ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 หนึ่งในผู้สมัคร Elizabeth Warren มีนโยบายอย่างแรงกล้าที่จะลดอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ข้อมูลปลอมแพร่สะพัดในเฟซบุ๊กช่วงเลือกตั้งปี 2016 ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจโหวตเลือกตั้งประธานาธิบดี
ด้านเฟซบุ๊ก ก็ต้องชดใช้ความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดน FTC ปรับ 5,000 ล้านดอลลาร์ และยังถูกสอบสวนว่า ทางบริษัทได้ชี้นำนักลงทุนอย่างผิดๆ เรื่องการเก็บรักษาข้อมูลหรือไม่
ล่าสุด มีคลิปเสียงความยาว 2 ชั่วโมงของเฟซบุ๊ก เป็นคลิปเสียงพูดคุยกันภายในระหว่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กและพนักงาน พูดถึงประเด็นความกังวลต่างๆ ที่บริษัทต้องเจอ ทั้งรัฐบาลต่างๆ คู่แข่ง เสียงวิจารณ์ และหนึ่งในนั้นคือ Elizabeth Warren
มาร์ก บอกว่า ถ้า Warren ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาพนันได้เลยว่าเราจะเจอปัญหาทางกฎหมาย แต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับบริษัทอยู่ดี (มาร์กใช้คำว่า suck) แต่บริษัทก็พร้อมจะสู้
มาร์กยังบอกด้วยว่า การแยกบริษัทเทคโนโลยีแตกให้เป็นบริษัทเล็กๆ นั้นไม่ช่วยแก้ปัญหา และไม่ได้ทำให้การแทรกแซงการเลือกตั้งน้อยลงไปเลย มีแต่จะมากขึ้น เพราะบริษัทจะประสานงานทำงานกันยากลำบากขึ้นอีก ทวิตเตอร์ก็เจอปัญหาเดียวกัน แต่ก็ยังทำได้ไม่ดี ในขณะที่เฟซบุ๊กลงทุนด้านความปลอดภัยเยอะกว่ามาก
ภาพจาก Getty Images
คลิปเสียงมีขนาดยาว และแตะประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น Libra ซึ่ง Blognone จะมานำเสนอต่อไป
ที่มา - The Verge
Comments
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นี่ถ้าไปแนว รวยแล้วตั้งกองทุนการกุศล(หักภาษี)ทำนู่นนี่ ก็สบายไปแล้ว ดันไปแตะการเมือง เจอนักการเมือง รับน้อง ยาวเลย
อาจจะแก้โดยเข้าไปสร้างอิทธิพลในการเมืองแล้วล็อบบี้แทน หรือทำลายการเมืองเพื่อตัวเองและผลประโยชน์มหาศาล
เพราะการเมืองแบบในปัจจุบันนี้ ตามเทคโนโลยีและความคิดคนรุ่นใหม่แล้ว ล้าหลังโดยสิ้นเชิง
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
นั่นหนะสิครับ
Free React Native template ครับ
เค้าใหญ่โตมาจากธุรกิจที่รวบรวมผู้คน หนทางที่เค้าจะเดินต่อไปก็ต้องทางนี้ถูกแล้วและผมว่าลึกๆ แล้วเค้าเองก็ชอบด้วยนะไม่ใช่ไม่ชอบ
แม้ facebook จะมีอิทธิพลมหาศาล จนเรียกได้ว่ามากเกินไปแล้ว แต่การแบ่งแยกบริษัทไม่น่าจะใช่วิธีการแก้ปัญหา เพราะลักษณะการผูกขาดมันแตกต่างจากสมัย Standard Oil
ถ้าแบ่งแยกบริษัทแล้ว ผมว่าปัญหามันจะยิ่งเลวร้ายลงด้วยซ้ำ