ประเทศจีนมีการใช้งานระบบสแกนใบหน้าตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าใช้มือถือ การสแกนใบหน้าชำระเงิน, สแกนใบหน้าเข้าที่พักอาศัย
ชาวเน็ตจีนโพสต์บ่นใน Weibo กันว่า ตั้งแต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกวันก็เข้าใช้งานมือถือได้ยาก, Face ID ไม่มีประโยชน์เลยในเวลานี้ แต่ก็มีผู้ใช้งานหลายคนแนะนำให้สแกนนิ้วแทน
การสแกนใบหน้าสำคัญกับการดำรงชีวิตประจำวันชาวจีนมากกว่าประเทศอื่นๆ สนามบิน 200 แห่งทั่วประเทศจีน ติดตั้งระบบสแกนใบหน้า, แม้แต่การสั่งอาหาร การเข้าห้องน้ำก็ใช้ด้วย โดยในห้องน้ำที่จีนติดตั้งสแกนใบหน้าไว้เพราะป้องกันคนดึงทิชชู่เช็ดมือออกมาใช้มากเกินไป
ภาครัฐเองก็ใช้ระบบจดจำใบหน้า เดือนธันวาคมที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกกฎหมายใหม่ซึ่งบังคับให้ทุกคนที่ลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือใหม่ได้รับการสแกนใบหน้าเพื่อปกป้อง "สิทธิตามกฎหมายและผลประโยชน์ของประชาชนในไซเบอร์สเปซ" ในบางโรงเรียนยังใช้ระบบจดจำใบหน้าควบคุมและประเมินพฤติกรรมนักเรียนด้วย
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - QUARTZ
Comments
เทคโนโลยีประเทศจีนละเมิดความเปนส่วนตัวจนมาถึงในจุดที่เป็นสิ่งจำเป็นจนขาดไม่ได้เสียแล้ว ขณะที่ทางฝั่งยุโรปอเมริกาออกกฏห้ามติดตามตัวตน ลบข้อมูลส่วนบุคคล แจ้งเตือนถ้าเก็บข้อมุล อะไรมากมาย ส่วนเราประเทศผู้ใช้เทคโนโลยีก็เลือกเอาละกันว่าชอบแบบไหน
เทคโนโลยีจีนที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวไม่ใช่ทำสิ่งจำเป็น
และสิ่งที่จำเป็นสามารถทำได้โดยไม่ต้องละเมิดข้อมูลส่วนตัว
อาชญากร: Yes ?
ถ้าพูดอย่างนั้น กล้องหน้ารถก็ไม่ควรติดด้วยแหละ
ในยุโรปติดกล้องหน้ารถกันหมดแต่ใช้ในกรณีมีคดีความเท่านั้น แต่ถ้าเอาไปเผยแพร่ เช่นโพสต์ขึ้นโซเชียลเมื่อไหร่ ต้องลบหรือเบลอใบหน้า ทะเบียน และอะไรก็ตามที่ระบุตัวตนของคนอื่นทั้งหมดครับ มีหลายคดีที่คนทำผิดฟ้องกลับคนโพสต์กรณีนี้และชนะทุกครั้งด้วย กฎหมายความเป็นส่วนตัวของเขาแรงมากๆ
ในจีน นี้ เห็น ดารา ไปถ่ายรุปตาม ที่สาธารณะ นี้ ติดหน้า คนอื่นมา ก็ เบลอหน้าหมดเลยนะ ในไทย ติด มา ก้ปล่อย ผ่าน
ช้ำใจเรื่อง Face ID เช่นกัน Fingerprint Sensor ก็ดันเอาออกไปแล้วด้วย แอปเปิลคงไม่ทันคิดเรื่องโรคระบาด
ผมชอบสแกนนิ้วมากกว่าซะอีก แต่ก็ดี ทำให้แอปเปิ้ลมัแนวโน้มกลับมาใช้สแกนนิ้วอีกครั้ง
ใครจะคาดคิดว่าจะมี outbreak ขนาดใส่หน้ากากกันทั่วเมือง
เดากันว่าจะพัฒนาไปทางไหนต่อ
-กลับไปใช้ QRCode, NFC
-กลับไปใช้สแกนนิ้ว
-พัฒนาสแกนม่านตาในระยะไกลขึ้น
-ฝัง RFID ที่มือแบบยุโรป
..ดูเหมือนสแกนม่านตาจะดีสุดในกรณีโรคระบาด แต่น่าจะพัฒนายากสุด ?
ผมว่าสแกนม่านตานี่มันยากในเชิงเทคนิคนะครับ คุณจะใช้อะไรสแกนม่านตาได้จากระยะห่างกับมุมองศาที่คนปกติใช้งานโทรศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแค่ขนตาและเงาสะท้อนบนกระจกตาหรือคอนแทค/แว่น(สำหรับคนที่ใช้) ก็มีปัญหามากๆต่อการสแกนแล้ว เครื่องสแกนจึงมักต้องมีการใช้งานในระยะที่ใกล้ระดับนึงและอยู่ในองศาที่ถูกต้อง ตัวอย่างการสแกนม่านตาที่ล้มเหลวก็คือ S8 นั่นไง
แสกนนิ้วใต้จอน่าจะสะดวกสุดแล้ว
ถ้าถึงขนาดต้องใส่ทั้งหน้ากาก และถุงมือ ก็ password เหอะ
เช้ด -> เช็ด
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
สแกนนิ้วก็ไม่สะดวกเวลาอากาศหนาวมากๆ แล้วต้องใส่ถุงมืออีก