หลังจากเมื่อวานนี้ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กออกมาแบนบัญชีที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยมุ่งเป้าโจมตีการประท้วงในฮ่องกง วันนี้สื่อรัฐบาลจีนหลายรายอย่าง Global Times, China Daily, และ People's Daily ก็ลงบทความประณามแนวทางนี้โดยพร้อมเพรียงกัน
บทความใน China Daily เป็นบทความแสดงความเห็นระบุว่าในยุคเครือข่ายสังคมออนไลน์ทุกคนต้องได้รับปกป้องให้แสดงความเห็นได้ แม้ความเห็นจะเป็นเสียงส่วนน้อยก็ตาม พร้อมกับระบุว่าทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์นั้นไม่ได้แสดงหลักฐานอะไรว่าบัญชีที่ถูกแบนนั้นเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนแต่เอาแต่โจมตี แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเว็บเป็นเครื่องมือของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มาชี้นำให้เกิดความวุ่นวายในฮ่องกง
บทความไม่พูดถึงแต่อย่างใดว่ารัฐบาลจีนบล็อคทวิตเตอร์ และทวิตเตอร์ระบุว่าบัญชีที่ถูกบล็อคนั้นมีไอพีต้นทางมาจากในจีน
ทางด้านกระทรวงต่างประเทศจีนนั้นระบุว่า "ชาวจีนในต่างประเทศ" มีสิทธิ์จะแสดงความเห็น และบัญชีที่ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กแบนไปนั้นก็เป็นการเปิดโปงความรุนแรงของผู้ประท้วงในฮ่องกง
ที่มา - Strait Times
ภาพเปรียบเทียบผู้ประท้วงฮ่องกงกับกลุ่ม ISIS ของบัญชีหนึ่งที่เฟซบุ๊กแบนไป
Comments
ย้อนแย้งในตัวเองดีจัง
ห้ามคนในประเทศ เข้าถึง FB/Twt แต่บอกว่า คนจีนนอกประเทศควรมีสิทธิ์เข้าถึง งงไหม
ก็ดูเหมาะสมกันดี
ฝ่ายนึงแบนทุกอย่าง แต่ดันโวยว่าคนอื่นแบน
อีกฝ่ายนึงก็ แสดงความเปิดกว้างทุกอย่าง แต่ก็แอบแบนคนต่อต้าน
ก็สมเหตุสมผลดีครับ เหมือนสำนวน "โกงมาโกงกลับไม่ผิด"
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อารมณ์ประมาณ
ความเป็นสุภาพบุรุษของชั้น ใช้กับ สุภาพสตรีเท่านั้น
ไม่รู้เกี่ยวไหม นึกถึง ประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตยก็ต่อเมื่อพรรคเราเป็นรัฐบาล ถ้าคนอื่นเป็นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยทันที
คุณตัดทอนคำพูดมาแค่นี้ก็ไม่ถูก เพราะความจริงแล้วการเลือกตั้งที่คุณอ้างถึงนั้นมีการโกงกันอย่างมโหฬารและหน้าด้านที่สุดในประวัติศาสตร์ การชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลไม่ใช่การฟอกตัวเป็นประชาธิปไตย
“ผมมีความเชื่อ ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการโกงเยอะมาก เเต่ผมไม่มีหลักฐาน ก็ไม่สามารถเอาไปพูด หรือเอาไปทำอะไรได้ชัดเจน”
นี่ไม่ใช่คำพูดของผมนะครับ แต่เป็นของหัวหน้าพรรคบางพรรค ที่บางคนอวยแบบออกหน้าว่า เค้าเกิดมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ
Banception
แสดงว่ามาจากรัฐบาลจีนสินะ แต่แถว่าฉันเป็นชาวจีนในต่างประเทศนะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อ๋ออออ อย่างงี้นี่เอง คือ Twitter ในจีนผมเข้าใจว่าถูกแบนใช่มั้ยครับ คนทั่วไปเข้าถึงไม่ได้
แต่อันนี้ทวิตต่อต้านการชุมนุม มาจากไอพีในจีน ซึ่งคนจีนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะฉะนั้นคนที่ทวิตได้ก็ต้องทะลุการแบนได้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนในรัฐบาล
อย่างนี้รึเปล่าครับ
ถ้าตามข่าวที่คุณ lew แปลมาก็ประมาณนั้นครับ แต่จากข่าวต้นทางผมยังหาว่าเป็น IP จากจีนไม่ได้นะ มีแต่ twitter บอกว่ามีที่มาจากจีน(ซึ่งก็แปลว่า IP จากจีน? รึเปล่า?)
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตามประกาศนี้ครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณมากครับ แบบนี้ก็ชัดแล้วสินะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
นั่งขำท้องแข็ง ตรง unblocked IP address originated from china
เป็นเรื่องที่ตลกมาก
จีนผมเฉยๆก็รู้กันดีละ แต่ทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊กนี่สิ งงกว่าบอกเป็นแพลตฟอร์มเสรีภาพแต่ลบแอคเค้าท์ที่แสดงความเห็นที่สนับสนุนรัฐบาลจีน
มันเป็นเรื่องของการเมือง และผลประโยชน์ อุดมการณ์ไม่สร้างกำไร
แยกเสรีภาพกับเฟคนิวส์และโฆษณาชวนเชื่อโดยรัฐหน่อยจ้า
ผมว่ามันแยกยากมากเลยนะ โดยส่วนตัวเชื่อว่าข้อมูลฝั่งผู้ประท้วงก็มีเฟคนิวส์และโฆษณาชวนเชื่อเหมือนกัน แต่กลับถูกมองว่าเป็นเสรีภาพที่จะคิดและนำเสนอ
ฝ่ายประท้วงก็ใช่เฟคนิวส์เหมือนกันครับ อย่างล่าสุดแต่งตัวปิดผ้าพันแผลแล้วไปสนามบิน ถือป้ายขอโทษนักท่องเที่ยว
ปิดผ้าพันแผลแบบไหนเหรอครับ ถ้าปิดที่ตา ก็ปิดเพราะว่ามีผู้ประท้วงคนหนึ่งโดนยิงกระสุนยางที่ตาจนบอด คนอื่นเลยปิดเพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ แต่ถ้าปิดที่อื่นเพื่อแกล้งเจ็บก็ถือว่าเป็น fake news
ส่วนการถือป้ายขอโทษนักท่องเที่ยวเป็น fake news อย่างไรเหรอครับ
ถือป้ายไม่เฟคนิวส์นี่ครับ ไอ่เรื่องปิดตาขอบคุณที่บอกเห็นเขาแชร์กันว่าจีนทำ แต่ไม่ได่บอกเป็นสัญลักษณ์
fake news ตรงไหนครับ นั่นข่าวจริงของคนที่เล่นละครแสร้างทำเป็นเจ็บ
นี่คือจำแนก fake news ไม่ออกจริงๆ เหรอครับ?
ก็เขียนอธิบายแล้วนี่ พอมีคนตอบผมก็ขอบคุณ
คนเราจะพลาดไม่ได้เหรอ
พลาดได้ครับ แต่ผมงงว่าแยก fake news ไม่ออกจริงๆ เหรอ ว่าอะไรคือ fake news อะไรไม่ใช่ fake news
ถ้ามีข่าวผมโกหกว่าเจ็บขาเพื่อประท้วงรัฐบาล แบบนี้มันก็ไม่ใช่ fake news ป่ะครับ
ก็เขียนอธิบายแล้วนี่ พอมีคนตอบผมก็ขอบคุณ
คนเราจะพลาดไม่ได้เหรอ
เน้นคำว่า "โดยรัฐ"
ทำไมต้องโดยรัฐหรือครับ
คือมันเริ่มต้นจาก twitter ลบ account ที่ post ต่อต้านการประท้วง
จีนออกมาโวยว่า เห้ย คนจีนในต่างประเทศเค้าไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นหรือไง (ที่บอกจีนในต่างประเทศเพราะว่า คนจีนไม่สามารถเข้า twitter หรือ facebook ได้ครับ)
ตอนหลัง Twitter แจ้งว่าบัญชีที่ถูกลบ มาจากในจีนตรงๆ แบบไม่โดนบล็อก
แล้วคนจีนที่สามารถเข้า Facebook หรือ Twitter ตรงๆ โดยไม่ติดบล็อกมีใครบ้าง
ขอบคุณครับ
timeline ผิดครับ ทวิตเตอร์บอกแต่แรกที่ประกาศการแบนว่าไอพีมาจากจีน
จังหวะมันไม่ได้ sit-com ขนาดนั้น
lewcpe.com, @wasonliw
ฮาจังหวะ sit-com
สนับสนุนเฉยๆ เขาก็ไม่ block หรอกครับ แต่เล่นเนียนทำ fake news เอาภาพ ISIS มาปลอมว่าเป็นผู้ประท้วงในฮ่องกง อันนี้มันต้องแบนอยู่แล้ว
ข่าวต่อไป : จีนสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ยันไม่เคยปิดกั้นความเห็นที่แตกต่าง
โอ๊ย ฮา
จำได้ ซินหัวเคยลงข่าวที่ ทรัมป์ block twitter คนที่ด่าแก แล้วคนก็มารุมด่าทรัมป์ในเพจซินหัว ว่าผู้นำเมกาไม่เห็นมีเสรีภาพอย่างที่พูดเลย....
สงสัยลืมเรื่องหมีพูห์...
เผื่อใครยังไม่เคยเห็นภาพ (1), (2)
ถ้าว่า"ผู้นำเมกาไม่เห็นมีเสรีภาพอย่างที่พูดเลย"ก็น่าจะถูกแล้วนะครับ
เพราะคนที่ชอบอ้างว่าตัวเองสุดแสนจะเสรีคืออเมริกา และคนที่ชอบไปชี้หน้าคนอื่นว่าไม่เสรีก็คืออเมริกาอีกนั่นแหละ
หรือจะบอกว่าเพราะจีนไม่เสรี ถึงไม่สิทธิ์ไปว่าอเมริกาที่มาว่าตัวเองว่าไม่เสรี?
เขาก็มีการฟัองศาลว่า การกระทำของทรัปม์ขัดหลักเสรีภาพไงครับ คือมันมีระบบคานอำนาจอยู่แล้ว ใครใช้อำนาจเกินเลยก็โดนตรวจสอบได้
ถ้าเป็นจีนฟ้องสีได้ไหม?
แตกต่างกันสุดๆตรงนี้แหละ
อ้างอิง https://www.blognone.com/node/93843
ป.ล. ผมอาจจะพูดไม่ครบถ้วนไปตอนแรก กลุ่มโปรจีนที่ด่าทรัมป์ในเพจซินหัว เขาด่า ประเทศเมกาด้วยครับเสียดสีเรื่องเสรีภาพนี่แหละ ไม่ใช่ด่าแค่ทรัมป์
เรื่องต่างนี่ต่างกันมากอยู่แล้วครับ คือต่อให้อเมริกาจะลดเสรีลงครึ่งนึงก็คงมากกว่าจีนอยู่ดีนั่นละ
ประเด็นคือคนที่เชิดชูเรื่องสิทธิเสรีภาพของตัวเอง พยายามทำตัวเป็นตัวแทนของความเสรี ก็มีราคาและความยากลำบากที่ต้องจ่ายในการรักษาภาพนั้นครับ
การย่อหย่อนลงในสิ่งที่ตัวเองเชิดชู พยายามจะเป็นตัวแทน (และบางทีก็ใช้เหยียดคนอื่น) มันก็กลายเป็นจุดตำหนิที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
เพราะทรัมป์เองก็เป็นผลผลิตของแนวคิดคนอเมริกันส่วนใหญ่ในยุคนี้ เป็นตัวแทนของประเทศที่โดนเลือกมาโดยประชาชนนี่ครับ
ที่พูดนี่คือในแง่ที่วิจารณ์โดยอยู่ในกรอบของสิ่งที่เกิดนะครับ แต่ผมก็พอเดาได้แหละว่าในซินหัวคงถล่มกันยังกะอเมริกากลายเป็นประเทศเผด็จการในคราบประชาธิปไตยเหมือนประเทศแถวนี้แหงๆ (ฮา)
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ได้ถกกันเรื่องใครเสรีกว่าหรือระบบใครดีกว่านะ เพราะเราก็คงเห็นตรงกันว่าอเมริกายังคงดีกว่า(มาก)นั่นแหละ
ก็เป็นเรื่องตัวบุคคลนี่ครับ ตัวระบบก็มีการคานอำนาจกันอยู่แล้ว
เพราะคนเรามันเปลี่ยนไปมาได้ครับ แต่ถ้ายึดมั่นในหลักการ ต่อให้คนเพี้ยนไปบ้าง มันก็ดึงกลับมาในหลักการที่ถูกต้องได้
ส่วนเรื่องเหยียดไหม ก็คงต้องตีกรอบการวิจารณ์การล้อเลียน parody กัน อย่างทรัมป์นี่น่าจะโดนล้อหนักกว่าสีเยอะ
แต่ก็เห็นด้วย ว่ายิ่งเชิดชูเสรีภาพ ก็มักโดนทดสอบความเสรีภาพของตัวเองเสมอ และน่าเศร้าที่คนเชิดชู มักจะโดนเรียกร้องให้"ใจกว้าง" มากกว่าคนที่ริดรอนคนอื่น
ใช่ครับ ประเด็นคือการยึดมั่นในหลักการ นั่นคือราคาที่ต้องจ่ายของผู้ที่พยายามทำตัวเองเป็นตัวแทนของหลักการ
ถ้าหลักการของคุณคือเสรีภาพ คุณก็ต้องยึดมั่นในเสรีภาพ ไม่ควรโอดครวญว่าทำไมคนอื่นไม่เห็นต้องแบกภาระแบบเดียวกันเลย
เพราะไม่มีใครไปบังคับให้คุณเลือก ถ้ากระทั่งน้ำหนักของหลักการที่ตัวเองเลือกเองยังรับไม่ไหวก็ปล่อยมันซะดีกว่า
สิ่งที่คุณเรียกว่าใจกว้าง ผมเรียกว่าความรับผิดชอบครับ
มันเหมือนโดนเอาเปรียบไงครับ
การยึดมั่นในหลักการ โดนคนที่ไม่สนใจหลักการละเมิด พอจะโวยกลับก็หาว่า อ้าวคุณไม่ยึดมั่นในหลักการแล้วหรือ? ในขณะที่คนละเมิดไม่ได้สนใจหลักการ ไม่โดนลงโทษใดๆ แถมเป็นคนละเมิดคนอื่นด้วยซ้ำ ดันหน้าด้านเรียกร้องให้คนอื่นเคารพหลักการ มันก็ย้อนแย้งในตัวเอง
แต่นั่นแหละมันก็แค่ความคิดความรู้สึก สุดท้ายตัวระบบโครงสร้างที่แข็งแรงจะคงทนอยู่ได้ ไม่ใช่จากตัวบุคคล
Facebook ทำตัวแบบนี้ก็อย่าหวังว่าจะเข้าจีนได้