สหรัฐได้เริ่มขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในหมวดสินค้าต่าง ๆ แล้ว เพิ่มขึ้น 15% โดยมีผลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา มูลค่าสินค้าที่ได้รับผลกระทบอยู่ที่ 112,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนเองก็ได้ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกันมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์
สินค้านำเข้าจากจีนที่ได้รับผลกระทบนั้นนอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ยังมีรายการสินค้าด้านเทคโนโลยี อาทิ สมาร์ทวอทช์, ลำโพงอัจฉริยะ ไปจนถึงหูฟัง ทำให้สินค้าแอปเปิลหลายรายการอย่าง Apple Watch, HomePod และ AirPods ที่ขายในสหรัฐได้รับผลกระทบ ส่วนรายการสินค้าที่จะขึ้นภาษีนำเข้ารอบถัดไปในวันที่ 15 ธันวาคม จะมีแล็ปท็อปและสมาร์ทโฟน รวมอยู่ด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่ Brand Inside
Comments
อย่างนี้จะมีผลกับราคาที่ขายในไทยมากน้อยแค่ไหนครับ?
ไม่น่าจะโดน เพราะมีผลเฉพาะสินค้าที่นำเข้ามาขายในสหรัฐฯ นะ แต่แอปเปิลอาจขึ้นราคาสินค้าทั่วโลกก็เป็นได้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มันควรจะกลับกันนะครับ Apple น่าจะเลือกลดราคาสินค้าที่ขายใน usa เพื่อให้ราคารวมภาษีไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก (แพงขึ้นไม่มาก)
คิดว่า apple จะลดกำไรตัวเองโดยลดราคาสินค้าโซนอื่นเหรอ ... ผมว่า apple น่าจะคาดเดาเรื่องพวกนี้ แล้วขึ้นราคามือถือที้งเอาไว้ตั้งแต่ iphone x
สิ่งที่น่าจะเกิดคือ apple อาจจะไม่ปรับราคาแล้วยอมจ่ายส่วนต่าง 15% เองไปอีกสักพัก เพราะ usa เป็นพื้นที่ๆ apple ขายมือถือใด้ดี และตัวเองก็ปรับรูปแบบการหากำไร จาก hardware มาเป็น services มาพักหนึ่งแล้ว ถ้าเลือกตั้ง usa 2020 ทรัมป์ยังอยู่ แล้วนโยบายไม่เปลี่ยน ตอนนั้นก็ค่อยขึ้นราคา ถ้าทรัมป์หลุดแล้วนโยบายเปลี่ยนก็อาจจะใดเห็น iphone มีราคาถูกลง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้าขึ้นอีกผมคงไม่ใช้กลุ่มบูกค้าของเค้าแล้ว
เวียดนามน่าจะเป็นรายต่อไป
I need healing.
ถ้านางโดนนี่กระอักเลยนะครับ อย่าเลย
ยากค่ะ เราตามข่าวตลอด เวียดนามสัมพันธ์กับสหรัฐลึกซึ่งแนบแน่นแบบคาดไม่ถึงเลยค่ะ ล่าสุดบ.เวียดนามบอกจะไม่ใช้ 5G ของจีนด้วยค่ะ เวลามีเวทีการเมืองใดๆใน SEA เวียดนามคือประเทศที่สหรัฐไว้ใจที่สุด
คิดแบบไม่มีความรู้ คนอเมริกาจะบินออกไปซื้อจาก ตปท แทน หรือธุรกิจรับหิ้วเกิด เงินไหลออกหนักกว่าเดิมอีก
ไม่น่านะครับ รายได้เฉลี่ยต่อปีของเขาค่อนข้างสูง พวกอุปกรณ์ไอทีพวกนี้ราคาถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพอื่นๆ แล้วอีกอย่างนึงกฎหมายของสหรัฐค่อนข้างแรง ไม่มีใครอยากเสี่ยงเท่าไหร่หรอกครับ
คิดแบบไม่มีความรู้ iPhone ที่ขายในเมกาได้เยอะๆ นี่น่าจะผ่านโครงการส่งเสริมการขายของ operator นะครับ
แบบนี้จะดีกับสหรัฐยังไง จะให้ บริษัทพวกนี้ย้ายมาผลิตในประเทศเหรอ แบบนั้นก็แข่งขันยากขึ้นหน่ะสิ ทำไมไม่ขึ้นภาษีสินค้าจีนอย่างเดียว สินค้าพวกกันเองไม่ขึ้นหล่ะ ไหนๆก็จะเล่นกันขนาดนี้แล้ว
เอาง่ายๆ ผมว่ามือถือส่วนใหญ่ผลิตในจีนแล้วส่งกลับไปขายอเมริกา. เมื่อกำแพงภาษีมันสูงมากๆ ก็จูงใจให้เกิดการลงทุนสร้างโรงงานประกอบในสหรัฐนะครับ พอโรงงานมา ก็เกิดการจ้างงานในประเทศ เศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนไปได้ ถึงแม้ค่าแรงสูงก็จริง แต่แลกกับไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าโหดๆ สุดท้ายคนอเมริกันใช้ iPhone, Samsung แพงขึ้นแน่นอน แต่แก้ปัญหาคนตกงาน คนไม่มีงานทำได้
เรื่องนี้ดีเบตกันแล้ว ไม่เป็นความจริงนะครับ ... ที่เค้าตั้งโรงงานในจีน เพราะรวมทุกอย่างแล้วต้นทุนถูกที่สุด
ใน usa ค่าแรงขั้นต่ำทางโน้น "ชั้วโมงละ" $7.25 (และมีกตหมายขึ้นค่าแรง โดยจะค่อยๆขึ้นไปจนถึง ชั้วโมงละ $15 ในปี 2025 รอเอาไว้แล้ว) ดังนั้นไม่น่าจะมีการตั้งโรงงานใหม่ใน usa แน่ๆ
และเพื่อลดความเสี่ยง เค้ากระจายฐานการผลิต ทั้วเอเชีย เพราะสหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั้วเอเชียก็ไม่น่าจะใด้ ผลคือ มีบางเจ้าย้ายจากจีนเข้ามาทำในไทยบ้าง แต่ตอนจะสร้างโรงงาน พี่ไทยก็ดันจะขึ้นค่าแรงเสียอย่างนั้น
สายการผลิต ที่ย้ายออกมานอกจีน ก็น่าจะเฉพาะสินค้าที่จะขายใน usa สินค้าทำในจีนต้นทุนยังถูกกว่า สินค้าที่ขายไปประเทศอื่น ถ้าทำในปริมาณเยอะๆ ก็น่าจะทำในจีนต่อไป
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เพราะเขาไม่ได้ต้องการกีดกันสินค้าจากจีนครับ สิ่งที่สหรัฐต้องการคือ ต้องการทำลายเศรษฐกิจจีน เพื่อให้มีการเปิดโต๊ะเจรจา แล้วสหรัฐเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะถ้ามองไปถึงการเปิดโรงงานในสหรัฐ คงไม่ใช้มาตรการนี้ เนื่องจากไม่มีอะไรการันตีว่าโรงงานจะไม่ไปเปิดประเทศอื่นๆ เช่นเวียดนามหรือไทย
ซึ่งสหรัฐมองว่าจีนพึ่งพาสหรัฐมากอยู่ จากการที่สหรัฐขาดดุลการค้าจีนสูงมากๆ เลยเลือกใช้วิธีการนี้
ไม่ได้ต้องการให้ย้ายฐานการผลิตมาที่ usa แต่ต้องการให้สินค้าทั้งหมดที่ทำที่จีนต้องย้ายฐานการผลิตไปที่อื่นทั้งหมด ถ้าต้องการขายใน usa ต่อไป ทำให้ต้องกระจายโรงงานออกไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นมิตรกับ usa ใช่หรือไม่
แต่เท่าที่ทราบ จีนก็เข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆมากมาย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสินค้าที่ย้ายฐานการผลิตมาแล้วจะไม่ใช่ทุนจีน ทำในประเทศอื่น แต่ก็ยังเป็นเงินจีนอยู่ดี แบบนี้ไม่เท่ากับเต้นอยู่ในมือจีนหรือ?
เค้าแค่ต้องการให้เศรษฐกิจจีนระส่ำเฉยๆครับ เพื่อบีบให้จีนต้องมาเจรจา
ซึ่งถามว่าจีนระส่ำไหม ก็ระส่ำแหละครับ ถึงได้ตอบโต้ด้วยการปล่อยค่าเงินหยวนให้อ่อนลง สุดท้ายก็อยู่ที่เศรษฐกิจใครจะพังก่อน จนต้องขอเจรจาก่อนกัน
สำหรับผม อยากให้ทั้งคู่พัง แพ้หมด ชาติอื่นจะได้เป็นอิสระจากจีนและสหรัฐฯ ในเรื่องการค้าเสียที
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว