การที่ใครสักคนจะจัดงานเซอร์ไพรส์กันในวันเกิด คงไม่ได้แปลกอะไรในยุคนี้ แต่กรณีของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เรียกได้ว่าเล่นใหญ่จริงจังจนต้องพูดถึง โดยเขาโพสต์ลง Instagram ถึงเซอร์ไพรส์ในงานวันเกิดภรรยา Priscilla Chan ที่อายุครบ 40 ปี ด้วยการปรากฎตัวในชุดจัมป์สูทสีฟ้า กระโดดขึ้นเปียโน แล้วร้องเพลงบนเวที ในโพสต์นั้นเขาแท็กศิลปิน Benson Boone พร้อมกับเพลงใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาคือ Sorry I'm Here For Someone Else
The Verge รายงานว่า Meta ไล่พนักงานประมาณ 20 คนออกจากบริษัท หลังปล่อยข้อมูลภายในของบริษัทออกสู่สาธารณะ เช่น เปลี่ยนนโยบายการควบคุมเนื้อหา ยกเลิก DEI และปลดพนักงานที่ Performance ต่ำสุด ซึ่งเป็นความลับของบริษัท
Meta พยายามค้นหาว่าใครเป็นคนทำข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากข้อมูลบางส่วนมีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ Meta คาดว่าจะจับพนักงานที่ปล่อยข้อมูลได้เพิ่มขึ้น และจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะนโยบายของบริษัทคือ ห้ามปล่อยข้อมูลภายในของบริษัท ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม
CNBC อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า Meta มีแผนออกแอปตัวใหม่สำหรับใช้งาน Meta AI โดยเฉพาะ คาดว่าแอปนี้จะออกมาภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์บริษัทที่ต้องการขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ภายในปีนี้
Meta ออกบริการ Meta AI ที่เป็นแชทบอตมาตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งมีความสามารถตามแชทบอต AI ที่คุ้นเคยกันทั้งสนทนาโต้ตอบให้ข้อมูล สร้างรูปภาพตามกำหนด จากนั้นได้เพิ่ม Meta AI เข้ามาในบริการโซเชียลทั้ง Facebook Messenger, Instagram และ WhatsApp ซึ่งทำให้ Meta AI เข้าถึงผู้ใช้งานที่มีอยู่เป็นพันล้านคนทันที
ตั้งแต่ที่ Donald Trump กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ผู้นำบิ๊กเทคฯ ก็หันมาสนับสนุนเขากันมากขึ้น โดยเฉพาะ Mark Zuckerberg ที่เปลี่ยนนโยบายการควบคุมเนื้อหาของ Meta และ Elon Musk ที่ดันหน่วยงาน DOGE โดยอ้างว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล ทำให้คนอเมริกันเริ่มจับตามองสองซีอีโอ
ก็เป็นซะอย่างงี้! ถึงได้สร้างความเกลียดชังกันถ้วนหน้า ล่าสุด บ. เทคยักษ์ใหญ่อย่าง Meta บริษัทแม่ของ Facebook ให้โบนัสผู้บริหารระดับสูงมากถึง 200% จากฐานเงินเดือน และดันเป็นการให้โบนัสหลังเลย์ออฟพนักงานออกอย่างมหาศาลถึง 3,600 คน
การปลดพนักงานที่มีศักยภาพต่ำกว่าระดับที่ตั้งเกณฑ์ไว้ อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่บ้าง ถ้ามีกระบวนการที่เป็นธรรมและโปร่งใส แต่ Meta ดันปลดคนที่ศักยภาพสูงออกด้วย เพียงแค่ต้องการเอาคนออกให้ได้ตามยอดที่กำหนด และนี่ยังมีข่าวให้โบนัสมหาศาลหลังปลดคนอีก
Meta จัดการประชุมพนักงาน All-hand เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งมีบันทึกการประชุมหลุดออกมาถึงสื่อ ทำให้เห็นทิศทางของ Meta ที่สื่อสารกับพนักงานปีนี้ว่าบริษัทต้องการโฟกัสกับ AI แบบจริงจังมาก ๆ
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta บอกว่าขอให้พนักงานทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม เพราะปีนี้บริษัทจะมีแนวทางบริหารที่เข้มข้นมาก เขาเชื่อว่าปีนี้จะมีคนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก ที่ใช้งานผู้ช่วยดิจิทัลอัจฉริยะทำงานบน AI ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีบทบาทมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ใครที่ชนะในเกมนี้จะกลายเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งสร้างผลประโยชน์ในระยะยาว เขาเองก็เห็นประโยชน์ของ AI ที่เข้ามาแทนที่และช่วยการทำงานในบริษัทด้วย
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta โพสต์ใน Facebook ว่าบริษัทมีแผนการลงทุนในปีนี้ประมาณ 6-6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งการลงทุนหลักคือศูนย์ข้อมูลรองรับการเติบโตด้าน AI เพิ่มขึ้นตัวเลขปีที่แล้วประมาณ 3.8-4 หมื่นล้านดอลลาร์
เขาบอกว่าเป้าหมายคือ Meta จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาผู้ช่วย AI ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านคน Llama 4 ที่จะออกมาในปีนี้ จะเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ความสามารถสูง บริษัทยังเพิ่มทีมวิศวกรด้าน AI เพื่อวิจัยและพัฒนาในโครงการที่เกี่ยวข้องนี้
Donald Trump ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สองอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ซึ่งในพิธีที่จัดขึ้นในอาคารรัฐสภาสหรัฐ มีซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เข้าร่วมกันพร้อมหน้า
รายชื่อที่มีรายงานได้แก่ Elon Musk ซีอีโอ Tesla และ SpaceX, Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta และภรรยา Priscilla Chan, Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และคู่หมั้น Lauren Sánchez, Tim Cook ซีอีโอ Apple, Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet และ Google โดยทั้งหมดนั่งอยู่ในตำแหน่งหลังโพเดียมที่ Trump ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ นอกจากนี้ Shou Zi Chew ซีอีโอ TikTok และ Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ก็เข้าร่วมในพิธีด้วย
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ไปออกรายการพอดคาสต์ Joe Rogan Experience ซึ่งเนื้อหาการพูดคุยครอบคลุมหลายเรื่อง ทั้งการจัดการเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม, การเข้าพบว่าที่ประธานาธิบดี Trump และหัวข้อที่เป็นประเด็นในข่าวนี้คือ แอปเปิล
Joe Rogan เปิดประเด็นว่าตอนนี้เขาย้ายจาก iPhone ไป Android เพราะไม่อยากยึดติดกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และบอกว่าเขาไม่ชอบนโยบายหักค่าธรรมเนียม App Store ของแอปเปิล
Meta และซีอีโอ Mark Zuckerberg ประกาศการเปลี่ยนแปลงของเครื่องมือตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าว (Fact-Checking) จากที่ใช้แหล่งข้อมูลจากองค์กรภายนอก 3rd Party มาเป็นระบบให้ชุมชนช่วยกันรายงานและตรวจสอบเนื้อหาที่ถูกต้องหรือ Community Notes แบบเดียวกับ X ซึ่งจะมีผลในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก
Meta บอกว่า Community Notes มีแผนเตรียมขยายไปยังผู้ใช้งานประเทศอื่นด้วย เมื่อเครื่องมือนี้มีการปรับปรุงมากขึ้น โดยปัจจุบันการตรวจสอบ Fact-Checking ของ Meta ใช้ข้อมูลผ่านเครือข่าย International Fact-Checking Network และ European Fact-Checking Standards Network สำหรับผู้ใช้งานในยุโรป มีผลทั้งบน Facebook, Instagram และ Threads
Fortune รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวใน Meta บอกว่าถึงแม้ Meta จะมีโมเดล AI แบบโอเพนซอร์ส Llama ที่พยายามผลักดันอยู่ แต่เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดที่ใช้ภายในบริษัทชื่อ Metamate ก็เสริมการทำงานด้วยโมเดล AI จากหลายค่ายซึ่งรวมทั้ง GPT-4 ของ OpenAI และ Llama ของ Meta เอง
รายงานบอกว่า Metamate เป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดคล้าย GitHub CoPilot ที่สามารถส่งคำถามและใช้ AI ช่วยหาคำตอบ ซึ่ง Metamate จะเลือกจากทั้ง Llama หรือ GPT-4
ก่อนอื่นต้องบอกว่าอ่านข่าวถูกเว็บแล้ว ... เพราะเรื่องนี้เป็นของ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ที่กระโดดเข้าสู่พื้นที่ใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขามาในบทบาทของศิลปินเพลงโดยคอลแลบกับศิลปินฮิปฮอปอย่าง T-Pain
เพลงที่ Zuckerberg ร้องร่วมกับ T-Pain โดยมีชื่อยูนิตเฉพาะกิจนี้ด้วยว่า Z-Pain เป็นการนำเพลงเก่า "Get Low" ปี 2002 ของ Lil Jon และ The East Side Boyz มาร้องและปรับเนื้อเพลงใหม่ในแบบอะคูสติก
Mark Zuckerberg ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Pubity ถึงไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของเขา โดยเขาบอกว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเกม Civilization และใช้เวลาเล่นเกม Civilization 6 ไปแล้วมากกว่า 1 พันชั่วโมงแล้ว เมื่อภรรยามาเห็นตัวเลขในบัญชี Steam ของเขาก็ถึงกับตกใจว่าใช้เวลาไปขนาดนี้เลยเหรอ เขายังอยากเปิดไลฟ์ใน Twitch เล่นเกมแข่งกับคนอื่นๆ ให้ดูกัน เพราะเขามั่นใจในฝีมือการเล่นของตัวเองว่าเข้าใกล้ระดับ grandmaster แล้ว
นอกจากนี้ Zuckerberg ยังเป็นแฟนคลับตัวยงของนักการเมืองยุคโรมันอย่าง Julius Caesar และมีไอเดียอยากทำเสื้อผ้าลวดลายจักรวรรดิโรมัน ซึ่งมีต้นแบบเป็นเสื้อเขียนคำว่า "Zuck or Nothing" ด้วยอักษรสไตล์ละติน นำมาใส่โชว์ในงาน Meta Connect 2024 ด้วย
นอกจากภาพสตีฟ จอบส์ ในเสื้อคอเต่าสีดำ อีกหนึ่งภาพเราน่าจะเคยเห็นจนชินตาคือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ในลุคเสื้อยืดเทา กางเกงยีนส์ ที่ใส่มายาวนาน 13 ปี (ก่อนหน้านั้นเขาอินกับเสื้อฮู้ด) พร้อมผมสั้นที่เป็นดั่งลายเซ็นของเขาไปแล้ว
แต่ในปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะพอจับสังเกตได้บ้างแล้วว่าซัคเคอร์เบิร์กดูมีสไตล์มากขึ้น แต่น่าจะเห็นกันแค่คร่าว ๆ ไม่ได้คิดว่ามีอะไรพิเศษ หรือมีอะไรต้องสนใจขนาดนั้น
Mark Zuckerberg โชว์รีวิวการซื้อรถคันใหม่ให้ภรรยา Priscilla Chan ที่อยากได้รถมินิแวน แต่มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก เลือกซื้อรถใหม่ทั้งทีคงไม่ซื้อรถมินิแวนที่มีขายในท้องตลาดทั่วไป (รวมถึงคงไม่ซื้อรถยี่ห้อของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งด้วย จะต่อยกันกี่โมง)
สิ่งที่ Mark ทำคือสั่งซื้อรถแบบคัสตอมจาก Porsche โดยเป็น Porsche Cayenne Turbo GT เวอร์ชันยืดด้านหลังให้ยาวขึ้น (จนเรียกว่าเป็น "มินิแวน" ได้แล้ว) และปรับประตูหลังเป็นแบบสไลด์ให้ขึ้นลงง่ายขึ้น (คงเอาไว้รับส่งลูกไปโรงเรียน) แต่ซื้อรถให้ภรรยาคันเดียวก็อาจเสียเวลาเดินทางไปรับรถ เขาเลยสั่ง Porsche 911 GT3 Touring คัสตอมสีเดียวกันให้ตัวเองด้วยอีกคัน แล้วไปรับรถพร้อมกันเลย
เพียงไม่กี่วันจากที่ Mark Zuckerberg มีสินทรัพย์มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก หุ้นของบริษัท Meta ก็ราคาพุ่งอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขสินทรัพย์ของ Mark เพิ่มเป็น 2.06 แสนล้านดอลลาร์ และทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก แซงหน้า Jeff Bezos และ Bernard Arnault เรียบร้อย
ตอนนี้สินทรัพย์ของ Mark มีมูลค่าเป็นรองแค่ Elon Musk คนเดียว (2.56 แสนล้านดอลลาร์) ส่วนคำถามเมื่อไร บุคคลที่รวยที่สุดในโลกสองคนจะต่อยกัน ก็คงสุดแล้วแต่ฟ้าจะทราบได้
ที่มา - Bloomberg
Mark Zuckerberg มีมูลค่าสินทรัพย์รวม (net worth) แตะหลัก 2 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากมูลค่าหุ้นของ Meta พุ่งสูงขึ้นมากในปีนี้ ส่งผลให้สินทรัพย์ของเขามีมูลค่าเพิ่ม 7.34 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี (คิดจากอันดับมหาเศรษฐีโลกของ Bloomberg)
Mark Zuckerberg กลายเป็นเศรษฐีคนที่ 4 ในโลกที่มีมูลค่าสินทรัพย์เกิน 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยบุคคลที่รวยที่สุดในโลกตอนนี้ยังเป็น Elon Musk (2.72 แสนล้านดอลลาร์) ตามด้วย Jeff Bezos (2.11 แสนล้านดอลลาร์) และ Bernard Arnault (2.07 แสนล้านดอลลาร์)
ไม่นานมานี้ Mark Zuckerberg ออกมาเผยว่า Meta โดนรัฐบาลกดดันให้ลบคอนเทนต์บางประเภทในช่วงโควิด และเสียใจที่พูดเรื่องนี้ช้าเกินไป แต่ล่าสุด Zuckerberg เผยในพ็อดแคสต์ Acquired โดย David Rosenthal และ Ben Gilbert ว่า วันคืนที่เขาจะต้องพร่ำขอโทษได้จบลงแล้ว
เขาเผยต่อว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ในช่วง 20 ปีของเขาคือการประเมินเรื่องการเมืองผิดไป แบกรับปัญหาที่อยู่นอกเหนือการควบคุมมากเกินไป (แต่ฝ่ายการเมืองมองว่าเป็นความรับผิดชอบของ Facebook) เช่น กรณี Cambridge Analytica ซึ่งตอนนี้เขาหาสมดุลเจอแล้ว
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เปิดเผยในจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฎร (Committee on the Judiciary of the US House of Representatives) ระบุว่ารัฐบาลไบเดน ในช่วงปี 2021 เคยกดดันให้บริษัทเซ็นเซอร์คอนเทนต์ COVID-19 บางประเภท เช่นคอนเทนต์เสียดสี
Mark บอกว่า การตัดสินใจลบหรือไม่ลบคอนเทนต์ สุดท้ายแล้วอยู่ที่ Meta ล้วนๆ แต่การกดดันแทรกแซงดังกล่าวของรัฐบาลก็ถือว่าผิด และเจ้าตัวก็เสียใจที่ไม่ออกมาเปิดเผยเร็วกว่านี้
ย้อนกลับไปช่วง COVID โซเชียลมีเดียทั้ง Meta และ Twitter (ตอนนั้น) ถูกโจมตีทั้ง 2 ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องการเซ็นเซอร์เนื้อหา หรือกระทั่งเรื่องการปล่อยให้มีข่าวปลอมเกี่ยวกับไวรัสและวัคซีนถูกเผยแพร่อยู่บนแพลตฟอร์ม
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta และ Susan Li ซีเอฟโอ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งเติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ แม้บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายการลงทุน AI ที่มากขึ้น
Li บอกว่าในแง่การเงินนั้น ผลตอบแทนการลงทุน AI คาดว่าต้องใช้เวลานานมากขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ ขณะที่ Zuckerberg บอกว่าตอนนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าเทรนด์ AI จะเห็นผลตอบแทนเป็นรูปธรรมมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ Meta เลือกเสี่ยงสร้างทรัพยากรมารองรับไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ช้าเกินไปหากเทรนด์นี้มาจริง ๆ
ถ้าจำกันได้ เมื่อปีที่แล้วมีศึกวิวาทะกันระหว่าง Elon Musk เจ้าของ X และ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta จนถึงขั้นท้าต่อยกัน และสมาคมผู้จัดการแข่งขันต่อสู้ UFC ก็เตรียมการรองรับ แต่จบลงที่ Mark Zuckerberg สรุปว่า Elon Musk ไม่ได้จริงจัง และทุกคนควรเลิกสนใจได้แล้ว เรื่องนี้จึงจบลงไป
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Donald Trump ได้โพสต์บน Truth Social ขู่ถึงเหล่าคนที่ทรัมป์เชื่อว่าสมรู้ร่วมคิดการโกงเลือกต้ังประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่แล้ว โดยมีชื่อ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta อยู่ในโพสต์นั้นด้วย
ในโพสต์ดังกล่าว Trump ระบุว่า เขาจะไล่จัดการพวกที่สมรู้ร่วมคิดในการโกงเลือกตั้งถ้าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี โดยคนพวกนั้นจะต้องโดนส่งคุกเป็นระยะเวลานาน และยังมีการพูดถึง Zuckerburg เป็นการปิดท้ายเชิงว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดีอีกด้วย
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ให้สัมภาษณ์กับ Kane Sutter จากช่อง Kallaway ในหลายประเด็นทั้งเรื่อง AI และแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Meta
ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ซึ่งถามมุมมอง Zuckerberg เกี่ยวกับ AI เขาบอกว่า AI ไม่น่าเป็นสิ่งที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างครบในเครื่องมือชุดเดียว โดยพูดถึงบริษัทหนึ่งที่พยายามสร้าง AI ผลิตภัณฑ์เดียวแล้วทำได้ทุกอย่าง เรียกว่าเป็น AI ที่แท้จริง เหมือนกับการสร้างเทพเจ้าขึ้นมา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ Meta กำลังทำ และไม่คิดว่าวิธีนั้นจะได้ผลที่ดีด้วย
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เปิดเผยข้อมูลในระหว่างช่วงแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดย Threads แพลตฟอร์มโซเชียลเน้นตัวหนังสือ ที่พัฒนามาแข่งกับ X/Twitter ตอนนี้มีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มากกว่า 150 ล้านบัญชีแล้ว
ตัวเลขที่ Meta เปิดเผยก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์คือ 130 ล้านบัญชี สะท้อนว่าแนวโน้มของ Threads ยังคงเติบโตไปได้เรื่อย ๆ
Elon Musk ในฐานะซีอีโอ Tesla และ xAI ประกาศว่าบริษัทได้ปรับขึ้นเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ กับพนักงานในฝ่ายวิศวกรรรม AI ของ Tesla รวมทั้ง xAI บริษัทที่พัฒนาด้าน AI ของเขาด้วย
สาเหตุนั้น Musk บอกว่าเริ่มจาก Ethan Knight วิศวกรฝ่าย Computer Vision ของ Tesla มีแผนจะลาออกไปอยู่ OpenAI เขาจึงให้ข้อเสนอที่สูงกว่าและไปทำงานที่ xAI แทน เขายังบอกว่า OpenAI นั้นพยายามดึงตัววิศวกร AI จาก Tesla อยู่ตลอด โดยเสนอเงินเดือนที่สูง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสำเร็จ