การแย่งชิงเกมระหว่าง Steam กับ Epic Games Store ยังเป็นประเด็นอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของฝั่ง Epic Games ในสายตานักพัฒนาเกมคงหนีไม่พ้นการหักส่วนแบ่งรายได้ที่น้อยกว่ามาก (Steam หัก 30%, Epic หัก 12%)
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Ubisoft (ที่มีร้านขายเกมของตัวเองคือ Uplay) ออกมาผสมโรงเรื่องนี้ โดย Chris Early ให้สัมภาษณ์ว่าอัตราหักส่วนแบ่ง 30% ของ Steam นั้นแพงเกินไป เป็นโมเดลธุรกิจที่ทำไม่ได้แล้วในยุคนี้
Ubisoft เพิ่งประกาศย้ายเกม The Division 2 จาก Steam ไปขายบน Epic Games Store เมื่อต้นปีนี้ ส่วนเกมใหม่ล่าสุดคือ Watch Dogs Legion ก็เลือกขายเฉพาะบน Uplay กับ Epic เช่นกัน
ที่มา - IGN
ภาพจาก @Ubisoft
Comments
Steam นี่ยังมีทางเลือกนะ Apple นี่สิ
ผมมอง Apple เป็นเหมือนตลาดนัดครับ เค้าลงทุนสร้างคอมมูขึ้นมาคุณอยากไปขายในคอมมูเค้าก็ต้องยอมรับเงื่อนไข แน่นอนว่าเค้าก็ไม่ได้บังคับคุณไปขายนี่?
ก็ใช่ครับ แต่ก็เป็นเรื่องปกตินะที่ไม่ว่ายอมรับหรือไม่ยอมรับเราก็เรียกร้องได้บ้าง เค้ารับไปดำเนินการหรือเปล่านี่ก็อีกเรื่องเพราะมันก็มีข้อดีข้อเสียกันไปหมด
ผมมองว่ามันครองตลาด เหมือน cp ไปแล้วอ่ะ
คือเกมผมก็อยู่ในสตรีม ร้อยกว่าเกม ไม่อยากย้าย 555 .
ใช่ครับ
ผมว่ามันย้ายไม่ยากนะ ลงเพิ่มอีกซักโปรแกรมคงไม่เป็นไรหรอก
เอามาพัฒนาอะไรไม่ว่า แต่ไม่ได้ทำอะไรมากแค่ให้วางขายเก็บตั้ง 30% ผมว่าเยอะไป 20% ก็พอ เปนเสือนอนกินมาตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนไม่มีทางเลือกแต่พอมีที่ใหม่ให้ลงไม่แปลกใจที่คนจะแห่กันไปขาย
ผมว่านะถ้า epic มีฟีเจอร์เท่าสตีมก็เก็บ 12% ไม่ได้เหมือนกัน อย่าลืมสตีมไม่ได้มีแค่หน้าร้านขายเกม มีบอร์ดสนทนา, workshop, livesteam, comunity market, remote play, แล้วก็ซัพพอทให้เกมเล่นบน Linux ได้
ที่แห่ไปลงนี่ไม่ใช่เรื่อง 12% หรอกเพราะมันมีตั้งหลายร้านที่ให้ส่วนแบ่งเยอะกว่าสตีม แต่เป็นการให้เงินการันตียอดขายมากกว่า แล้วเกมที่ไม่ได้เป็นกระแสมากๆถ้าไม่รับข้อเสนอเป็น Ex ก็อย่าคิดว่าเอาไปขายได้ง่ายๆมี DARQ เป็นตัวอย่างแล้ว
+1 ที่ว่าคนไปลง epic ไม่ได้เพราะจะเอา 12% หรอก เพราะร้านอื่นที่เก็บน้อยกว่า หรือไม่เก็บเลยก็มี
แต่จริงๆ คือเรื่องการันตียอดขายนั่นแหละ
ค้าปลีกมันก็ต้องมีมาจินอยู่แล้ว ถ้า epic กับ ubi ทำ 12% แล้วไปรอด เดี๋ยวสตรีมก็ต้องลดมาจินลงมา
จริงตลาดมันแปรตามดีมานซัพพลายอยู่แล้ว ถ้าเจ้าอื่นดีแล้วถูกกว่าคนก็คงไม่ทนอยู่กับของแพง แน่นอนว่า ถ้า Epic กับ Ubi เก็บ 12% แล้ว Developer ยังขาย เท่ากับ Steam ก็คงล้ม Steam ยาก
คือ ... มันมีเรื่องอื่นด้วยนะครับ อย่าง user review ที่ epic บอกว่าจะมี (ยังไม่มี) โดยทำเป็น optional ซึ่งเอาใจ developer เพราะถ้าเกมส์ไม่ดี ก็ยังขายให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องใด้ แต่ Steam กำหนดให้ทุกเกมส์มี
หรืออย่าง pre-download ซึ่ง steam ทำออกมานานแล้ว epic บอกว่าทำแล้วเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังไช้ไม่ใด้
ว่าง่ายๆคือ
epic ฟิเจอร์ไม่ดี เอาใจ developer มากกว่า user
ส่วน steam ฟิเจอร์ดี เอาใจ user มากกว่า developer
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เรื่องนี้พูดยาก เพราะก่อนจะมี Epic มันก็มีร้านค้าอื่นๆที่ให้ส่วนแบ่งดีกว่า Steam และยังดีกว่า Epic ตอนนี้ซะอีก แต่ก็ไม่เห็นมีใครออกปากชื่นชมหรือวิจารณ์ออกนอกหน้าจนกระทั่ง Epic เอาเงินฟาดหัวนั่นแหละ
ผมมองว่าจุดเด่นของ Epic ที่ทำให้นักพัฒนาเกมสนใจไม่ใช่ส่วนแบ่งหรอกครับ แต่เป็นเรื่องการการันตียอดขายจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อให้เป็น Exclusive ต่างหาก
ใช่สิเจอ Epic เอาเงินฟาดก็พูดได้ 12% ดีกว่า 30%
พูดได้ไม่มอง user
ตัวเองเป็น Dev เป็น Publisher นินา
user เขาไม่สนเรื่องส่วนแบ่งพวกนี้หรอก
ลองไปเจอ DLsite ดิ หน้าเลือดกว่าเยอะ
ส่วนต่าง % คิดง่าย ๆ ก็เป็น feature ไปแล้วกัน อะไรที่ steam มี store อื่นไม่มีบ้าง ?
ที่เหลือก็ให้คนเล่นตัดสินว่าจะซื้อเกมบน store ไหน ไม่เห็นจะยาก
แต่นี่เล่น exclusive ฟาดเงินกันแบบนี้ ไม่ไหวนะ ไม่ชอบมาก นี่ก็มาผสมโรงกับเขาอีก เจริญ
เอาจริง ๆ feature น้อยกว่าคนเล่นก็สมควรจ่ายเงินค่าเกมน้อยกว่าด้วยรึเปล่าเวลาซื้อเกมจาก store อื่น ?
ข้อตกลงลับว่าลง Epic แล้วต้องกลับมาแขวะ Steam
จริง
เห็นชัดสุดก็ Ooblet เลย
บางค่ายได้ตังไปแล้ว นอกจากจะแขวะ Steam แล้วยังแขวะผู้เล่นด้วย แถม Epic ก็ดันเห็นดีเห็นงามอีก
ถ้าเราเป็นคนพัฒนาลงทุนเองทุกอย่าง เหนื่อยเองรับความเสี่ยงเองทุกอย่าง พอเสร็จกะเอากำไร ซัก30% แต่แค่เอาไปวางขายโดนหักไปเลย 30% ต้องบวกราคาเพิ่มไปอีกเพื่อให้ตัวได้ส่วนแบ่ง
เหมือนทำงานให้คนอื่นรวยเหมือนกันแฮะ
มันก็ต้องเกื้อกูลกันครับ เค้าก็ทำงานเพื่อให้ได้เงิน เราก็ทำงานเพื่อให้เราและเค้าได้เงิน ลูกค้าของเราก็ทำงานเพื่อเอาเงินมาเปย์ให้เราและเค้าได้เงินอีกทอดเหมือนกัน เงินมันถึงจะหมุนในระบบ
การทำธุรกิจเกมไม่ใช่แค่สร้างเกมออกมาแล้วจบนะครับ มันมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายอย่างที่ต้องลงทุนและพัฒนาด้วย เช่น การโปรโมทและประชาสัมพันธ์ ระบบจ่ายเงิน เซิฟเวอร์สำหรับดาวน์โหลดเกม การซัพพอร์ตเกมอย่างพวกการอัพเดทหรือการซื้อส่วนเสริม การซัพพอร์ตผู้เล่นอย่างพวกเว็บบอร์ดหรือการไลฟ์เกม ฯลฯ
ซึ่งถ้าลงทุน "ทุกอย่าง" เองจริงๆ มันก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องมาลง Steam ครับ แต่ราคามันก็จะกระโดดขึ้นไปกว่าที่เห็นอีกระดับนึงเลย ค่ายเกมส่วนมากจึงเน้นลงทุนพัฒนาแค่ตัวเกมเป็นหลัก และด้านอื่นๆหันไปใช้สิ่งที่ Steam ลงทุนพัฒนาและแบกรับความเสี่ยงให้แทน
ต้องเลือกระหว่างขายเองได้ 100 copies แล้วได้กำไรเต็มๆ
หรือขายได้ 10,000 copies แต่กำไรเหลือ 5% ครับ
สำหรับเจ้าเล็กๆ อ่ะนะ
ตั้งขายเองสิครับ ได้เต็มๆ จะได้รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่ค่าพัฒนา มันมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกอย่างที่คุณ iqsk131 เม้นไว้
เจ้าเล็กๆ นี่ทำเองแพงกว่านี้แน่นอน แต่เจ้าใหญ่ๆ ทำเองคงถูกกว่าเลยเลือกทำ store เองกัน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เอาแค่เราทำเองขายเองนี่ ต้องทำระบบจ่ายเงิน และต้องรองรับค่าธรรมเนียมการจ่ายเงิน (steam ออกให้) ต้องมี support ด้วย ต้องทำระบบ refund? มี regional price แค่นี่ก็ปวดหัวแล้ว สำหรับ indie developer ดีไม่มีเสียเยอะกว่า 30% อีก
ถ้าเป็นค่ายใหญ่ 30% ไม่ใช่ปัญหาเลย แต่อย่างที่เห็น เมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า เลยหันไป Epic Store กับทำ Store ของตัวเอง ได้กำไรเพิ่มอีกเยอะ
ส่วนค่ายเล็กทำแบบนั้นลำบากครับ ราคาขายส่วนใหญ่จากผู้พัฒนาเล็ก จึงมักจะแพงและต้องไปลงกับโครงการของ Store อย่าง Steam Direct ที่มาช่วยให้ขายออกได้บาง หากลงขายเอง ต้องลงทุนเรื่องการกระจายสินค้า ช่องทางการขาย และช่องทางการโปรโมทอีก แพงนะครับ
อีกอย่าง ถ้าเกมมีปัญหา เกิดบัก ก็ต้องตามแก้กันอีก ไม่ใช่แค่เกมออกก็จบนะ ต้องคอยสนับสนุนและแก้ปัญหากับลูกค้ากรณีเกิดปัญหาด้วย ยังไม่รวมออก DLC หรือส่วนเสริมให้เกมยังขายได้อีกนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ต้องเป็นเจ้าของตลาดแบบผูกขาดและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีด้วยแบบ Appple Google แหละ ถึงจะหักคอแม่ค้าเอา 30% ได้
เกมส์ถูกบอกด้วย
เขาก้ไม่ได้บังคับให้มาขายในสตีมนิ จะขายที่ไหนก็ขาย แล้วคนเล่นเขาสะดวกที่ไหนเขาก็จะตามไปซื้อเอง ส่วนตัวผมคงซื้อใน Uplay คงไม่ซื้อใน Epic ไม่ว่าเกมอะไรก็ตามจะไม่ซื้อใน Epic
The Dream hacker..
ผมมองว่ามันเทียบกันยาก ถ้าจะเอา Steam ไป VS Apple&Google ล่ะนะ
Apple นี่เรียกกันตรงๆว่า เค้าต้องพัฒนาทุกสิ่งอย่างตามมาเพื่อให้เกมมันรันได้ (เกมรันบนแพลตฟอร์มนี้ได้คือต้องมี API สนับสนุนมัน มี OS สนับสนุนมัน มี HW สนับสนุนมัน)
Google ก็คล้ายๆคือกับ Apple แต่ว่า Android มี fragmentation สูงกว่ามาก และยอมให้เกิดตลาดใหม่ได้ แต่เกมก็ยังต้องพึ่งพาหลายๆอย่างที่ Google สร้างมาให้อยู่ เพื่อที่จะรันได้
มาร์เก็ตของทั้งสองเจ้านี้จึงอาจจะฟังดูมีน้ำหนักที่จะกินส่วนแบ่งสูง เพราะบริบทของ AAPL/GOOG มันมากกว่าแค่เป็น พ่อค้าคนกลาง/เจ้าของตลาด แต่มันคือพัฒนาทุกอย่างที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับการทำให้ของชิ้นนั้นเกิดขึ้นมาได้
...........
แต่ถ้ามามองฝั่งสตีม เอาจริงๆ สตีมมีให้คือ Steam Guard (ซึ่งไม่ได้การ์ดอะไร) ...มีคอมมูและเรตติ้ง ... ถ้ามองในแง่ของระบบแบบนี้ จริงๆมันก็เผื่อประโยชน์ user .. ซึ่งโดยนัยยะแล้วก็คือต้องมาเก็บ Subscription กับลูกค้าที่อยากได้บริการแนวนี้ซะมากกว่า แต่ลูกค้าย่อมไม่ชอบ ดังนั้นเค้าเลยไปเก็บ Subscription นี้กับผู้ผลิตเกมแทน ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่เค้ามองว่าจะไม่อยากจ่ายแพงขนาดนั้น
ซึ่งถ้าคิดในมุมมนี้ Steam เก็บค่าพ่อค้าคนกลางและตลาด(เกือบผูกขาด) สูงมากจริงๆนะ
1500 เก็บ Operation cost 30% = 450 บาท
1500 เก็บ Operation cost 12% = 180 บาท
ก็น่าคิดอยู่ว่า ตัวเลขนี้สูงไป หรือเหมาะสม ซึ่งผมว่าเกม AAA ก็คงคิดแหล่ะ
ปล.ตัวแปรที่ทำให้มันมีนัยยะจริงๆ ผมมองว่าคือ Storage Cost/Bandwidth Cost มากกว่า ยุคก่อนหน้านี้ ค่าพื้นที่และแบนด์วิดธ์มันสูงมาก จน 30% อาจจะจำเป็น (คิดเสียว่าเช่าที่ระดับ 80GB คนโหลดเท่าจำนวนคนซื้อ) และต้องเช่าแบบเช่าไปเรื่อยๆ ตลอดชีพ .... แต่พอมายุคนี้ AWS S3 และอื่นๆ มันถูกมากระดับที่ว่า ไม่ต้องจ่ายแพงแบบเดิมแล้วก็พอทำเองไหว
ปล.2. เชื่อว่าสุดท้ายสตีมจะลดลงมาแถว 18-22%
เวลาที่สมาชิกเค้าพูดยกตัวอย่างกัน เค้าเทียบในภาพรวมว่าเป็นเจ้าตลาดเหมือนกัน ไม่ได้เอามาทำเป็นตารางเปรียบเทียบแบบนี้ครับ
Ubisoft ได้ประโยชน์เต็มๆ จากการย้ายไป Epic นอกจากได้เงินค่า exclusive แล้วยังดันคนที่ไม่ชอบให้ไปหา uplay ที่ได้เองเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยเพราะงั้นยังไงดีลนี้ก็ต้องชมไว้ก่อนแหละ