Tanmay Ganacharya ผู้บริหารฝ่ายวิจัยความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า Windows Defender มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% ของผู้ใช้ Windows ทั้งหมดแล้ว หรือถ้านับเป็นจำนวนอุปกรณ์คือมากกว่า 500 ล้านเครื่อง
ในแง่จำนวนผู้ใช้ Windows Defender อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะมาพร้อมกับตัวระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว แต่ Ganacharya ก็ให้ข้อมูลว่าการที่ Windows Defender มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ก็ตกเป็นเป้าโจมตีของไวรัสและมัลแวร์ต่างๆ มากตามไปด้วยเช่นกัน เพราะการเจาะผ่าน Windows Defender สำเร็จมีรางวัลเป็นฐานผู้ใช้จำนวนมากที่สุดนั่นเอง
Ganacharya บอกว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์คาดไว้ตั้งแต่แรก จึงลงทุนในเทคโนโลยี machine learning เตรียมเอาไว้แล้ว และสามารถป้องกันหรือตรวจจับการโจมตีที่ซับซ้อนได้ในหลายเคส โดยเฉพาะเทคนิค clean-signal หรือการอาศัยเครื่องมือมาตรฐานของ Windows เป็นช่องทางเจาะเข้ามา ซึ่งทำให้ตรวจสอบได้ยากด้วยแอนตี้ไวรัสแบบดั้งเดิม
ที่มา - ZDNet, MSPoweruser
ภาพจาก Microsoft
Comments
เดี่ยวก็โดนข้อหาผูกขาดแบบ IE ไหมเนี่ย
ผมว่ายากนะ เพราะ ms สามารถอ้างให้เห็นถึงความชอบธรรมได้ว่า เป็นการปกป้องผู้ใช้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้งาน
แต่หากระบบป้องกันไวรัสวางยาไม่ให้ใช้งานจ้าวอื่นๆ คงโดนแน่ๆ
IE ก็อ้างแบบนั้นใด้ครับ
ที่ Windows Defender ยังไม่โดนตอนนี้เพราะข้อหาผูกขาดต้องมีส่วนแบ่งการตลาดสูง 70%+
และเมื่อฟ้องชนะ อย่างมาก MS ก็ ใส่ตัวเลือกให้ระยะหนึ่งเหมือนตอน IE
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
กฏหมายผูกขาดส่วนประกอบในแพลตฟอร์มนี่ผมยังงงๆอยู่ว่ารายละเอียดยังไง
เปรียบเหมือนบริษัทยางรถฟ้องค่ายรถเพราะลูกค้าใช้แต่ล้อเดิมที่ติดมากับรถงี้ป่าว
ซึ่งมันให้ความรู้สึก Really???
มันต้อง บริษัทล้อรถฟ้อง ยี่ห้อรถ ที่ใช้แต่ ล้อยี่ห้อตัวเอง แบบนี้เปล่า
นับตั้งแต่ตัวนี้พรีโหลดมาใน Windows 10 ผมก็ไม่คิดจะลง anti-virus เพิ่มเลยครับ ถ้าลงก็ลงแค่ MalwareBytes อีกตัว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1
ไม่ได้ไม่ชอบ antivirus ตัวอื่น แต่ไม่รู้ทำไมพวกมันถึงทำตัวเป็นนายเราเหลือเกิน
ของฟรีแล้วเบาเครื่องครับ แต่ที่หนักเครื่องคือเวลาอัพเดทวินโดว์
เมื่อซื้อ SSD ปัญหานี้จะหมดไป
ตอนอัปเดตใหญ่ใช้เวลา ไม่ถึง 5 นาที
องกรค์ที่จัดสเป็คที่มี ssd ตั้งแต่แรกก็โอเคครับ
แต่บางองกรค์ที่ไม่ได้จัด ssd มาพร้อมตั้งแต่แรกมันลำบาก
เครื่องที่ไม่มี SSD ก็ใช้ W10 ได้ลำบากอยู่ดีครับ แม้จะใหม่แค่ไหนก็ตาม
ที่หนักเครื่องและ HDD/SSD ทุกครั้งตอนมีการอัพเดต คือ "Windows Malicious Software Removal Tool" ครับ ไม่ใช่อัพเดต definition ของตัว Windows Defender มันเป็นคนละตัวกันครับ
ไม่อยากใช้
พยายามปิดหยุดการใช้งาน แต่ก็หาปุ่มปิดไม่เจอ จนปัญญาเลยปล่อยไว้อย่างนั้น
ประสบการณ์แอนตี้ไวรัสของไมโครซอฟท์คือ ตรวจไม่เคยเจอไวรัส จนเครื่องรวนต้องไปหาโปรแกรมอื่นมากำจัด
พอจะบอกได้ไหมครับว่า ไวรัสที่ว่าตรวจไม่เจอนี่คือตัวไหน เมื่อไร และ ยี่ห้อไหนตรวจเจอ?
ส่วนวิธีปิดตามนี้
Start > "Windows Security" > แถบซ้าย "Virus and threat protection" > "Virus & thread protection settings" > "Manage Settings" > แล้วก็เลือกปิด feature ที่ไม่ต้องการ
ในบรรดาโปรแกรมแนว ๆ นี้
Microsoft Defender อาจจะเป็นตัวเลือกแย่ ๆ ที่แย่น้อยกว่าตัวอื่นนะครับ
https://twitter.com/taviso/status/647409908967604224
https://twitter.com/taviso/status/676799692936581120
https://robert.ocallahan.org/2017/01/disable-your-antivirus-software-except.html
ไม่อยากใช้
พยายามปิดหยุดการใช้งาน แต่ก็หาปุ่มปิดไม่เจอ จนปัญญาเลยปล่อยไว้อย่างนั้น
ประสบการณ์แอนตี้ไวรัสของไมโครซอฟท์คือ ตรวจไม่เคยเจอไวรัส จนเครื่องรวนต้องไปหาโปรแกรมอื่นมากำจัด
MS ทำถูกแล้ว เพื่อคนที่ไม่รู้ไว้รัสป้องกันตนเองได้ ส่วนคนที่ต้องการตัวอื่น ก็หาที่ตนชื่นใจ..
เครื่องที่ใช้ก็ปกติดี อัพเดตทันสมัย ไม่มีใดกวนใจ
สำหรับชาวบ้านทั่วไปถือว่าพอเพียงแล้ว ไม่ต้องไปหาไปซื้อมาลงเพิ่ม
ปิดของ ms แล้วลง malwarebytes
รอหมด License ของ Norton ก็จะกลับมาใช้ตัวฟรีของ MS เหมือนกันครับ ไม่ใช่ Norton ไม่ดีนะ แต่ต้องเข้าสู่โหมดประหยัด ^ ^'
ของฟรีและดีก็มีในโลกนะครับ อันนี้ล่ะใช่เลย ยังสงสัยว่าหลายคนไปดิ้นรนหา Antivirus เถื่อน ๆ มาลงทำไมอีก
จริงๆคือมันไม่ฟรีหรอกครับเพราะมันมากับการจ่ายเงินซื้อ Windows 10 แท้ แต่มันเป็นของดีที่มากับ Win แท้