Amazon กับ Oracle กลายเป็นคู่กัดคู่ใหม่ของวงการไอที เหตุเพราะบริการด้านคลาวด์กลายเป็นคู่แข่งกัน ฝั่งของ Amazon ก็พยายาม เลิกใช้ฐานข้อมูล Oracle สำหรับงานในบริษัท
วันนี้ Amazon ประกาศว่าย้ายฐานข้อมูลของตัวเองออกจาก Oracle อย่างสมบูรณ์แล้ว (ยกเว้นซอฟต์แวร์ 3rd party บางตัวที่บังคับใช้ Oracle เท่านั้น)
หลายคนอาจสงสัยว่า Amazon ย้ายไปใช้ฐานข้อมูลอะไรแทน คำตอบคือย้ายไปใช้ฐานข้อมูลในเครือ AWS ทั้งหมด ขึ้นกับรูปแบบงาน ตั้งแต่ DynamoDB (NoSQL), Aurora (Relational เวอร์ชันทำเอง), Amazon RDS (MySQL/PostgreSQL เวอร์ชันคลาวด์) และ Amazon Redshift (data warehouse)
Amazon ระบุว่าต้องย้ายฐานข้อมูลภายในบริษัทจำนวนเกือบ 7,500 ฐาน ขนาดข้อมูลรวม 75 petabyte สามารถย้ายได้โดยแทบไม่ต้องมี downtime เลย
Amazon ยังคุยว่าหลังย้ายแล้วสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ 60% จากเรตราคาพิเศษที่ Amazon ได้ส่วนลดจาก Oracle อยู่แล้ว ซึ่งลูกค้าทั่วไปที่ไม่ได้เรตนี้ ย้ายมาอยู่กับ AWS จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 90% ส่วนข้อดีอื่นๆ คือลด latency ลงได้ 40% และลดภาระของแอดมินฐานข้อมูลได้ 70%
จะด้วยเหตุผลเรื่องธุรกิจหรือความแค้นก็ไม่ทราบได้ แต่ Amazon ถึงขั้นทำคลิปฉลองการปิดฐานข้อมูล Oracle อันสุดท้าย และเปิดแชมเปญฉลองด้วย
โฆษณาคลาวด์ฝั่ง Oracle ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน
ที่มา - AWS Blog
Comments
เจ็บ
ซื้อของกับ Amazon ก็เหมือนจ่ายเงินให้ปีศาจ
ถ้าพร้อมจ่าย มันทำได้แบบสะใจจริงๆนะ ภาษีเขาเข้าก็เคลียให้ ค่าเงินแข็งก็คืนเงินย้อนหลังให้ สั่งจาก อเมริกา จัด top priority ไปพัสดุมาเร็วกว่า โทรสั่งจากบางกะปิส่งไปรษณีย์ไทย แล้ว % ของหายของพังก็ต่ำกว่าด้วย
AWS กับเว็บ Amazon.com นี่แทบจะเหมือนคนละบริษัทกันแล้วนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
เอาน่า คงระลึกถึงพอดี พอถูๆ ไถๆ
ความสบายใจนี่เทียบกันไม่ได้จริง ๆ ครับ สั่ง Amazon ไม่เคยต้องกังวลว่าจะถึงมั้ยพังมั้ย คนรู้จักซื้อหูฟังรุ่นแพงแต่ของที่ได้มาเป็นรุ่นถูกที่หน้าตาคล้าย ๆ กัน ติดต่อ Amazon ไปได้คำตอบว่าเดี๋ยวคืนเงินเต็มจำนวนให้ ส่วนหูฟังก็เก็บไว้ใช้นะ
ผมเคยสั่งหนังสือภาพเล่มหนาๆ หนักหน่อย มาถึงไทยส่งต่อ ปณ.ไทย กล่องพังเลยครับ ยังดี ปณ. โทรมาถามด้วยพอดีไม่มีคนรับของ
กล่องพังแบบน่าจะพังตั้งแต่ต้นทางด้วย เพราะถูกใส่ถุงพลาสติกหุ้มมาอีกที แต่ยังดีหนังสือยังสภาพสมบูรณ์อยู่
มาเลี้ยง กาแฟกันเหรอ
จากที่ลองใช้ Free Tier ของทั้ง AWS และ Oracle มา
ไม่ประทับใจของ Oracle มาก ตั้งแต่การสมัคร สมัครแล้วยังใช้งานไม่ได้ ต้องรออนุมัตินานมาก(ระบบบอก 15 นาที) แต่ผมปาไป 5 วัน
พอลองสร้าง Instance บอกว่า Server out of limit
ต้องรอแล้วเข้าไปสร้างบ่อย ๆ เอาเผื่อโชคดีสร้างได้
สั่ง reset รหัสผ่าน จนบัดนี้ เมลล์ที่จะให้กด reset ยังไม่ได้รับซึ่งผ่านมาเกิน 5 วันแล้ว
นอกจากนี้การใช้คำยังชวนสับสน บางจุดใช้ user name ได้ แต่บางจุดบอก user name แต่ต้องกรอก email ถึงจะได้ ไหนจะเวลาที่ระบบบังคับบอกเอาท์อัตโนมัติแล้วถ้าจะเข้าใช้ต่อดันขึ้นให้ใส่ Tenant อีก แทนที่จะใช้คำว่า user name หรือ email
ปล. จากมุมมองของผู้ใช้ธรรมดาที่ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากมายนัก ต้องยอมรับเลยว่า AWS ง่ายกว่ามากจริง ๆ
ผมลองตอนปลายปี 2018 แค่ขั้นตอนการสมัครผมก็เลิกแล้วครับ เลิกกลางคันเลย
อาจเพราะมีตัวเปรียบเทียบแบบ AWS หรือ Google อ่ะครับ
โลกนี้มี AWS, Azure, GCP และ Rackspace ให้ใช้และผ่านอะไรมาเยอะอยู่ก่อนแล้ว ตัวเลือกอย่าง Oracle น่าจะแค่เอาไว้เปรียบเทียบ แต่พอ on production ยังไงก็เลือก 4 เจ้าข้างต้นก่อน
เพราะพวก Cloud พวกนี้ ไม่ใช่แค่ยี่ห้อ บางครั้งต้องมองถึง community support ด้วย แม้ support แบบจ่ายเงิน 4 ยี่ห้อข้างต้นก็ไม่ได้ราคาถูกเท่าไหร่ แต่เริ่มต้นถ้าไม่จ่าย support พวกนี้ได้ก็จะประหยัดตอนเริ่มต้นไปได้มาก
เสีย Free Tier ของ AWS มันจำกัดเวลา น่าจะมีให้ตลอดแบบ google