วันนี้เป็นวันแรกที่ Disney+ ให้บริการอย่างเป็นทางการวันแรกในสหรัฐและแคนาดา ผมอาศัยอยู่ในสหรัฐและทดลองใช้บริการไปบ้างแล้ว เลยนำมาฝากเล็กเป็นมินิรีวิวนี้
หน้าโฮมหน้าแรก จะคล้าย Netflix ตรงนี้เป็นแบนเนอร์ใหญ่โปรโมทคอนเทนท์ออนิจินัลที่เป็นเรือธงของ Disney+ แตกต่างตรงเพียงว่าเป็นภาพนิ่ง ไม่ใช่วิดีโอตัวอย่าง ตามมาแถบสตูดิโอของ Disney ให้ผู้ชมเลือกหมวดหมู่ได้ว่าจะค้นหาภาพยนตร์หรือซีรีส์จากค่ายไหน
แถบเมนูของ Disney+ จะค่อนข้างเรียบง่าย มีแค่ตัวเลือก Home, Search สำหรับค้นหา, Originals, Movies, Series และ Watch List ที่เราเลือกเอาไว้เอง ไม่ต่างจากที่เราคุ้นเคยกับ Netflix
ถัดมาด้านล่าง เป็นรายการภาพยนตร์แบ่งตามกลุ่มอย่าง Trending, Originals และมี Out of the Vault หรือการ์ตูนคลาสสิคเก่า ๆ ที่ Disney เคยเก็บเอาไว้ใน DIsney Vault (เหมือนตู้เก็บการ์ตูนเก่า นาน ๆ ทีถึงเอาออกมาขายใหม่เป็นรอบ ๆ) ในลักษณะกล่องสี่เหลี่ยม เลื่อนซ้ายขวาไม่ต่างจาก Netflix
ส่วน Originals ตอนนี้มีแค่ 12 เรื่องคือ The Mandalorian, Lady and the Tramp, High School Musical the Series, Encore!, The World according to Jeff Goldblum และ Noelle
ตัวเลือกโปรไฟล์ก็ไม่ต่างกับ Netflix นอกจากอวาตาร์ที่ขนมาให้เลือกทั้งจักรวาล Disney
ส่วนเสียงพากย์และซับไตเติลตอนนี้มีให้เลือกเฉพาะดังภาพ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อเช้าไทย น่าจะมีภาษาไทยให้ด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ซับไตเติล
ขณะที่เวอร์ชันบนสมาร์ทโฟนแทบไม่ต่างจาก Netflix เลย
สำหรับ Disney+ ส่วนตัวคิดว่า ทั้ง UX/UI แทบทุกส่วนนั้นคัดลอก Netflix มาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเว็บหรือกระทั่งแอปบนมือถือ ข้อดีคือแทบไม่ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานเลย ทั้งการวางหนัง การสร้างโปรไฟล์การกดดูหรือกระทั่งการดาวน์โหลดไว้ดูออฟไลน์ และจากการลองกดดูหนัง Disney+ ก็สามารถทำได้ดีในแง่ของบัฟเฟอร์ ไม่มีการโหลดหรือกระตุกให้เสียอารมณ์ ส่วนการโหลดดูแบบออฟไลน์ก็ทำได้เร็ว ไม่สะดุด
หากพูดถึงความคุ้มค่า ณ ตอนนี้ Disney+ ถูกกว่า Netflix ก็จริง แต่เรื่องคอนเทนต์อย่างที่รู้ๆ กันก็คือ Disney+ จะมีแต่หนังเก่าในคลังที่โดดเด่น แต่เรื่องใหม่ ๆ ที่จะดึงดูดคนดูอาจจะยังสู้ Netflix ยังไม่ได้ โดยซีรีย์เรื่องแรกที่ Disney+ ลงนั้นก็คือ Mandalorian ซึ่งไม่ได้ออกมาทีเดียวทั้งหมดครบทั้งซีซันแบบ Netflix แต่จะมาตอนละสัปดาห์กล่าวคือ คุณจ่ายเงิน 1 เดือนคุณดูได้แค่ 4 ตอนเท่านั้น เว้นแต่ว่าจะรอมันออกมาครบซีซัน แล้วค่อยซื้อดูภายในเดือนนั้นน่าจะคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่มุมมองคนว่าชอบแบบไหน
ส่วนตัวคิดว่าการที่คนจะเลือกอยู่กับ Netflix หรือ Disney+ นี่คงเป็นเรื่องคอนเทนท์ล้วนๆ ผู้ผลิตเป็นคนละบริษัทเท่านั้นเลยเพราะตัวแพลตฟอร์มเหมือนกันทั้งหมด
แต่ถ้าให้เลือก ณ ตอนนี้ Netflix ยังนำอยู่หลายขุม เพราะ Disney+ ออกคอนเทนต์สัปดาห์ละตอน ปริมาณคอนเทนท์ใหม่ยังน้อย จ่ายเงินไปก็ดูได้แค่ส่วนที่เนื้อหาปล่อยออกมา ไม่สามารถดูทั้งซีซันแบบ Netflix ได้นอกจากนี้ คอนเทนท์ใน Disney+ ส่วนมากคนดูกันแทบจะหมดแล้วในโรงหนัง เช่น พวกหนัง Marvel คิดว่าสิ่งที่จะทำให้ไปอยู่กับ Disney+ ได้คือต้องมีของใหม่ออกมาเยอะๆแบบที่ไม่เคยดูมาก่อนซึ่งซึ่งทาง Disney+ ก็ประกาศทำคอนเทนต์ชุดใหญ่มาแล้ว
Comments
นอกจาหี้ -> นอกจากนี้
ระยะยาว หากสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลปรับตัวกันเร็ว เข้าสู่ยุค Streaming โมเดลแบบดูรายสัปดาห์น่าจะได้รับความนิยมสูงขึ้น เพราะ Content มันมีเรื่องเชิงจิตทยาในการรับชมอยู่ ความเป็น Original และความเร็วในการเผยแพร่ มีผลต่อการตัดสินใจของผู้คนใน gen ปัจจุบัน ถ้ามีซีรีส์ไหนติดลมบนซักเรื่อง น่าจะมีคนติดตามรายสัปดาห์สูงขึ้น
ผมว่าอนาคตเมื่อเข้าสู่ 5G เต็มตัว ทีวีดิจิทัล ก็คงต้องปรับธุรกิจมาแบบนี้เข้าสู่ระบบ Streaming รายการที่ออกรายสัปดาห์ รายวัน หรือรายการสด อาจปล่อยให้ดูฟรีผ่าน Stream ตามเวลาหรือผังรายการ แล้วมีโฆษณาแทรก เพราะแรงดึงดูดของรายการ Original กับความสดใหม่ต้องดึงคนเข้ามาสร้างเม็ดเงินให้คุ้มที่สุด ซึ่งการทำรายได้สูงๆ ในจุดเริ่มปล่อย Content วิธีการขายโฆษณาน่าจะทำรายได้ ได้ดีกว่า รวมถึงยังคงกระจายการรับรู้เพื่อให้เข้าถึงคนกลุ่มกว้างด้วย ส่วนใครอยากดูรายการย้อนหลัง หรือดูไม่ทันก็จ่ายเงินเลือกดูว่าจะดูรายเรื่อง หรือรายเดือนเอา บน Platform ของแต่ละช่อง
นี้ถ้ารัฐบาลทำระบบ Streaming แห่งชาติขึ้นมาเนี่ยฮาเลยนะ ควบคุมการเผยแพร่ แถมจัดเก็บค่าเช่า สำหรับสถานีที่ไม่มีทุนพัฒนาระบบเป็นของตัวเอง นี่ถ้าบังคับทุกช่องที่มีการเผยแพร่ภายในประเทศต้องผ่านช่องทางของรัฐด้วย น้องๆ ซิงเกิ้ลเกตเวย์เลย 555 ชี้โพรงซะแล้ว
ไม่ต้องรอ 5G หรอกครับ ตอนนี้คนก็ดู streaming ทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
ปัญหาคือ ผบห ของบริษัทเหล่านั้นยังไม่เห็นว่า streaming เป็นช่องทางหลักได้ เห็นได้จากตอนประมูลคลื่น digital ใส่เงินกันบ้าเลือดมาก แล้วค่ายที่ทำจริงจังก็เห็นมีแค่ช่อง 7
ผมว่ามันจะ disrupt จัดๆ เมื่อ agency ไม่ลงโฆษณาใน free tv ซึ่งน่าจะเกิดได้ยากหน่อย
ผมมองว่าปัญหานึงก็คือทีวีดิจิตอลมันต้องถ่ายทอดสดขณะที่คนดูอยากดูแบบตอนไหนก็ได้ที่ว่าง คนเลยมาดูกันในเนตมากขึ้นเพราะ manage เวลาตัวเองได้ รายการสดอาจจะต้องปรับตัวให้มีการ interactive กับคนดูได้มากขึ้น
ยกเว้นแต่พวกอีเวนท์ต่างๆ ที่คนก็ยังอยากดูถ่ายทอดสด แต่ช่องทางมันก็มากขึ้น นอกจากทีวีก็ดูได้จากช่องทางอื่น
น่าจะมีพวกรายการวาไรตี้แบบ Disney Channel มาให้ด้วย ย้อนหลังก็ยังดี
เมื่อเช้าไทย > เมื่อเข้าไทย
Originals น้อยเกินไป
คงต้องรออีกสักพัก ถึงจะน่าสนใจ
ถ้าดูแค่นี้ผมว่า UX/UI ดูไปทาง Amazon prime มากกว่านะ
ขึ้นอยู่กับ Content จริงๆ
ผมนี่ก็ย้ายไปย้ายมา ช่วงไหนไม่ว่างดูก็ยกเลิกไปเลย
อีกหน่อยเกมก็คงมีแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ อยากเล่นเมื่อไหร่ก็จ่ายเล่นจบ ไม่ต้องซื้อเกมมาดองเป็นร้อยเป็นพันแบบ Steam อีกต่อไป แต่ก่อนผมก็ซื้อเยอะเวลา Summer Sale บางเกมก็ไม่ได้เล่นซักที จนนานมาก จนมีภาคใหม่ออกมา จนลืมไปเลยว่าเคยมี ซื้อซ้ำสองรอบก็ยังเคย(มีแล้วจากเว็บอื่น ถถถ)
โมเดล Steam เอง
ที่เคย Disrupt วงการ CD DVD เกมมาก่อนก็อาจจะโดน Disrupt ได้อีกเหมือนกันในอนาคต
อันนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับราคานะ ถ้านับเวลาที่ผมเล่นกับราคาเกมที่เสียไปซื้อขาดถูกกว่าเช่ารายเดือน คนที่จะได้ใช้รูปแบบนี้แบบเต็มที่ก็คนที่มีเวลาเล่นน้อยมากๆ+กับเล่นเกม AAA ออกใหม่ตลอด
ผมอาจจะสมัครดูวนไปเรื่อยๆของแต่ค่าย คงจะไม่ยาวเป็นปี
ผมว่าที่ไหนมี content สำหรับเด็กที่ดี ที่นั่นจะชนะในระยะยาว
That is the way things are.
ผมสงสัยครับ เด็กเดี๋ยวนี้ตอนเช้าๆเขาตื่นมาดูอะไรกันครับ พอจะทราบมั๊ยครับ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แต่คิดว่าตอนเช้าไม่ได้ดูกันแล้วนะ เพราะดู YouTube ตอนไหนก็ได้แทน
That is the way things are.
คงไม่เหมือนรุ่นผมแล้วมั้งครับ รุ่นผมเสาร์อาทิตย์มีช่องเก้าการ์ตูน หลังๆ ช่องเจ็ดก็ตีตลาดมาบ้าง
จันทร์ถึงศุกร์ช่วงเช้าช่องเจ็ดมีเจ้าขุนทอง และช่วงเย็นมีช่องสาม การ์ตูนช่องสามตอนช่วงผมอยู่ม.ต้นนี่ผมติดมาก พวกแกรน
ซอร์ท (granzort) พวกเจ้าหนูสามตา ฯลฯ
ถ้าทุกเรื่องออกสัปดาห์ละตอน มันไม่ทันใจอ่ะ ผมคนนึงละที่ไม่จ่ายเงินเพื่อไปรอตอนใหม่ออก
แค่หนังเก่าในคลัง ก็อยากจะเช่าแล้วอะครับ ซีรีย์ใหม่จะเป็นยังไง เฉย ๆ เลยอะ ?
ยังไง Content ก็ต่างกัน
Disney+ ก็วนอยู่กับ Marvel, Star Wars, Pixar, Disney อยู่ตรงนี้
ยากที่จะมี Content แหวกๆแบบ Sexducation, Naked Director หรือ Black Mirror
ว่าแต่ Disney ซื้อ FOX ไปแล้วนี่นา ไม่เห็นมีหนังของ FOX ในช่องเลยอ่ะ
อยากดูไลออนคิงครับ T T