วันที่ 14 มกราคม 2020 เป็นวันหมดอายุซัพพอร์ตของทั้ง Windows 7 และ Windows Server 2008/2008 R2 ทางออกที่ไมโครซอฟท์มีให้ลูกค้า Windows Server 2008 คือซื้อ ซื้อบริการความปลอดภัย Extended Security Updates ได้อีก 3 ปี (แต่ราคาจะแพงขึ้นเรื่อยๆ) หรือย้ายขึ้นมาอยู่บนคลาวด์ Azure โดยยังได้แพตช์ฟรีตลอด 3 ปีเช่นกัน
ล่าสุด AWS ออกมาแก้ปัญหานี้ด้วยแนวทางที่ต่างออกไป (เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของ Windows เหมือนไมโครซอฟท์) โดย AWS แนะนำให้ย้ายตัวระบบปฏิบัติการจาก Windows Server 2008/2008 R2 มาใช้ระบบปฏิบัติการที่ใหม่ขึ้นอย่าง Windows Server 2016 หรือ 2019 แทน
ส่วนปัญหาแอปพลิเคชันรุ่นเก่าๆ (เช่น SQL Server 2000) รันบน Windows Server รุ่นใหม่ๆ ไม่ได้นั้น AWS ออกเครื่องมือพิเศษมาให้ชื่อว่า AWS End-of-Support Migration Program (EMP) for Windows Server (ต่อไปจะเรียกย่อๆ ว่า EMP)
หลักการของ EMP ถือว่าน่าสนใจ เพราะมันจะ "capture" กระบวนการติดตั้งแอปพลิเคชันรุ่นเก่าบน Windows Server รุ่นเก่า แล้วสร้าง "แพ็กเกจ" ที่รวมสิ่งที่จำเป็นในการรันแอปพลิเคชันตัวนั้นไว้ (เช่น registry, รันไทม์, ไลบรารี, คอมโพเนนต์ และตัวเทียบ API ข้ามเวอร์ชัน OS) หลักการคล้ายกับ container ที่ใช้ในปัจจุบัน
จากนั้นเราสามารถย้าย "แพ็กเกจ" ที่สร้างขึ้นบน Windows Server รุ่นเก่า มารันบน Windows Server รุ่นใหม่ได้อย่างราบรื่น
ภาพตัวอย่างการรัน SQL Server 2000 บน Windows Server 2016 (สร้างแพ็กเกจบน Windows Server 2003 แล้วย้ายมา)
ตัวเครื่องมือ AWS EMP for Windows Server ไม่คิดเงินแต่ไม่เปิดให้คนทั่วไปใช้งาน ผู้สนใจต้องใช้บริการผ่านพาร์ทเนอร์ของ AWS (เช่น Accenture หรือ Atos) ที่คิดเป็นค่าที่ปรึกษาแทน
ที่มา - AWS Blog