สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ไม่ได้จำกัดแค่ Huawei เท่านั้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เพิ่มบริษัทซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีนอีก 5 รายเข้ารายชื่อบริษัทที่ห้ามทำการค้าด้วย เพื่อไม่ให้บริษัทเหล่านี้สามารถซื้อชิปจากสหรัฐได้
บริษัททั้ง 5 รายได้แก่ Higon, Chengdu Haiguang Integrated Circuit, Chengdu Haiguang Microelectronics Technology, Sugon, Wuxi Jiangnan Institute of Computing Technology ส่วนเหตุผลในการแบนคือ "มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงหรือผลประโยชน์ของสหรัฐ"
Sugon เป็นบริษัทซูเปอร์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ของจีน โดยมีเครื่องติดอันดับ Top500 เวอร์ชันล่าสุดถึง 63 เครื่อง (อันดับสูงสุดคือ 43) และ Higon เป็นบริษัทลูกของ Sugon
ส่วน Wuxi Jiangnan Institute of Computing Technology เป็นที่ตั้งของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในจีน (และอันดับ 3 ของโลกในปัจจุบัน) คือ Sunway TaihuLight
บริษัทซูเปอร์คอมพิวเตอร์เหล่านี้ ซื้อชิปจากบริษัทสหรัฐทั้ง Intel, AMD, NVIDIA, Xilinx โดย 500 อันดับแรกของซูเปอร์คอมพิวเตอร์โลก 95.6% ใช้ซีพียูอินเทล และมีจำนวน 125 เครื่อง (25%) ใช้จีพียู NVIDIA เป็น co-processor
ที่มา - CNBC
ภาพจาก Sugon
Comments
เขาคิดว่าจีนซื้อชิปไปควบคุมขีปนาวุธเหรอเนี่ย
น่าจะกลัวเอาไปพัฒนาต่อนะครับ เป็นผมก็กลัว อุตสาหเสียงบประมาณลงทุนพัฒนา พวกก๊อปไปขายไม่พอ เอาไปพัฒนาต่อมาขายตัดราคาอีก
แค่สงครามการค้าน่ะครับ พอดีกันก็ขายให้ตามเดิม
น่าจะเป็นการลดทอนศักยภาพ ด้านการแข่งขัน
งานวิจัย ต่างๆ ลดศักยภาพในการประมวลผล
ผลเสีย คงตกอยู่กับ คนซื้อและคนขายโดนเต็มๆ
คนขาย เม็ดเงินที่หายไป ใครรับผิดชอบ รัฐบาลซื้อแทน? ออกเงินชดเชยให้?
คนซื้อไม่มีของใช้ ก็หาทางออกอื่นกันไป
อ่านหัวข่าวสามรอบ งงว่าสั่งห้ามซื้อได้ด้วยหรอ หรือจริงคือสั่ง บ.เองห้ามค้าขายด้วย
เป็นนวัตกรรมด้านกฎหมาย(ของประเทศฝั่งเสรีนิยม)อย่างแท้จริงครับ
ต่อไปนี้สามารถออกกฎหมายเพื่อลงโทษด้วยการระบุชื่อแบบเฉพาะเจาะจงได้แล้ว
อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องหัวเว่ยล่ะ แสดงเจตนาจะขัดขาประเทศอื่นชัดเจน
ถ้าพี่จีนตื่นขึ้น แล้วเริ่มวิจัยและพัฒนาชิปเป็นของตัวเองได้แล้วล่ะก็สนุกแน่ๆ หวังว่าจะมีวันนั้น
มันไม่ง่ายอย่างที่พูดนะครับ.
ไม่เป็นไร..จีนไม่ได้เคารพลิขสิทธิ์เท่าไร ก็copyใช้ในประเทศ แล้วค่อยพัฒนาเป็นของตนเอง
แต่ขายนอกจีนไม่ได้ เพราะมีส่วนที่มีสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ติดอยู่ในงาน ไม่ว่ายังไงก็ลำบากครับ ถ้าจะขายต่างประเทศที่นอกจากพันธมิตรของจีนที่ไม่ได้อยู่ฝั่งตะวันตกนะ
เว้นแต่จีนจะทำตั้งแต่นับหนึ่งใหม่เป็นแนวทางตัวเองที่ขายนอกจีนได้ แต่จะทำให้ Compatible ก็เจอปัญหาลิขสิทธิ์อยู่ดี หรือหันไปใช้ Opensource ล้วนที่มั่นใจว่าเป็นสาธารณะ เอาไปใช้ได้ไม่จำกัดจริงๆ ไม่ติดลิขสิทธิ์เลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เป็นไปได้ไหมครับถ้าจะหาตัวกลางไปซื้อแล้วเอามาขายต่อจีนแบบนี้ผิดกฎไหมนา
ตัวกลางก็จะโดนข้อหาเหมือนหัวเว่ยโดนกรณีอิหร่านไงครับ