เรารู้จัก BYD ในฐานะบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน แต่ล่าสุด BYD หันมาทุ่มกำลังผลิตหน้ากากอนามัยแทน โดยโรงงานผลิตหน้ากากของ BYD มีกำลังผลิตหน้ากาก 5 ล้านชิ้นต่อวัน และสารป้องกันการติดเชื้อ (disinfectant) 3 แสนขวดต่อวัน ถือเป็นโรงงานที่มีกำลังผลิตหน้ากากสูงที่สุดของโลก
BYD เริ่มปรับโรงงานของตัวเองในเซินเจิ้นเป็นโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม และเริ่มเดินสายการผลิตตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์
สิ่งที่น่าสนใจคือการปรับโรงงานและสายการผลิตของ BYD ทำได้เร็วมาก โดยใช้เวลาวิจัยและปรับสายการผลิตเป็นหน้ากากอนามัยได้ภายใน 7 วัน (จากปกติ 15-30 วัน) และใช้เวลาวิจัยน้ำยาล้างมือเกรดการแพทย์ภายใน 6 วัน เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เกิดจากทีมพิเศษ (special task force) ที่มีพนักงานกว่า 3 พันคนเข้าร่วม
BYD ยังเดินหน้าขยายสายการผลิตหน้ากากอนามัย โดยเพิ่มจำนวนเครื่องจักรได้วันละ 5-10 เครื่อง คิดเป็นปริมาณหน้ากากวันละ 3-5 แสนชิ้น
ที่มา - BYD
Comments
อ่านว่า bi ya di ครับ
ของไทย 10-11? โรงงานยังผลิตได้มากสุดแค่ 1.2-1.4ล้านชิ้นเอง
(ช่วงไหนวัตถุดิบนำเข้าไม่มาก็ยิ่งขาด)
บ้านเรา ซีพี จะทำโรงงานมาแจกหน้ากากฟรี
แต่ประชาชนออกมาด่า ว่าจะทำเพื่อหักภาษีล่ะสิ
กว่าโรงงานจะเสร็จ
- โรคระบาดหายหมด
- โรงงานเจ้าอื่นเจ๊งบ๊งเพราะไม่ได้เงิน
I need healing.
ผมว่าแกเล็งไว้แล้วว่าเครื่องจักรพวกนี้มันปรับไปทำอย่างอื่นได้ไม่ยากที่อื่นเขาทำกันเยอะแยะ ลงทุนมาก็ไม่ใช่ว่าจะผลิตแต่หน้ากากอย่างเดียวซักหน่อยใช้งานอย่างอื่นก็ได้
น่าจะเป็นการปรับเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วไปทำหน้ากาก โดยเฉพาะพวกเครื่องซีลแพคอาหาร น่าจะดัดแปลงผนึกขอบของหน้ากากใด้ไม่ยาก ... ต้นทุนชิ้นละ 50-60 ตัง ขาย 250 ตัง (2.50 บาท)
ดีไม่ดีที่บอกว่าแจก ... ซื้อของเซ้เว่น 40 บาท แจกหน้ากาก 1 อัน (ต้นทุน 50-60 ตัง) แทนแสตมป์ส่วนลด 1 บาท
... ปล. แต่ก็คงพับแผนไปแล้ว เพราะข่าวและซื่อคนกักตุนหน้ากาก ทั้ง สาธารณสุข และ อย. เลยมีแนวโน้มจะผ่านช้า ... ยังไม่ผ่านก็ขายไม่ใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่น่าทัน ชาวบ้านหาว่าแกโหนเฉยๆ
ปรกติของคนคิดต่าง แต่ความเป็นจริง ไม่ใช่แค่มีเงินก็จะทำได้ ต้องมีเครื่องจักรต้องมีวัตถุดิบซึ่งของพวกนี้กว่าจะทำกว่าจะผลิตเสร็จใช้เวลานาน
แน่นอนว่าช่วงนี้มีการเล่นการผลิตตั้งแต่วตถุดิบจนถึงเครื่องจักรแต่เราก็ไม่รู้จริงๆว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อที่จะเพียงพอต่อความต้องการสุดท้ายถ้าเรื่องจบลงคนซวยจริงๆก็จะเป็นผู้ผลิตหน้ากาก ต้องขายถูกช่วงเวลาที่ราคาขึ้น และพอช่วงเวลาที่ไม่มีคนต้องการก็มีผู้ผลิตมาแข่งขันอีกจำนวนมากถึงแม้รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยสมดุลมันก็เสียไปแล้ว แต่ตอนนี้ใครช่วยได้ก็ช่วยกันไปก่อน เน้นหันมาใช้นะกับข้าดีกว่าสำหรับคนที่ไม่ป่วย จะได้ไม่ไปสนับสนุนพวกหากินกับความทุกข์ยากของคนอื่น
นะกับข้า -> หน้ากากผ้า
เราคิดไปไกลกว่านั้นแฮะ เราว่าเขาไม่ได้คิดแค่เรื่องภาษีหรอก แต่เรื่องได้หน้านี่ใช่แน่ชาวบ้านก็จะคิดว่านี่แหละ CP คือเทวดามาช่วยชีวิต แต่เดี๋ยวทำไมตั้งนานไม่ทำละ ระดับข้อมูล CP โทรกริ้งเดียวก็รู้แล้วรึป่าวว่าควรตั้งโรงงานที่ไหน อย่างไร ทำไมถึงไม่ทำตั้งนานแล้ว ก็ช่องว่างการตลาดช่วงนั้นยังไม่มากพอไง พอรอบนี้สร้างเสร็จผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ โรงงานผลิตหน้ากากอื่นๆจะเป็นอย่างไร ต้นทุนจะสู้ CP ได้ไหม ถ้าสู้ไม่ได้ก็จะเหลืออยู่ไม่กี่เจ้า ก็ผูกขาดตลาดกันไปอีกหนึ่ง กินรวบตลาดอีกตามเคย
เค้าแค่เจอช่องทางการเป็นฮีโร่น่ะ คนบ้านเราเสพย์ติดความเป็นฮีโร่ ทำอะไรต้องมีฮีโร่มากอบกู้ ยึดถือตัวบุคคลกันสุดๆ ออกมากอบกู้เรื่องนี้ได้นี่คะแนนเพิ่มบานเลย แต่เหมือนจะช้าไปแฮะ
สงสารก็แต่ผู้ผลิตหน้ากากเดิม ช่วงวิกฤตก็ลำบากมากแล้ว ถ้าซีพีทำเองจริงนี่หลังวิกฤตคงจบเห่เลย
ผลิตหน้ากากอนามัยตอนนี้น่าจะกำไลดีกว่าผลิตรถไฟฟ้า
โรงงานเย็บบ้านเราปิดตัวไปเยอะแยะ น่าจะหันมาทำหน้ากากอนามัยแทนนะครับ
เห็นบ้านเราใช้งบรัฐฝึกสอนรายย่อยทำหน้ากากอนามัย งบสูงกว่าสร้างโรงงานสองเท่า แต่ไม่เห็นช่วยอะไรเลย