Mazda ได้ใช้เวทีที่งาน Tokyo Motor Show ที่กำลังจัดอยู่ขณะนี้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท ในชื่อ MX-30 ถือเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นเจ้านี้ที่อยู่กับเครื่องยนต์ SKYACTIV มานาน
Mazda MX-30 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนที่ให้กำลัง 142 แรงม้า หรือราว 105 กิโลวัตต์ อัตราเร่ง 264 นิวตันเมตร โดยชาร์จเต็มหนึ่งครั้งจะวิ่งได้ราว 210 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้หวือหวาอะไรนักกับสเปกแบบนี้
ด้านการชาร์จก็รองรับไฟกระแสสลับ 6.6 กิโลวัตต์ หรือไฟกระแสตรง 50 กิโลวัตต์ ใช้ได้ทั้งมาตรฐาน CHAdeMO และ CCS แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะรองรับทั้งสองหัวในคันเดียว หรือจะขึ้นอยู่กับประเทศที่วางจำหน่าย
จุดเด่นของ MX-30 อยู่ที่ประตูแบบเปิดออกจากกัน (suicide doors) หรือที่ Mazda เรียกว่า "freestyle doors" ทำให้การขึ้นลงของผู้โดยสารสะดวก รวมถึงเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถ
นอกจากนี้วัสดุภายในห้องโดยสารอย่างเบาะผ้าบางส่วนก็ทำจากขวดพลาสติกรีไซเคิล และคอนโซลก็ใช้ไม้คอร์กเป็นลูกเล่นด้วย
สำหรับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่เราคุ้ยเคยกันในชื่อ Mazda i-ACTIVSENSE ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม เช่นเตือนจุดอับข้างรถ หรือระบบรักษารถให้อยู่ในเลน แต่ก็ไม่ได้พูดถึงระบบที่ล้ำกว่านั้นอย่างระบบช่วยขับแบบ Tesla Autopilot หรือ Nissan ProPILOT
ขณะนี้เปิดให้ลูกค้าในยุโรปจองรถแล้ว แต่ยังไม่ประกาศราคาที่แน่ชัด ซึ่งคาดกันว่าราคาในสหราชอาณาจักรน่าจะต่ำกว่า 30,000 ปอนด์ หรือราว 1.17 ล้านบาท และจะส่งมอบรถในปีหน้า อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยว่าตลาดอื่นอย่างสหรัฐอเมริกา, เอเชีย หรือแม้กระทั่งในญี่ปุ่นเองจะมีวางขายหรือไม่
คู่แข่งของ Mazda MX-30 น่าจะเป็น Hyundai Kona electric ที่ทรงคล้ายๆ กัน แต่ความจุแบตเตอรี่เยอะกว่าเท่าตัว ราคา 35,100 ปอนด์ หรือ Nissan LEAF ที่วิ่งได้ไกล 285 กิโลเมตรก็ขายอยู่ที่ 27,995 ปอนด์ การที่ Mazda MX-30 วิ่งได้เพียง 210 กิโลเมตรอาจจะทำราคาสูงมากไม่ได้
ที่มา - Electrek
ภาพทั้งหมดโดย Mazda
Comments
Design สมกับเป็น Mazda จริงๆ ไม่ว่าจะมีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่เหรอไม่ก็คงสไตล์สปอร์ตตลอด หน้ายาว ที่นั่งเหลือน้อย ตอนหลังแคบ
แต่สวยเสมอต้นเสมอปลายดี
ประตูตู้กับข้าว ระบาดไป SUV แล้วหรือนี่ ผมว่าถ้าขายดี อาจเป็นแฟนชั่นใหม่สำหรับรถกลุ่มนี้ก็ได้ เพราะที่แน่ๆ คือ ขนของขึ้นลงสะดวกกว่าประตูแบบเดิมมาก
ยังคงทำรถไม่แคร์คนนั่งหลังจ้ะ...?
ราคานี้ MG ZS EV กินขาด การบริการหลังการขายของ Mazda ไทยยิ่งมีชื่อเสีย จาก CX-5 อย่
MG เองก็กินขาดเหมือนกันครับเรื่องชื่อเสียที่หนักกว่ามาสด้าไทยอีก
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
บริการหลังการขายดูแล้วจะหนักกว่าเดิมนะ
อ่านตอนแรกนึกว่าจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมายหรือมีอะไรให้ลุ้น สรุปจบประโยคด้วยเรื่องบริการหลังการขาย ... แยกย้ายครับแยกย้าย
เอิ่มมมมม ถ้ารถมีปัญหา หรือถึงรอบเช็คระยะนะครับถึงจะเจอบริการหลังการขายที่แย่ แต่ถ้ารถมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ และเจอดีเฟ็คอีนนี้ถึงจะได่ใช้ศูนย์บริการบ่อยๆ
MG นี่ดีเฟ็คเยอะมากเลยนะ ZS EV นี่ก็ไม่เบา หลายเคสละนะดับปลุกไม่ตื่นเนี่ย
ศูนย์บริการมาสด้าแย่จริงอันนี้ไม่เถียง เพราะใช้อยู่แต่ก็เห็นปรับปรุงอยู่ แต่ถ้าเปรียบกับ MG แล้วเนี่ย Mazda ยังมีมาตรฐานกว่าเยอะ ไม่อ้างเลอะเทอะไปเรื่อย
อนึ่ง ศูนย์บริการ Mazda ที่ไม่ได้มาตรฐาน และถูกคัดทิ้งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นโชว์รูมและศูนย์บริหารหลังการขายแบรนด์ MG นะ FYI
แทนที่จะออกแบบ platform ใหม่ ดันยกโครงรถยนต์เดิมมาใส่แบต มันเลยดูประหลาด หน้ายาวทั้งๆที่ไม่มีเครื่องยนต์ ห้องโดยสารแคบ ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเป็น EV เลย?
ออกแบบ platform ใหม่ ใช้ชิ้นส่วนใหม่หมด ขายแพง ก็โดนด่าอีกรึเปล่าครับ
+1 ครับ หากจะมาห่วงเรื่องราคาแต่ประโยชน์ใช้สอยน้อยก็ดูจะตีตลาดยาก
ยิ่งด้วยระยะวิ่งแค่นั้นแล้วด้วย
ก็เพราะไม่ไอ้ออกแบบใหม่ เลยเจอข้อจำกัดเรื่องพื้นที่วางแบต กำลังmotor ฯลฯ ไงครับ
ข้อดีใช้ชิ้นส่วนร่วมได้ แต่ก็จะกลายเป็นข้อเสียคืออุปกรณ์ส่วนควบเยอะเกินจำเป็นหรือเปล่า?
อย่างเรื่องหน้ารถยาว ห้องโดยสารแคบ นี่เป็นจุดด้อยที่หาจุดเด่นมากลบไม่ได้(ตอนเป็นเครื่อง ICE เขาอ้างเรื่องระยะ overhang กับอ้างว่าเป็น global model เผื่อสำหรับรถขับสี่ด้วย เลยเจาะอุโมงค์เพลากลางทิ้งไว้กินที่นั่งเบาะหลังไป แต่พอเป็น EV แล้วมันไม่ใช่แล้ว เพราะน้ำหนักศูนย์ถ่วงเปลี่ยนหมด)
ระยะทางไม่ประทับใจ ตลาดรถ SUV ควรได้ไกลกว่านี้
นี่ปี 2019 แล้วทำได้แค่นี้หรือ
มาช้าแล้วยังแย่กว่าอี๊กกกก อุุตส่าห์ลุ้น
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ระยะทางน้อยไปหน่อยนะ สำหรับรถแบบนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว