ยุคนี้ผู้ใช้นิยมซื้อแท็บเล็ตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่าโน้ตบุ๊ก จะหยิบออกมาอ่าน eBook หรือเอามาเปิดดูคลิปบนรถประจำทางก็สะดวกกว่า นอกจากนี้ยังต่อคีย์บอร์ดหรือใช้ปากกาสไตลัสเขียนลงบนหน้าจอได้ด้วย
ซึ่ง Apple iPad น่าจะเป็นแท็บเล็ตที่ผู้ใช้คุ้นเคยและนึกถึงเป็นตัวแรก ๆ ส่วน Microsoft มี Surface Pro 7 เป็นแท็บเล็ตของทางค่ายที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10, สามารถซื้อปากกา Surface Pen กับคีย์บอร์ด Type Cover ที่พับเป็นปกของ Surface Pro 7 เพิ่มได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีสรุปรีวิว Microsoft Surface Pro 7 เผยแพร่มาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนบทความนี้เป็นรีวิวจากการใช้งานจริงว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไรบ้าง
Microsoft Surface Pro 7 มีหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ความละเอียด 2,736 × 1,824 พิกเซล มีขนาดใหญ่และขอบจอหนากว่าแท็บเล็ตหลาย ๆ รุ่นในตลาด จากการใช้งานจริงถือว่าพกไม่ลำบาก เพราะน้ำหนักรวมคีย์บอร์ดแล้วอยู่ราว 1 กิโลกรัมเท่านั้น
เมื่อตั้งเครื่องแนวนอน ขอบหน้าจอฝั่งบนติดตั้งกล้องหน้ากับระบบสแกนใบหน้า ทำงานร่วมกับ Windows Hello เพื่อปลดล็อกเครื่อง จากที่ทดลองใช้งานแล้วระบบสแกนใบหน้าตอบสนองรวดเร็วและปลดล็อกเข้าหน้า Desktop ในทันที ทำงานทั้งตอนถือแนวตั้งและแนวนอน
ขอบล่างเป็นแถบแม่เหล็กของ Type Cover ที่ดูดติดกับกรอบล่างของหน้าจอ ทำให้ตัวคีย์บอร์ดทำองศาขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยให้พิมพ์งานสะดวกขึ้น
ด้านซ้ายจะมีแค่ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนที่เว้นไว้ใช้ยึดปากกา Surface Pen เข้ากับตัวเครื่อง ปัญหาคือพื้นที่ที่สำหรับติด Surface Pen มีแค่ด้านซ้ายเท่านั้น ทั้งที่ส่วนใหญ่น่าจะใช้มือขวากัน นับเป็นหนึ่งในปัญหาและสร้างความลำบากในการใช้งานช่วงแรก ๆ เล็กน้อย
ฝั่งขวาจะรวมพอร์ตทั้งหมดเอาไว้ จากซ้ายมือเป็น USB-C รองรับ Power Delivery ใช้ชาร์จ Surface Pro 7 ได้, USB-A 3.0, Surface Connect พอร์ตอะแดปเตอร์ดีไซน์เฉพาะของ Surface ถัดมาเป็นร่องสำหรับดึงขาตั้ง (kickstand) ออกมา
เมื่อกางขาตั้งออกมา จะมีช่องใส่ MicroSD ซ่อนอยู่หนึ่งช่อง
ด้านบนไม่มีพอร์ต นอกจากปุ่มล็อกหน้าจอกับปุ่มเพิ่มลดเสียง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าขอบข้างกับด้านหลังเครื่องจะถูกเว้นเอาไว้เป็นช่องระบายความร้อน ใช้งานตามปกติ เปิดอ่านเอกสาร, พิมพ์งานทั่วไปไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนเลย ถ้าเปิดเบราว์เซอร์หลาย ๆ แท็บ, ตัดต่อคลิปสั้นราว 3-5 นาที เครื่องจะเริ่มอุ่นแต่ยังไม่มีเสียงพัดลมดังรบกวน
ด้านหลังเครื่องจะเป็นกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p
อะแดปเตอร์ Surface Connect จะมี USB-A อยู่ 1 ช่อง ใช้ชาร์จแบตเตอรีให้อุปกรณ์อื่น ซึ่งปกติผู้เขียนจะชาร์จมือถือผ่านพอร์ตนี้บ่อย ๆ จึงใช้พอร์ต USB-A ข้าง Surface Pro 7 ไว้ถ่ายโอนข้อมูลแทน
ด้านใต้ตัวเครื่องไม่มีพอร์ตใด ๆ นอกจากแถบเชื่อมต่อกับ Type Cover ของ Surface
คีย์บอร์ด Type Cover ของ Microsoft Surface Pro 7 เป็นผ้า Alcantara เมื่อพับปิดหน้าจอแล้วทำให้ถือได้มั่นคงไม่ลื่นหลุดมือ แป้นพิมพ์สามารถวางราบไปกับพื้นหรือยกขึ้นมาติดกับขอบล่างของ Surface ให้คีย์บอร์ดเฉียงขึ้นมาก็ได้
ปุ่มคีย์บอร์ดให้สัมผัสตอนพิมพ์แข็งกว่าคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กทั่วไปเล็กน้อย ให้สัมผัสที่ดีและมั่นคงไม่ยวบ ซึ่งผู้ใช้ที่พิมพ์งานบ่อย ๆ น่าจะชอบคีย์บอร์ดนี้ ส่วนไฟบนปุ่มคีย์บอร์ดสว่างช่วยให้ผู้ใช้พิมพ์งานในที่มืดสะดวกขึ้นจริงและปรับระดับความสว่างได้หลายระดับ โดยกดปุ่มฟังก์ชั่น (Fn) ค้างแล้วกดที่ปุ่ม F7 เพื่อปรับให้เข้ากับการใช้งาน
ทัชแพดเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า, ตอบสนองเร็วและรองรับการใช้ gesture ติดว่าแนวตั้งของทัชแพดจะเตี้ยไปหน่อย ถ้าสูงกว่านี้สักหน่อยจะดีมาก
ปากกา Surface Pen ดีไซน์ทรงกลมสีทูโทน ตั้งแต่หัวปากกาลงมาจะเป็นโลหะสะท้อนแสง เว้นส่วนท้ายด้ามจะหุ้มด้วยพลาสติกสีเข้มและมีปุ่มคล้ายยางลบดินสอ ใช้รูดตามจุดที่ใช้ Surface Pen เขียนจะกลายเป็นการลบส่วนนั้นทิ้งไป
การตอบสนองตอนใช้งานของ Surface Pen ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ดินสอเขียนลงกระดาษจริง ตอนจรดปลายปากกาแล้วจุดที่เกิดบนหน้าจอกับปลายปากกาตรงกัน จากการใช้งานจริงรู้สึกว่าหน้าจอค่อนข้างลื่นและติดรอยนิ้วมือง่าย อย่างไรผู้เขียนขอแนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยแบบด้านน่าจะให้สัมผัสตอนเขียนดีกว่านี้
ถ้าเทียบกันระหว่าง Surface Pen กับ Apple Pencil แล้ว ถือว่าเป็นสไตลัสที่ดีทั้งคู่ แค่มีจุดเด่นคนละแบบ ถ้าเป็น Apple Pencil สามารถเขียนเส้นหนักเบาและแรเงาได้เหมือนดินสอจริง ดูเหมาะกับการใช้งานด้านศิลปะ ส่วน Surface Pen จะมีแค่ฟีเจอร์ขีดเส้นหนักเบา และแทนด้วยยางลบท้ายปากกาเอาไว้ลบส่วนที่เขียนผิดแทน ซึ่งสะดวกกว่า Apple Pencil และเน้นไปทางการทำงานมากกว่า
ส่วนปุ่มที่ตัวด้ามของ Surface Pen ต้องกดค้างแล้วแตะที่หน้าจอจะเป็นการคลิกเม้าส์ขวา
แบตเตอรีของ Microsoft Surface Pro 7 หากอิงจากสรุปรีวิวที่ทาง Blognone เคยทำไว้ แบตเตอรีของ Surface Pro 7 จะอยู่นานสุดแค่ 8 ชั่วโมง น้อยกว่า Surface Pro 6 ที่อยู่ถึง 15 ชั่วโมง
จากการทดลองใช้งาน ผู้เขียนเปิดความสว่างหน้าจอไว้ราว 60% แล้วใช้ทำงานตามปกติ เปิดดู YouTube บ้าง Surface Pro 7 จะใช้งานได้ราว 6 ชั่วโมง พอเปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงานแล้วใช้ความสว่าง 50% ไม่ดู YouTube ถึงจะอยู่ถึง 8 ชั่วโมงตามที่เคยทำสรุปรีวิวไว้ ถ้าเป็นเช่นนี้ถือว่า Microsoft ควรใส่ใจเรื่องแบตเตอรีของ Surface Pro รุ่นใหม่ให้มากขึ้น
Microsoft Arc Mouse เป็นเม้าส์ดีไซน์เรียบง่ายใช้งานดีวัสดุเป็นพลาสติกกึ่งยางให้ความหนึบมือตอนใช้ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ใช้แบตเตอรี AAA สองก้อน
เวลาจะใช้งานให้พับตรงกลางเม้าส์จนโค้งแบบในภาพข้างล่างจะเป็นการเปิดสวิตช์เม้าส์แล้วกดกลับไปให้แบนตามเดิมจะปิดสวิตช์ ตอนใช้งานส่วนท้ายเม้าส์จะโค้งขึ้นมารับอุ้งมือพอดี ถึงดีไซน์ถึงจะแปลกตาไปบ้างกลับจับดีกว่าที่คิด พอพับให้แบนแล้วพกพาสะดวกไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า
สังเกตจะเห็นว่าตรงกลางเม้าส์จะมีส่วนต่อคล้ายเส้นเพื่อแบ่งระหว่างตัวเม้าส์ที่ผู้ใช้จับกับส่วนที่เป็นปุ่มคลิกซ้ายขวา โดยแป้นนี้มีแค่ฟังก์ชั่นรูดขึ้นลงเป็นลูกกลิ้ง (Scroll wheel) ของเม้าส์เท่านั้น
ข้อดีของ Surface Pro 7 คือน้ำหนักเบาและพกพาง่าย สำหรับตัวเครื่องกับอุปกรณ์เสริมจะหนักราว 1 กิโลกรัม ถ้าพกอะแดปเตอร์ไปด้วยอยู่ราว 1.3 กิโลกรัม จัดว่าไม่หนักนัก จะใส่กระเป๋าเป้หรือกระเป๋าผ้าก็สะดวก ตอนเก็บใส่กระเป๋าควรเก็บ Surface Pen แยกไว้กันหลุดจากตัวเครื่องจะดีกว่า
การถือเครื่อง Surface Pro 7 จัดว่าค่อนข้างหนักกว่าแท็บเล็ตเครื่องอื่นเลยทำให้ถือมือเดียวไม่สะดวก ถึงผู้เขียนเป็นคนมือใหญ่พอควรยังต้องถือสองมือ เทียบแล้วถือยากกว่า iPad 9.7” ดังนั้นถ้าใครจะถือ Surface เพื่ออ่านข่าวหรือ eBook ระหว่างเดินทางควรหาที่นั่งอ่านดีกว่า
ส่วนของการใช้งานเป็นแท็บเล็ต การเปลี่ยนการแสดงผลหน้าจอเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนของ Surface Pro 7 ถือว่าไม่ลื่นเท่าไหร่ ตอนจับเครื่องสลับเป็นแนวตั้งและนอน Desktop จะถอยซูมชั่วขณะก่อนกลับเป็นแนวตั้ง ไม่ราบรื่นแบบ iPad
การถือใช้งานทั้ง Type Cover ไม่สะดวกเท่าไหร่ เพราะพับให้ตัวแป้นพิมพ์ซ่อนแบบ Smart Keyboard Cover ของ iPad ไม่ได้ เวลาถือแบบไม่ถอด Type Cover แล้วมือมักกดโดนส่วนที่เป็นแป้นพิมพ์อยู่บ่อย ๆ ซึ่งสัมผัสตอนกดปุ่มก็อาจทำให้ลื่นในบางครั้งหรือกลัวว่ากดไปแล้วจะทำให้ปุ่มที่ถูกโดนกดค้างไว้นาน ๆ เสื่อมได้ เลยต้องคอยถอดแป้นพิมพ์ออกบ่อย ๆ ดังนั้นในโหมดแท็บเล็ต ผู้เขียนแนะนำให้ถอด Type Cover ออกก่อนจะดีที่สุด
ส่วนขาตั้งถือว่ามีประโยชน์มาก ช่วยให้ตั้ง Surface Pro 7 ได้โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมแบบที่ iPad ต้องมี Smart Keyboard Cover เวลาใช้งานสามารถกางออกแล้ววางไว้บนโต๊ะเพื่อใช้งานหรือบนหน้าตักตอนนั่งรถประจำทางเพื่อดูหนังก็สะดวกและไม่ต้องถือเครื่องไว้
กล้องหลังของ Surface Pro 7 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใช้แอป Camera ในเครื่องถ่ายภาพ ความละเอียด 3,264 x 1,836 พิกเซล ขนาดไฟล์อยู่ราว 2 MB แต่เมื่อทดลองถ่ายแล้วภาพไม่สวยนักและภาพค่อนข้างมืดอีกด้วย
ผู้เขียนคิดว่ากล้องหลังของ Surface Pro 7 นั้นเป็นกล้องที่เหมาะจะใช้ถ่ายภาพประกอบการทำงานหรือเข้าฟังเล็คเชอร์มากกว่า จากที่ทดลองถ่ายภาพที่เป็นตัวอักษรหรือป้ายแล้วภาพชัด สามารถนำมาใช้งานได้และใช้ Surface Pen เขียนสิ่งที่ต้องการเอาไว้ในภาพได้ทันที
Microsoft Surface Pro 7 ถือเป็นแท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานออฟฟิศและเซลส์ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่พกง่ายแบบแท็บเล็ตไว้ใช้งาน มีระบบปฏิบัติการ Windows 10 ติดตั้งไว้ใช้งานกับโปรแกรมที่คุ้นเคยได้ ด้วยน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม ที่รวมอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วถือว่าไม่หนักจนเป็นภาระกับผู้ใช้ด้วย
ฟีเจอร์ที่ Surface Pro 7 นั้นดูเน้นที่คนทำงานออฟฟิศและเอกสารเป็นหลัก แต่คนที่ใช้งานด้านศิลปะก็อาจต่ออุปกรณ์เสริมผ่านพอร์ต USB-A หรือใช้ตัวแปลงเชื่อมต่อกับ USB-C แล้วใช้อุปกรณ์เสริมเช่นชุดปากกา Wacom เพิ่มก็ดีเช่นกัน
โหมดแท็บเล็ตของ Surface Pro 7 ก็ใช้งานได้ดีไม่แพ้กับแท็บเล็ตรุ่นอื่น แม้จะไม่ประทับใจที่เรื่องของคีย์บอร์ดที่ต้องถอดแยกและน้ำหนักเยอะจนต้องใช้สองมือก็ตาม แต่ขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่และแข็งแรง ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่คุ้นเคยก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวหรือทำความเข้าใจมาก
ส่วนแบตเตอรียังเป็นจุดอ่อนหนึ่งที่ควรใส่ใจเช่นเดิมเมื่อต้องการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ขอแนะนำให้เตรียมอะแดปเตอร์หรือสาย USB-C กับปลั๊กที่เป็น Power Delivery ติดตัวไว้จะช่วยได้มาก
Comments
ตอนนี้ยังไงตัวนี้ก็น่าซื้อกว่า Surface pro X แน่ๆ
มันน่าซื้อในทุกๆด้านเลยครับ แต่เสียอย่างเดียว เขาไม่อยากขาย อยากเน้นแค่โชว์เล่นๆ
ขอนอกเรื่องนิดนะครับ NB Dell Latitude ของบริษัทผม มีรุ่นนึงพอไม่อยู่หน้าจอ มันปิดพักจอเอง พอหันมามองมันก็ขึ้น แต่ติดล็อคจอ มันคือ Function อะไรครับ? ผมหาที่ปิดไม่เจอ มันเป็นของ NB เองหรือ Windows?
เป็นฟีเจอร์ของ Dell ครับ ชื่อ ExpressSign-in ลองดูในรีวิวนี้ได้ครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ยังหารุ่น RAM 16G ไม่ได้เลย ดันชะล่าใจไม่ preorder
รอรุ่น Ram 16 GB เหมือนกันครับ เห็นช่วง Pre-order ในเว็บสเปกรุ่นกลาง - สูง มีแต่สีดำ
แล้วโปรคือแถมคีย์บอร์ดซึ่งผมมีของเก่าที่ใช้ได้อยู่แล้ว เลยรอๆ ไปก่อน
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
อ้าว ด้ามเป็นโลหะมาเกือบทุกรุ่นเดี๋ยวนี้กลายเป็นพลาสติกแล้วเหรอครับ??
Surface Pen แรเงาได้นะครับถ้าแอปรองรับ มีข้อมูลทั้งหนัก-เบาและองศาปากกากับหน้าจอแล้ว ผมเคยใช้แอปที่รองรับแรเงาอยู่ อย่างของวินโดวส์เองถ้าผมจำไม่ผิดปรับเป็นดินสอแล้วจะแรเงาได้ครับ
หากไม่มีที่วาง Type Cover หลังถอด เราจะใช้การถอด Type Cover มาแล้วใส่กลับด้านครับ ปุ่มคีย์บอร์ดก็จะไปอยู่กับด้านหลัง Surface ส่วนด้านที่เอามือจับก็จะไม่มีปุ่มคีย์บอร์ดแล้ว
?จากผู้ใช้ตัวจริง
ສະບາຍດີ :)
ผมใส่กลับด้านเหมือนกัน ถ้าถือแบบไม่ถอดแล้วพับกลับหลังแบบตามที่เห็นบ่อยๆ ใช้ไปนาน ๆ ตรงจุดพับมันปริเห็นถึงไส้ในเลย(สมัย 1-3) แต่ก็เคลมได้นะ แค่เสียเวลา
เรื่องระบายความร้อนนี่ผมใช้วิธี undervolt เอาตั้งแต่สมัย pro 4 พอขยับมา book 2(i7 + nvidia) เปิดใช้เฉย ๆ temp ยังวิงไป 70-80 สูบแบตนรก สรุปก็ยังต้อง undervolt อยู่ (temp เหลือ 45) ตัว 7 นี่ใช้งานจริงอยากรู้เหมือนกันร้อนขนาดไหน
*** กดผิด **
ล็อค => ล็อก
แบตเตอรี => แบตเตอรี่
เม้าส์ => เมาส์
ใบหนา => ใบหน้า
เบราเซอร์ => เบราว์เซอร์ (มี ว์)
หนาจอ => หน้าจอ
ควรใส่ในเรื่อง ?
ราบลื่น => ราบรื่น
สำหรับผมยังคงมองอุปกรณ์ชนิดนี้ว่าเป็น Tablet ที่มีอุปกรณ์เสริมเป็น Cover พ่วงคีย์บอร์ด ตามคอนเซ็ปต้นกำเนิดมัน ไม่มองว่าเป็น Laptop ถอดคีย์บอร์ดได้ ถึงแม้ว่าแอพทัชสกรีนดีๆมันมีน้อยเต็มทีก็ตาม
ผมเคยเอาปากกาวางไว้ข้างจอแบบนั้น แล้วก็เดินไปร้านกาแฟ ระหว่างทางปัดไปโดนปากกาตกพื้นแล้วโดนรถเหยียบซ้ำ
ถึงปากกาจะยังใช้ได้แต่ผมคิดว่าหาที่ใส่ดี ๆ จะดีกว่าใช้แม่เหล็กบนปากกาครับ 555
มี 2 คำถาม
1.ยังมีปัญหาเรื่องการระบายความร้อนสำหรับตัวสเปคสูงๆ อยู่หรือเปล่า?
2.ยังมีอาการหน้าจอเบิร์นอยู่หรือเปล่า?
ส่วนตัวรู้สึกเข็ดขยาดตั้งแต่ Surface Pro 4 แล้วครับ เคื่องมาก! รับประกันแค่ปีเดียว เคลมตลอดจนถึงวันหมดประกัน และกว่าไมโครซอฟท์จะออกมายอมรับว่า หน้าจอ Surface Pro 4 มีปัญหา เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 3 เรียกว่า ไม่อยู่ในข่ายที่เคลมได้ สุดท้ายกลายเป็นที่ทับกระดาษราคาแพงในที่สุด ส่วนตัวผมคิดว่า คอมพิวเตอร์ในร่างแท็บเล็ตไม่น่าประสบความสำเร็จจริงครับ
เทียบกับ Miix 520 จะเป็นไงหว่า
เฮอๆๆๆ ในรูปนั่นมัน The Paseo กาญจนาภิเษก สินะครับ
จากประสบการณ์ซื้อรุ่น surface pro 3 มาลองใช้ (มือสอง) สรุปว่าแบบ 2 in 1 ไม่เหมาะกับผมเท่าไร CPU 15W ไม่แรงพอ ปากกาแรกๆ เห่อมาก หลังๆ แทบไม่ใช้แต่ยังใช้หัดเขียนภาษาญี่ปุ่นได้ จะใช้โหมดแท็บเล็ตก็หนักไป ส่วนตัวขอแบบโน้ตบุ๊กแรงๆ ใช้ซีพียู 45W + ไอแพดดีกว่า (ตอนนี้ใช้ lenovo ideapad 700+ipad 2017) ส่วน surface ใช้เล่นเน็ท เกมเบาๆ โหลดบิท ดูหนังฟังเพลงบ้าง แต่ผมชอบทัชแพด type cover นะ ใช้งานดี (ซื้อของ pro 4 มาใช้)
เสริม
- แบตบวมกาวหลุดไปละ
- Type Cover เริ่มคลิกไม่ติดต้องมากดกลางๆหน่อย + ใช้กาวช้างซีลตรงที่ยุ่ยๆ
จริงมันแค่หวือหวาช่วงแรกๆ อยาางเราใช้ตั้งแต่ pro 1 ปากกายังเป็นแบบเดียวกับ s-pen ของซัมซุง
ใช้มาซักระยะ ปัญหาเยอะ เริ่มเกลียดมันและ จนใช้ไม่ได้ นี่เกลียดหนักเลย
ผมซื้อ Book 2 มาใช้ตอนแรกๆ และเลิกใช้ใน 1 เดือน เพราะมันไม่เสถียรเลย เช่น Sleep แล้วกดเปิด จอดันไม่ติด แต่ CPU ทำงาน ทำให้แบตหมด ถอด Keyboard แล้วเสียบ มัน Detect ไม่เจอ
เลยยกให้แฟนใช้แล้ว ตอนหลังเห็นว่ามี Driver ใหม่ๆ อัพเดท ทำให้ปัญหาไม่ค่อยมี
ใช้อยู่ครับ ไม่ประทับใจแบตเตอรี่เลย หมดเร็วมาก
น่าเสียดายจริงๆ รู้สึกว่า Surface Pro X แบตก็ไม่ได้อึดอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนกัน ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับ