By: mk 
on 16 October 2019 - 09:59
Tags:
Topics:
ฟีเจอร์เด่นอีกอย่างของ Pixel 4 คือ Motion Sense หรือที่รู้จักกันในชื่อ Project Soli ซึ่งเป็นการใช้คลื่นเรดาร์ความถี่สูง 60GHz ช่วยตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวเครื่อง ทำให้เราสามารถโบกเพื่อสั่งงานโดยไม่ต้องแตะจอ หรือเครื่องจะรู้ว่าเราเดินเข้าใกล้ด้วย
ตัวอย่างการใช้งานอีกอย่างของ Motion Sense คือฟีเจอร์ตรวจจับรถชน (car crash detection) โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้ตัวเลือกนี้ เพื่อให้ Pixel 4 ตรวจจับว่าเราเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงขณะขับรถหรือไม่ แล้วโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน 911 พร้อมเปิดลำโพงให้อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในกรณีที่เราบาดเจ็บจนไม่สามารถหยิบจับโทรศัพท์ได้
จากภาพหน้าจอของกูเกิล แสดงให้เห็นว่า Pixel 4 สามารถตรวจจับรถชนได้ และผู้ใช้สามารถกดปุ่ม I am Ok เพื่อให้ไม่ต้องโทรออกไปหาเบอร์ฉุกเฉินได้
ฟีเจอร์ car crash detection ยังใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ที่มา - Google Support
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
อยากรู้การทำงานมากๆเลย เอาเงื่อนไขอะไรเพื่อตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการเบรกกระทันหัน หรือแค่ตกหลุมยักษ์ถนนเมืองไทย
น่าจะทำงานจากการเช็คแรงกระชากแหละครับ อาจจะเพี้ยนบ้างตอนเบรคกระทันหัน
คงต้องเปิด app ทิ้งไว้ตลอดเวลาด้วยนะคับแบบนี้
📸
ผมว่าน่าจะฝังอยู่ในระดับ OS ไม่น่าจะมีแอพครับ และถ้ามันตรวจเจออาจจะมีการส่งเสียงให้เรารู้ว่าผิดปกติ
ผมว่าเขาก็มี Threshold ระดับนึงแหละครับ แต่ก็คือยออมให้ทายผิดได้ อย่างน้อยถ้าทำนายผิด ก็ยังกดยกเลิกได้
ดีกว่ากรณีเกิดเหตุจริงๆ แล้วระบบไม่ทำงาน
คล้ายๆ กรณีตรวจจับการลื่นล้มของ Apple Watch แหละครับ
เดี๋ยวนี้ Motion Sensor ใน Google Map มีบอกความเร็วที่วิ่งอยู่แบบ real time แล้วนะครับ
ถ้าเกิดวิ่งอยู่ 120 แล้วอยู่ดีๆ เหลือ 0 ใน 1 วิ พร้อมกับแรงกระชาก ผมว่าเดาได้ไม่ยากนัก
ความเร็วใน Google Maps ไม่น่าจะมาจาก motion sensor นะครับ แล้ว motion sensor ไม่น่าจับความเร็วได้ดีขนาดนั้น
อาจจะเอา GPS มาประกอบนะครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ sensor เดียวหนิครับ และกดไปอ่านดูหน้า support มันให้กด allow location ด้วยครับ
6. When asked to share your location, tap Allow all the time.
อาจจะ แต่ไม่รู้ใช่เปล่านะครับ เพราะ location ก็อาจใช้แค่ตอนบอกตำแหน่งตอนขอความช่วยเหลืออย่างเดียวก็ได้
จริงๆ แค่ motion ก็อาจจะบอกได้แล้ว เพราะนั่งรถยังไงมันก็สะเทือนเล็กๆ ตลอดเวลา และถ้าสะเทือนหนักมากๆ แล้วนิ่งไปเลย กับวิ่งต่อก็คงแยกออก แล้วต้องไปหา pattern ว่าสะเทือนแบบไหนคือชน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
กลับถึงบ้านโยนเครื่องลงไปที่โซฟา/ที่นอน จะโทรออกหรือเปล่า
โยนไม่แรงมาก ก็ไม่จะโทรนะ คงต้องเควี้ยงแรงๆเลยหล่ะ
ขนาดเข็มขัดนิรภัย ถ้าไม่ดึงเร็วๆแรงๆ มันก็ไม่ล๊อคนะ
เหมือนเรากระโดดนอนลงบนที่นอนกับกระโดดนอนลงกับพื้น ผมว่าจังหวะตอนกระแทกกับหลังกระแทกมันจะไม่เหมือนกัน Google น่าจะแยกออก
ถ้าจะคงลองต้องลองขว้างไปที่กำแพง 55
น่าจะตัดเหตุการณ์นี้ออกได้โดยการเช็ค GPS ของเครื่องนะครับ
ถึงจะขว้างแรงแค่ไหน แต่ถ้าก่อนหน้าไม่มีการเคลื่อนที่ด้วยวามเร็วระดับหนึ่ง ก็ไม่น่าจะแจ้งเตือนการชนนะครับ
เหมือนกล้อง cctv หน้ารถที่ใช้
Accelerometer detect แล้วมันจะบันทึกพร้อมตัดการทำงาน
ชั่วคราวซึ่งผมเห็นตั้งไว้ 3g 5g 10g แล้วแต่จะตั้ง
ปล.เดาล้วนแต่คิกว่าประมาณนี้แต่เอาชัวร์ต้องให้แสกนเหมือน
พวกรถไฟฟ้าระบบ autopilot
แล้วระบบก็จะเก็บความเร็วที่เราขับ พร้อมสามารถใช้เป็นหลักฐานได้
+180
เดาว่าคำนวณหาแรง g จาก Accelerometer ในเครื่อง เพราะแรง g ของการเกิดแรงกระแทกจากการชน สูงกว่าค่าปรกติที่เกิดจากการตกอยู่แล้ว อาจต้องดูทั้งอัตราเร่ง และระยะเวลาประกอบด้วย เพื่อแยกออกจากการตกแบบปกติ และเดาว่าต้องมี Ai เข้ามาเกี่ยวด้วยแน่นอน