่มั้ยครับ ไม่ใช่เพราะถ่ายรูปมาแล้วเบี้ยว เห็นแล้วขัดใจนิดๆแฮะ
เห็นสื่อบอกว่า มีผู้บริหารค่ายรถอื่นจองรถ MG ไปแล้ว
นี่เขาอนุญาตให้ใช้รถค่ายอื่นกันด้วยเหรอครับ
สงสัยครับ ถ้าอนาคตแนวโน้มเป็นไฟฟ้าเกือบหมดแล้ว ภาระไปตกที่โรงผลิตไฟฟ้าใช่มั้ย ต้องเผาฟอสซิลต่อไปใช่มั้ย มันมีอะไรที่สามารถได้ไฟฟ้ามาโดยไม่แลกกับแก๊สเรือนกระจก ถ้าตอบว่าโซลาร์ฟาร์ม มันต้องใหญ่กินพื้นที่แค่ไหนถึงจะเพียงพอกับการใช้งาน หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเป็นคำตอบ
ใช้เลยครับ โยนการผลิตพลังงานไปไว้ที่โรงฟฟ้าหมด ตามถนน เมือง อากาศจะดีขึ้น การจัดการด้านมลภาวะ มลพิษ รวมศูนย์กัน แถมประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย สำหรับเมืองไทยผมว่าโรงงานคงได้แค่ถ่านหิน นิวเคลียร์ผมหมดหวังละ รอนานเกิน สร้างอันนี้ก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เอาสักอันเลย
อีกอย่างก็โดนชาวบ้านและผู้มีอิทธิพลต่อต้านแบบสุดๆ โดยไม่รับรู้หรือทำความเข้าใจอะไรเลย กลายเป็นว่าเราก็ต้องแบกรับปัญหาความมันคงทางไฟฟ้าไปอีกนาน ซึ่งมันใช่เรื่องที่ควรจะปล่อยวางไหม
แม้แต่โรงไฟฟ้าขยะและโรงไฟฟ้าแบบอื่นที่มีโครงการและแผนจะก่อสร้างยังโดนต่อต้านแบบสุดโต่งเลย ก็คงมีวิธีเดียวคือไม่ต้องไปสนใจแล้วลุยสร้างอย่างเดียวเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ
ทีของแบบนี้ไม่เอา ม.44 มาใช้ ให้เกิดการก่อสร้างโดยทันที เอาไปใช้กับของเอื้อผลประโยชน์ผู้ประกอบการณ์และพรรคพวกเพียงอย่างเดียว
แต่ถ้าจะทำโรงไฟฟ้าถ่านหินต่อไป ต้องมีเครื่องกรองอากาศ กรองกลิ่น และกรองฝุ่นก่อนปล่อยออกจากโรงไฟฟ้าด้วย ช่วยเรื่องปัญหาคุณภาพอากาศได้เยอะ ส่วนโรงเก่าก็ติดตั้งเพิ่มเข้าไปก็จบแล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เหมือนเคยมีคนบอกว่าการชาร์จรถไฟฟ้าก็เหมือนเปิดแอร์หรือถูกกว่า โซล่า+แบต ก็ไม่น่ามีปัญหานะครับ?
source: https://www.energy.gov/eere/electricvehicles/charging-home
สงสัยต่อ เห็นมะกันสามารถมีบริษัทผลิตไฟฟ้าหลายเจ้า มาแข่งกันที่ราคา บางเจ้าก็ถ่านหิน บางเจ้าก็ไม่ใช่
ไทยจะมีโอกาสมีแบบนั้นมั้ยครับ หรือติดว่าไฟฟ้าต้องมาจากการไฟฟ้า ตามกฏหมาย?
ในไทยก็มีหลายเจ้านะครับ แต่เหมือนจะทำงานร่วมกับการไฟฟ้าฯ และมักจะผลิตไฟเลี้ยงนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ซะมากกว่า แถมงานเดินสายก็ต้องใช้บริการของ PEA/MEA อีก น้อยมากที่ผลิตขายให้ประชาชน ล่าสุดก็โครงการปล่อยโซล่าคืนการไฟฟ้าฯ แต่ก็รับจำนวนจำกัด
ตอนนี้ก็ทำได้แค่ผลิตใช้เองไม่พึ่งการไฟฟ้า อย่างกังหันหรือโซล่า ถ้ากำลังทรัพย์มีมากก็เลี้ยงทั้งหมู่บ้านก็ได้ ตราบใดที่ไม่มีไฟของการไฟฟ้าเข้ามายุ่งนะ กับต้องขอใช้ไฟจากการไฟฟ้าครับในตอนนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ใช่ครับ เห็นมีกำหนดโควต้า อย่างเรื่องพวกติดโซลาร์แล้วจะส่งไฟที่เหลือใช้กลับเข้า grid
ก็สงสัยว่าถ้าไฟมันขาดแคลน ทำไมไม่เปิดให้คนปล่อยกลับเข้าไปเยอะๆเลย
on-grid มันมีปัญหาเยอะครับ ทั้งถ้าไม่ติดตั้งระบบแยก มันจะทำให้ meter หมุนย้อนกลับ หรืออาจเสียหาย รวมไปถึงเรื่องเฟสไฟ และโหลด ที่ไม่นิ่ง อาจทำให้ระบบจ่ายไฟฟ้าในโซนนั้นพังทั้งระบบได้
เขาเลยต้องให้ขอใบอนุญาต เพื่อติดตั้งระบบให้มาตรฐาน รวมไปถึงต้องคุมปริมาณโหลดที่จะขายคืน ไม่งั้นมีผลต่อกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า บางวันแดดดีคืนเยอะ บางวันแดดน้อยหรือใช้ไฟเยอะ ก็ไม่คืน มันไม่นิ่ง มันทำให้คำนวณกำลังโหลดของโรงไฟฟ้าอะไรพวกนี้ลำบาก
ที่ทำๆกันตามบ้าน เอาไปต่อแอร์ต่อกับระบบไฟฟ้าปกตินี่ผิดกฎหมายทั้งหมดเลยนะครับ เขาจะรู้ก็ต่อเมื่อmeter มันพังนี่แหละ
แต่ถ้าต่อแยกระบบ ไม่มีใครห้าม จะใช้ไปเท่าไรก็คำนวณความคุ้มค่าเอาเอง อย่าเอามาต่อรวมระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าเท่านั้นแหละ
ขอบคุณครับ ถ้างั้นดีกว่าก็คงเป็นเก็บเข้าแบต ใช้เอง
ในขณะที่ประเทศไทยไม่อนุญาตให้ on-grid โดยอ้างเรื่อง demand ผันผวน
ประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นในโลกกลับเริ่มอนุญาตให้ on-grid มากขึ้นเรื่อยๆ
เค้าคงไม่เจอปัญหาแบบเดียวกับเราสินะครับ?
ที่อื่นเขาบังคับให้มีระบบป้องกันการกวนกันไงครับ
ของบ้านเราที่ทำๆกันไม่มีใครติดระบบนี้ และการไฟฟ้าเองก็ยังไม่รองรับ(มันต้อง syncกันทั้งโซน)
อีกอย่างค่าไฟประเทศที่เจริญแล้วก็แพงมากๆ เขาเลยรับซื้อคืนได้สบายๆ เจอราคาขายปกติหน่วยละ 10-20 บาทยังไงก็คุ้ม ส่วนบ้านเรา กฟผ.จะรับซื้อคืนทำไม ในเมื่อมีอย่างอื่นต้นทุนถูกกว่า
คือเรื่องพลังงานสะอาดแบบให้มีโควต้าใบอนุญาต โดยการบอกให้กฟผ.รับซื้อคืนหน่วยละ 7 บาท ส่วนต่างที่ซื้อคืนแพงจากต้นทุนปกตินี่เงินจากภาษีของประชาชนนะครับ....
Hyundai ดีกว่า
มันใช้ platform เดียวกับรถยนต์ แล้วเอาแบตไปติดตั้งใต้ท้องรถ(นอกตัวถัง)
ถ้าไปพื้นที่น้ำรอการระบาย จะเป็นยังไงนะ แบตลิเธียมเวลาช้อตนี่ไหม้รุนแรงซะด้วย
เขาบอกว่าลุยน้ำได้ถึง 40 cm เลยนะครับ
ระยะต่ำสุดถึงพื้น อยู่ที่ 16.1 cm
ref : http://www.headlightmag.com/official-price-mg-zs-ev-thailand/
ปกติคง seal ปิดสนิทกันนะครับ กันน้ำเข้า อย่างขนาดพวก Prius , Tesla ก็ลุยน้ำกันได้ กันทั้งนั้น
เรื่องการซ่อมบำรุง แบตฯ มอเตอร์ไฟฟ้า นี่จะราคาเท่าไหร่กัน