ข่าวนี้คงเป็นข่าวร้ายสำหรับหลายๆ คนครับ เมื่อ Sheri McLeish จากบริษัทวิจัย Forrester Research ได้ทำการวิจัยถึงเบราว์เซอร์ที่ใช้กันส่วนใหญ่ในระดับองค์กร ผลปรากฎออกมาดังนี้
โดยในรายงานได้กล่าวไว้ถึงสาเหตุของบริษัทส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ใช้เบราว์เซอร์ใหม่ๆ ว่าเนื่องมาจากความกังวลว่าจะใช้งานกับเว็บแอพพลิเคชั่นของตนไม่ได้ และกังวลเกี่ยวกับด้านความปลอดภัย นอกจากนี้แล้วบริษัทส่วนใหญ่จะจำกัดสิทธิการอัพเกรดเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ รวมถึงกว่า 70% ของบริษัทนั้นจำกัดยี่ห้อเบราว์เซอร์รวมถึงเนื้อหาอีกด้วย
อย่างไรก็ดี McLeish ยังได้กล่าวว่า ความสามารถใหม่ๆ เช่นแท็บ, ส่วนเสริมต่างๆ รวมไปถึงการค้นหาสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็วในเบราเซอร์สมัยใหม่นั้นช่วยลดเวลาและน่าจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว
ที่มา: CNET News
Comments
ความคิดผมว่า
ที่ IE ผู้ใช้เยอะเพราะติดตั้งมากับ OS พนักงานทุกๆบริษัทมีความคุ้นเคยที่จะใช้ IE
ทำงานทำสะดวกรู้ว่าตรงนี่ส่วนนี่อยู่ตรงไหนคุ้นหน้าคุ้นตา ทางบริษัทจึงไม่เปลี่ยน
ไม่ก็อีกอย่าง ขี้เกลียดเปลี่ยน อิอิ
http://www.ol3omlo.us
กังวลเกี่ยวกับด้านความปลอดภัย <--แผนกไอทีของบริษัทกรุณาไปชี้แนะด่วน อ้างไม่ขึ้นเลยข้ออ้างนี้
หมาไฟ
หมาไฟ
นั้นสิ สงสัยเขาจะอ่านแต่ข่าวนี้กระมัง IE8 สุดยอดเบราว์เซอร์กรองมัลแวร์ บวกกับช่วงนี้ Firefox มันเป็นโรคความจำสั่นน่ะ ผมว่า IE น่ะใช้ไปเถอะครับ แต่ขอให้เป็น IE ที่สูงกว่า IE6 น่ะ
ปล.เห็นข่าวแนวนี้ที่ไหร ก็นึกถึงสองบทความนี้ทุกที่
ผมมีสิทธิ์แค่ไหน ที่จะห้ามไม่ให้คุณใช้ IE และ
คนใช้ IE 6 ไม่ผิด
<mOkin>
ตรู่ว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา เขาไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ
สามประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย จงวางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย<mOkin/>
คงหมายถึง กลัวความปลอดภัยของซอฟท์แวร์โอเพนซอร์ส
LongSpine.com
ผมเชื่อว่ากลัวว่า ActiveX ตัวเก่าจะรันไม่ได้บนเวอร์ชันใหม่ เลยไม่อัพเกรด ฟันธง
+1 ActiveX
iPAtS
iPAtS
อยากรู้ของเฉพาะเมืองไทยจังเลยอ่ะครับ (บริษัทผม มีผมกับนายสองคนมั้ง ที่ใช้ Firefox นอกนั้นอีก 15xx คน IE6 หมด)
Form บางตัวบน ASP ของ Intranet บริษัทผม ก็ใช้บน FF ไม่ได้ ต้อง IE ลูกเดียว ต้องมาใช้ IE Tab เสียเวลาชะมัด
ยังใช้ IE6 เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย ?
สงสัยกลัวว่าความปลอดภัยจะสูงเกินไป
เอารูปมาฝาก:
อ่าว ไหนตอนนั้นมีข่าว FF ไม่ปลอดภัย :P
ว่าแต่ตามองค์กรเขาไม่ใช้ Opera กันเหรอ - -"
สถาปัตยกรรมแบบโคตรปิดของ Opera ผมว่ามันปลอดภัยกว่า Firefox เยอะเลยนะ
พออธิบายได้มั๊ยครับว่าหมายถึงอะไร ถ้าหากที่ปิดสุดๆ และปลอดภัยจริงๆ ผมว่า Chrome เหนือกว่านะ
เอ...ผมว่า Chrome ไม่เหนือกว่านะ เพราะมันใช้ WebKit นี่นา? เปิดซอร์สโล่งโจ้งเลย - -"
Chrome มันรันทุกอย่างใน sandbox ดังนั้น exploit ในตัวบราวเซอร์หรือในตัว WebKit จะไม่มีสิทธิ์ไปทำอันตรายต่อไฟล์บนเครื่องครับ (IE7+ กับ IE8 ก็เป็นแบบนี้)
คือตัวเบราเซอร์นั้นปิดทุกส่วนไงครับ ทั้งปิดซอร์ส ปิดส่วนขยาย ทำให้มีช่องทางโจมตีได้น่าจะยากกว่า
ทำไมถึงคิดว่าปิดซอสแล้วจะแฮคได้ยากกว่า?
แฮคเกอร์ส่วนใหญ่ไม่มานั่งอ่านซอสโค้ดเพื่อหาช่องโหว่ที่จะใช้แฮคหรอก
ผมคิดว่าการเปิดซอร์สทำให้โดนโจมตีง่ายกว่าตรงที่สามารถรู้ช่องโหว่ได้เร็วกว่าครับ
อีกอย่างคือส่วนขยายของ Firefox ที่สามารถเ็นข่องทางให้ถูกโจมตีได้ง่ายกว่าส่วนขยาย (ที่แทบไมไ่ด้เกี่ยวอะไรกับเบราเซอร์เลย) ของ Opera อย่าง Widget ครับ
ถ้าหากคุณบอกว่าโอเพ่นซอร์สทำให้เห็นช่องโหว่ได้ชัดและโจมตีได้ง่ายขึ้น นั่นก็เป็นไปได้ว่าปัญหาบางอย่างจะถูกแก้โดยผู้พบเห็นก่อนที่จะมีคน attack เหมือนกันนะครับ (แต่จะตัดสินใจ release เพื่อแก้ไขทันทีหรือเปล่านั้นเป็นเรื่อง release policy ของผู้พัฒนา)
ในทางกลับกันสำหรับซอฟท์แวร์ปิดซอร์สก็พูดได้เช่นกันครับ ว่ามันเหมือนโพรงกระต่ายที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง ถึงแม้การหาข้อบกพร่องจะเป็นไปได้ยากกว่า แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นหรือได้รับการแก้ไข เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไรและแก้ไขไปจริงหรือเปล่า[1]
เรื่อง addons นี่ผมมองว่าเป็นปัญหาจากการออกแบบเสียมากกว่าครับ ตัวของ Opera Widgets นี่เนื่องจากมันรันอยู่บน JavaScript ร่วมกันตัวบราวเซอร์เอง ยังไงมันก็ไม่ได้ทำให้ security risk น้อยลงไปเท่าไหร่ครับ ที่ไม่มี exploit โผล่มาให้เห็น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะต้องการ user interaction ในการรันครับ (ดังนั้นไปหาในตัวบราวเซอร์เอาดีกว่า)
[1] ตัวอย่างง่ายๆ ก็ firmware ของ Wii ที่แก้ Twilight Hack ด้วยการ blacklist ไฟล์ที่มีปัญหาซะ แฮคเกอร์ก็แค่ออกเวอร์ชั่นใหม่มาแล้วก็ใช้ได้ต่อ
โอเคครับ Opera ก็ไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าเบราเซอร์อื่นๆสักเท่าไหร่ อีกทั้ง Opera ไม่มีระบบ Auto Update (เพิ่งจะมีในเวอร์ชั่น 10 !) ทำให้รุ่นที่ออกมาแก้ข้อผิดพลาดอาจจะไม่ถึงมือผู้ใช้ ทำให้ช่องโหว่อยู่ได้นานกว่าเบราเซอร์ที่มี Auto Update อย่างเช่น Firefox หรือ Chrome ครับ
ไปๆมาๆชักรู้สึกว่า Opera ไม่มีอะไรดี เรนเดอร์ก็งั้นๆ คนอื่นก็ 100/100 กันแล้ว ฟีเจอร์ก็มีลอกไปเบราเซอร์อื่นผ่านส่วนขยาย ความปลอดภัยก็ไมไ่ด้ดีเด่นอะไร ความเร็วก็งั้นๆ (เท่าที่ใช้มา เบราเซอร์ที่บอกว่าเปิดเว็บได้เร็วนักเร็วหนา ไม่เห็นมันจะต่างกันตรงไหน - -" : แต่ต่างกันที่ตัวเบราเซอร์ทำงานได้เร็วหรือช้ากว่ากัน)
แต่สิ่งที่ Firefox ทำอย่าง Opera ไม่ได้คือการมีฟีเจอร์เท่า Opera แล้วยังทำงานลื่นไหลไปตลอดรอดฝั่ง :P (ใช้โอเปร่าเพราะตรงนี้แหละ ส่วนตัวผมใช้คอมไม่ค่อยสนเรื่องความปลอดภัย แล้วก็ไม่เคยจะเจออะไรที่มันอันตรายกับเครื่องเกินกว่าเวิร์มกระจอกๆ - -")
แต่ช่างมัน ยังไงผมก็ยังรัก Opera :D
Opera ที่เจ๋งกว่า FF เห็นจะแค่ กินแรมน้อย แล้วก็ตัวเล็กกว่า
Plug-in หลายๆตัวของ Opera ก็ยังต้องใช้ร่วมกับของ FF ไม่ก็ Netscape
ในสมัยที่ใช้ Opera ก็ยอมรับเลยครับว่ามัน Advance มาก ตัวเล็กกว่าทำงานไวกว่า
ปิด Flash ได้ โดยไม่ต้องลง Add-ons เสริม แต่ถ้าเครื่องมี Spec มากพอ
ผมกลับมองว่า More customizable อย่าง FF ดูจะดีกว่า Opera เยอะเลย
ยิ่ง Build in Email Client สมัยที่ผมใช้ (Opera 5) ยังไม่สามารถกำหนดสี หรือส่ง เมล์ เป็น html format ได้เลย (ไม่รู้ตอนนี้ทำได้ยังนะ) แต่ตอนนั้น Thunderbird ทำได้ และ เหนือกว่าคือ Gmail ก็ทำได้ ...
ส่วนเรื่องมี ฟีเจอร์มาก แล้วทำงานไหลลื่น ผมก็ไม่เห็นว่าจะลง Add-ons เพิ่มเติมแล้ว FF มันช้าลงเลย เครื่องผมก็เก่าๆครับ ไม่เทพอะไร ... ไม่เห็นความต่างนะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ตัดสินใจทิ้ง Opera ในตอนนั้นเพราะมันไม่ "ตัดคำไทย" ครับ ที่เหลือเหตุผลยอมรับได้
Email Client ก็รัน Gmail ใน Opera ไ้ด้ แถม ขนาด Opera ยังเล็กกว่า FF + Thunderbird รวมกันอีก (จริงม่ะ)
อย่างเดียวจริงๆที่ทิ้งมันคือ ไม่ตัดคำไทย ซึ่งไม่รู้จะแก้ยังไง
เครื่องผมกลับอืด - -"
เรื่องตัดคำไทย สามารถใช้ฟีเจอร์ Fit to Width ช่วยได้ครับ ผมเคยเขียนลงบล็อกไว้ แต่ตอนนี้มันอัพเดท DNS อยู่ ซึ่งผมใช้วิธีตั้ง Mouse Gesture เพื่อ เปิด/ปิด การใช้งาน Fit to Width เอาครับ
เดี๋ยว DNS อัพเดทแล้วลองเข้าไปดูในบล็อกผมนะครับ
ถ้าเปรียบเทียบว่าซอร์สปิดเป็น black box ส่วนซอร์สเปิดเป็น white box มันเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วที่ white box จะถูกเจาะง่ายกว่า หรืออย่างน้อย black box ก็ถูกเจาะได้ไม่ง่ายไปกว่า white box
ส่วนด้านการออกแพทช์มาอุดนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาว่ามีความกระตือรือล้นแค่ไหน เรื่องนี้เลยน่าจะเป็นอีกประเด็นไม่เกี่ยวกับซอร์สเปิดหรือปิด (เช่น Opera นั้นซอร์สปิดและอัพเดทบ่อย)
ผมโดนแฮคหลายๆครั้งเป็นเพราะช่องโหว่ของโปรแกรมโอเพนซอร์สที่ผมตามอัพเดทไม่ทัน และผมว่าพวกนั้นก็อ่านโค้ดหรืออ่านสเป็คกันทุกคนนะ
LongSpine.com
ผมคิดว่าการที่มีผู้พัฒนาเพียงกลุ่มเดียวอย่างโอเปร่านั้นมันกลอดภัยกว่าการอนุญาติให้ผู้พัฒนากลุ่มอื่นออก plugin ที่ไฟร์ฟอกซ์ทำ
ถ้ามองในด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีผู้พัฒนามาก แต่ละคนมีทักษะที่แตกต่างกันไป การที่จะมีช่องโหว่บ้างนั้นไม่น่าจะแปลก
อีกเรื่องหนึ่งคือประสิทธิภาพ ผมมองว่าเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับความปลอดภัยของซอฟท์แวร์ เพราะผมคงไม่ต้องการให้งานที่ทำมาเป็นชั่วโมงต้องหายไปเมื่อบราวเซอร์ผมเจอ memory leak และจากที่ใช้งานมาไฟร์ฟอกซ์มีปัญหาเรื่องนี้มาก และมากขึ้นไปอีกเมื่อมีการลงปลั๊กอินเพิ่ม ซึ่งปัญหาพวกนี้น่าจะมาจากความหลากหลายของผู้พัฒนา
LongSpine.com
มีสัดส่วนของไทยบ้างไหมครับอยากรู้เหมือนกัน เพราะสัดส่วนของคนใช้ใน America คงไม่กระทบคนไทยเรา
http://itshee.exteen.com/ -- Can you upgrade Vista to XP Pro?
เป็นไปได้ครับ เพราะอะไรที่ยังใช้ได้ก็ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้)
ถ้าในไทย เอาง่ายๆ แค่เว็บธนาคารหลายแห่งก็เปิดได้แค่เฉพาะ IE แล้ว -*-
@iannnnn
ปัญหาคือ มันไม่ได้ออโต้อัพเดตเหมือนไฟร์ฟอกซ์ (ซึ่งแยกอิสระเฉพาะบราวเซอร์) ถ้าอัพเดตแล้ว ms จะส่งหน่วยสอดแนมหรือมนุษย์ต่างดาวมาทำอะไรในเครื่องไหมถ้าพบซอฟท์แวร์ละเมิด เช่น ใช้โปรแกรมในเครื่องไม่ได้เลยจนกว่าจะ activate
และเมื่ออัพเดตแล้วมีปัญหากับเวบที่เข้า มีอยู่เครื่องหนึ่งที่บริษัท ใช้ ie6 เทียบกับ ie7 ทำไม ie7 ทำงานช้ากว่ามาก ระบบการเงินของกสิกรยังทำผ่าน ie อยู่เลย
การดาวน์โหลดโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ไม่ค่อยสะดวกต่อผู้ใช้ คือ ms ทำเป็นชอร์ตคัตให้ดาวน์โหลด เวลาติดตั้งมันต้องต่อเน็ตอีกที
สุดท้าย บริษัทเขารณรงค์ไปใช้โอเพ่นซอร์ส บอกตรงๆ ว่าได้รับเมล์ที่อ่านแล้วเกิดความกดดันอย่างมากจาก ms เช่น ช่วยตอบแบบสอบถามภายในวันที่ .... ให้ระบุ จำนวนเครื่อง รายการซอฟท์แวร์ที่ใช้ หมายเลขผลิตภัณฑ์ของแต่ละเครื่อง ปัญหาที่เกิดตรงหมายเลขผลิตภัณฑ์นี่แหละ โปรแกรม 1 ตัวมี 4-5 ชุดๆ ละ 4 ตัวอักษร เอาแค่ windows, office นี่ก็อ้วกแตกแล้วจดผิดจดถูก เครื่องมีเป็นร้อย (ซื้อแบบ oem และเถื่อนแบบ oem) สงสัยมันคิดว่าง่ายมั๊ง server ใช้ลีนุกซ์แล้วมันติดตั้งโปรแกรมที่เช็คผ่าน server ไม่ได้ ต้องทำทีละเครื่อง ไหนจะงานประจำอีก
รู้สึกว่าถ้าตัวแม่เป็น Windows Server มันจะมีระบบจ่ายไลเซนส์ให้เคืร่องลูกอยู่
มันไปฉกมาจากตรงนั้นไมไ่ด้เหรอครับ ?
เป็น Linux ครับ นี่แหละที่ทำให้ต้องไปติดตั้งตามเครื่องลูกที่มีเกือบร้อยเครื่อง
แต่ถ้าจะเปลี่ยน Server เป็น Windows OS ก็ต้องลงทุนอีกไม่ต่ำกว่าแสน
คำว่าช่วยตอบแบบสอบถามเนี่น จริงๆแล้วถ้าเรามีสิทธิ์ถูกต้องทุกอย่างก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นี่ครับ ไมโครซอฟท์ไม่ใช่พ่อ - -"
ความเชื่อของคนโบราณ
ที่บริษัทไม่สามารถ upgrade จาก ie6 ไปเป็นอย่างอื่นได้ เพราะมีระบบเก่าๆ ที่เขียนด้วย asp ซึ่งไม่มีใครมีเวลาพอที่จะ test ว่าใช้กับ browser ใหม่ๆเช่น ie8 หรือ firefox3 ได้หรือไม่ = ="
End your suck life, end microSuck.
+100
Life is crucial!!
น่าจะเป็น life is cruel มากกว่ารึเปล่า?
เอ๋ ตัว browser มันเกี่ยวอะไรยังไงกับ asp ซึ่งเป็น server side script ครับ?
น่าจะเป็นพวก ASP.NET ที่เพจเขียนด้วย VB Form รึเปล่าครับ?
Web App ของบริษัทผมก็เป็นแบบนี้ล่ะ เขียนด้วย VB เอาไปเปิดกับเบราเซอร์ตัวอื่นไม่ได้เลยล่ะ
การทำธุรกรรมต่างๆบริษัทคงห่วงเรื่องนี้ล่ะมั๊ง
กลัวอัพแล้วมันไม่เวิร์ค เสียหายไปจะเสียชื่อเอา
แถมในเมื่อเค้าคิดว่าของเก่ายังใช้ได้ ไม่ต้องเสี่ยงจะอัพไปทำไม
เท่าที่เคยพบมา บางที่เจอปัญหาว่าผู้นำเสนอไม่สามารถบอกได้ชัดๆว่าของใหม่ดีกว่าอย่างไร มีข้อเสียอย่างไรและข้อเสียนั้นจะสร้างปัญหารึเปล่า
LongSpine.com
ไม่ใช่ว่ากลัวเรื่องความปลอดภัย แต่ ไม่เก็ตกัน ว่ามันดียังงัย ทำไมต้องอัปเกรด
"อัพเกรดทำไม(ขี้เกียจ 1) ของเก่าใช้ได้ดีอยู่แล้ว(ขี้เกียจ 2)" (oops!!)
IE6 มาพร้อม xp license
ก็เลยไปอยู่ในบริษัท หรือแม้แต่ xp license edu ก็ด้วย
TAXZe.com|[T]echnology [A]dvise [X]-Ray [Z]ero [E]ffect
ต้องตั้งกลุ่ม Hacker เฉพาะกิจที่ Hack ทุกองค์กรที่ใช้ IE6 เพื่อแสดงช่องโหว่ของความปลอดภัย IE6 .... ถ้า Hack ได้ 30000 กว่าบริษัทในไทย ยักยอกเงินไปหลายล้านล้านบาท ... แค่นี้ก้น่าจะเป็นเหตุผลพอที่จะทำให้เค้าเปลี่ยน Browser แล้วมั้งครับ
จากนั้นก็ค่อย Hack ตามบ้านคน ... เอารุปที่เค้าถ่ายเล่นไปประนามบนเว็บบอร์ด หรือเอาไฟล์สำคัญไปแก้ใข .... นั่ง Hack กันวันละ 1000 คน ... หนึ่งปีก็ได้ 365000 คนแล้วครับ ... ถ้า Hack ไปอีก สามสี่ปี ปล่อยไวรัสทำลาย IE6 อีกไตรมาสละตัว ... แค่นี้ก็น่าจะทำให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้ IE7/8 Safari Firefox Opera Chrome หรืออื่นๆ แล้วครับ : )
บ้าไปแล้ว
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
:: Take minimum, Give Maximum ::
ครับ สวัสดีครับ - -"
ไม่เห็นยาก ให้ M$ ออกจดหมายแจ้ง ให้อัปเดท พร้อมบังคับ ถ้าไม่อัปเดทจะไม่สามารถเข้าใช้ website ของ M$ ได้อีกต่อไป
ไม่งั้นก็แจ้งเป็น critical update ไป และบังคับอัปเท่านั้น
แล้วบรรดาประชาชนก็จะด่าว่าไมโครซอฟท์ผูกขาด
เรื่องเงินมากกว่ามั้ง update เสียเวลาเสียงตังค์ องค์กรอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆก็ไม่เห็นเป็นอะไร
เรื่องงบค่อยว่ากันทีหลัง เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า ... ( อันนี้ผมเดาๆ คำพูดผู้บริหารนะ )
ออกไวรัสที่ทำลายเครื่องที่มี IE6 ก็ได้นี่ครับ เอาแบบลบ 100 Sector แรกของ HDD เลยไรงี้
ทำให้เสียหายแรงๆ ขยายเป็นวงกว้าง แบบที่บรรดาเวิร์มชื่อดังทั้งหลายมันทำได้ เดี๋ยวมันก็เป็นข่าวใหญ่
ออกมันอาทิตย์ละเวอร์ชั่นไปเลย
I need healing.
มาฝึกงานแล้วเห็นจริงๆเลยว่า IE6 เป็น standard ที่มากับโน้ตบุ๊คทุกเครื่องเลย - -"
Ammii*: [http://www.ammiiam.in.th]