LINE เปิดฟีเจอร์ Explore มาตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยพยายามเปลี่ยนแอปแชตให้เป็นแอปสังคมออนไลน์ แต่ล่าสุดผู้ใช้หลายคนก็พบว่า LINE จะถือว่าการ Add บัญชีทางการทั้งหลายเป็นการ follow Timeline ไปพร้อมกัน และ LINE ก็เปิดเผยข้อมูลการติดตามนี้ให้คนอื่นเห็นได้ด้วย โดยผู้ใช้ต้องไปปิดเอาเอง
ทาง LINE เลือกที่จะแจ้งวิธีปิดข้อมูลนี้ผ่านทางหน้า timeline โดยตอนนี้หลายคนน่าจะเห็นเป็นโพสแรก
ฟีเจอร์ Timeline ของ LINE เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2012 ทำให้เราสามารถติดตามข่าวสารจากบัญชีทางการหรือบัญชีส่วนตัวได้ แม้หลายคนจะไม่ได้ใช้งานมากนักและมักติดตามบัญชีทางการทั้งหลายผ่านทางแชตมากกว่า แต่ฟีเจอร์ Timeline และแชตก็ผูกกันเรื่อยมา
ที่มา - LINE Today
Comments
5555555555555555 จากพาดหัวข่าวนี่ดูคุณลิ่วจะเก็บกดนะครับ ?
เก็บกดว่าหนักแล้ว น่าจะกำหมัดด้วยครับ ผมก็ได้แต่เฮ้อกับไลน์ด้วยคน
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เป็น title ที่ได้ใจเต็มๆ อธิบายความในใจมาได้ครบ
อัดอั้นจริงๆ แต่ตรงใจ
:)
อ่านข่าวแล้วก็ไปเปิด Timeline พึ่งเห็นว่ามันเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปเยอะ เพราะไม่ได้เข้าไปนานมาก
พาดหัวจี้ดจริงๆ ว่าแต่มันก็ปกตินะ ใครว่างอธิบายผมหน่อยมันไม่ดียังไง
ถ้าเราไปแอดไลน์ออฟฟิศเชียลที่ดูเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ มันจะมาโผล่อยู่ในนั้นครับ ฉะนั้นทำให้เพื่อนเรารู้หมดเลยว่าเราติดตามอะไรไปบ้าง
สมมุติ ปรกติคุณเข้าเว็บผ่าน Crxxxme , มันจะเก็บประวัติไว้ คุณรู้แค่คนเดียว
วันดีคือดี ทาง Gxxgle ก็เปิด ประวัติการเข้าชมเว็บของคุณ ให้คนทั่วไปรู้ (ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันก็ได้)
ทีนี้ เค้าก็รู้กันหมด คุณเป็นคนยังไง ชอบเข้าเว็บแนวไหน สั่งซื้อสินค้าจากเว็บนั้นๆมั้ย
ก็จะอารมณ์ประมาณนี้ครับ
ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ น่าจะแค่รู้ว่าเราไปกดไลค์เพจไหนในเฟซบุคมากกว่า ผมว่าก็เฉย ๆ นะไม่ได้รู้สึกอะไร
ไม่เฉยนะ เพจมันเป็นของสาธารณะ
แต่ LINE OA บางอันมันไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการค้นหาแบบเพจ และเราก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราแอด LINE OA ของอะไรไว้บ้าง
กลุ่ม พี่ๆผู้ชายแต่ละคนใน Group ไลน์บริษัท
ผมลองไปจิ้มดู โอ้โห ที่กด Add ไว้แต่ละ Line OA นี่แจ่มๆ ทั้งนั้น
บางคนก็ DooJimCarry อะไรทำนองนี้
บางคนก็ คลับลับ ฯลฯ
พิมพ์มากกว่านี้มันจะ NSFW ไปซะเปล่าๆ
ลองส่องของคนอื่นดูสิครับ บางคนเค้าติดตาม account เรื่องใต้ดินไว้เราก็เห็นไง ลองถ้าเป็นเราก็คงไม่อยากให้คนอื่นเห็นใช่ไหมครับ
ประเด็นไม่น่าใช่ "ก็แค่กดติดตามอะไร" มั้งครับ แต่มันคือ "ตอนแรกเก็บข้อมูลว่ากำลังติดตามอะไรให้เป็นความลับ แต่อยู่ดีๆ ก็ไปแจกจ่ายข้อมูลชุดนี้โดยไม่แจ้งกันก่อน" ซะอย่างนั้น
ไม่เกี่ยวกับข่าว แต่ผมอยากบ่น
1. ไม่ยอมทำระบบจัดเก็บข้อมูลแชต ปล่อยหน้าที่เป็นของผู้ใช้และ Google Drive ที่จะต้องมานั่งแบ็กอัปข้อมูลเอง
2. ไม่เก็บข้อมูลในแชตถาวร เช่น ไฟล์งาน ไฟล์รูป ถ้ากดโหลดไม่ทันคือหายไปเลย ลำบากมากกับมนุษย์เงียบที่เน้นรับงานจากเมล/แพลตฟอร์มอื่นๆ อย่างเดียว (เช่นกระผม)
3. ไม่สามารถใช้งานหนึ่งบัญชีหลายเครื่องได้ ลำบากมากถ้าพกหลายอุปกรณ์ (ต่อให้ใช้บนพีซี หรือ Chrome ก็ยังต้องกดยืนยันจากมือถือก่อน อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง)
4. ฟีเจอร์ล้น แต่ไม่สุดสักทาง แถมไม่จำเป็น
5. โคตรหนักเครื่อง (ไม่นับ Lite ที่ฟีเจอร์จำเป็นก็ง่อยไปด้วย)
6. โคตรไม่เคารพความเป็นส่วนตัว (ในมุมมองผม) ให้เบอร์โทรใครสักคนไปปุ๊บมีเพื่อนแอดเพิ่มเข้ามาทันที (ให้ใช้ไอดีแอดอย่างเดียวก็ไม่ได้ด้วย จะปิดคือปิดหมด เปิดเมื่อไรไหลเข้าทันที แค่จะให้เพื่อนแอดในเวลาเฉย ๆ นะ) บัญชีผมมัน nsfw นิดๆ ด้วยไง
7. (เสริม) ทำไมชอบมาติดต่องานในไลน์ด้วย (ฟะ)
ขอบคุณครับ อันนี้แหละที่ผมสงสัย
เพิ่มๆ
-> โฆษณา เยอะมาก เยอะเกินไปแล้ว
-> คุยงาน ผ่าน line ไม่ค่อยโอเคเลย ที่คุยกันหาย เนื้อหาก็ไม่ต่อเนื่อง แถมบางคนลากผ่านๆไม่ได้อ่านอีก [จริงบางอันก็เป็นนิสัยคนด้วยแหละ]
เสริมอีกอัน ชอบทำ user retention เพื่อให้ใช้พวก addons ของมันให้มากขึ้น ซึ่งน่ารำคาญมาก
แถมตอนนี้โฆษณาบุกที่โปรแกรมเดสก์ท็อปแล้ว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เสริมข้อ 6 ให้ ปัจจุบันทำได้นะ ปิดไม่ให้แอดอัตโนมัติด้วยเบอร์ มันอยู่ในหมวด Friends ไปติ๊ก Allow others to add me ออก
แต่ขอบ่นเพิ่มบ้าง เมนูไลน์นี่มันเละเทะของแท้ จะปิดไม่ให้คนแอดด้วยไอดีต้องเข้า Edit profile(แต่ที่ Privacy ก็มีเหมือนกัน) แต่พอจะปิดแอดเบอร์ต้องไปหาใน Friends ทำไมต้องอยู่คนละที่ มันควรจะอยู่แค่ที่ Privacy ที่เดียวมั้ย
บทความที่นี่ล่ะเคยลงตอนที่ไปถามวิศวกร เค้าบอกว่าไม่มีงบเรื่อง storage
ใช่ครับ
แต่การทำให้มีออฟชั่นเพื่อแบ็คอัพลง "storage ของเครื่องผู้ใช้ทั้งมือถือ ทั้ง PC"
ทำไมไม่ยอมทำต่อ (แต่ปัจจุบันเหลือแต่ข้อความ) และมันแบกต้นทุนใครตรงไหน
วิศวกรคงเอาเวลาไปทำฟีเจอร์ไร้สาระ จนลืมไปว่าตนโตมาจากแชท แต่ดันไม่มีออฟชั่นพื้นฐานที่สนับสนุนแชท
คงรอให้ What app โต ถึงจะตื่นสักที
อย่าว่าวิศวกรเลยครับ ฟีเจอร์พวกนี้ผู้บริหารกับทีมการตลาดเคาะกันมาทั้งนั้น ยิ่งพัฒนาระบบอะไรเลอะเทอะวุ่นวายแบบนี้คือไม่ได้สนใจเสียงฝั่งวิศวกรแน่ๆ
+1024 เรื่องจริงที่สุดครับ
หน้าเดียวมี notification 2 ชั้นนี่ก็น่ารำคาญ อย่างหน้า home เวลาเพิ่มเพื่อนก็จะมี notify เป็นตัวเลข แต่ถ้ามี sticker ใหม่ๆ ก็จะมี notification เป็น "จุด" ด้วย หรือตัว N อะไรสักอย่าง จำไม่ได้แล้วรู้แต่น่ามคาน
ตัว N ครับ เป็น tactic เพื่อทำให้เราสนใจฟีเจอร์ไร้สาระของมันครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ฮา "ฟีเจอร์ไร้สาระ" แต่ทำแบบนี้ พอ user โดน bait ไปแค่ครั้งเดียวเค้าก็ไม่แคร์แล้วใช่มั้ยครับ กลายเป็นเกลียดไปซะอีก
อาจมีคนชอบมั้ง ไม่งั้นคงถอดออกไปนานแล้ว
ผมคือเข้าเพื่อเคลียร์แจ้งเตือนแค่นั้นครับ ส่วนสาเหตุที่ทำแบบนี้จริง ๆ มันเป็นเหตุผลเชิงจิตวิทยาล้วน ๆ ครับ คนส่วนใหญ่เขาสะดุดตากับตุ่มสีแดง เคยมีช่วงหนึ่งที่เคยอัปเดตให้ปรับเป็นจุดสีเขียว แต่เหมือนว่าคนจะสนใจส่วนนั้นน้อยลง จนต้องเปลี่ยนกลับเป็นตุ่มสีแดงอีกที
ส่วนตัว เกลียดแนวทางการสร้าง user retention แบบนี้มาก มันเหมือนเป็นการเรียกร้องความสนใจเสียมากกว่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมนั่งสมาธิจนอดกลั้นไม่กดแจ้งเตือนพวกนั้นไปได้แล้วครับ เป็นอีกหนึ่งชัยชนะในชีวิตที่ภูมิใจมาก
บนพีซีทำได้แล้วบ้างครับ (ส่วนของ LINE TODAY ซึ่งผมปิดทิ้งบนมือถือ เพราะไร้สาระ)
แต่ส่วนตัวคิดว่าบนมือถือ อัตราส่วนการกินพื้นที่มันต่างกันมาก เลยเตะตามากกว่าบนพีซีเยอะครับ แถมผมใช้ LINE Pay ในบางกรณีด้วย เลยเลี่ยงไม่ได้เลย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เจอตุ่มแดงเยอะในทุกแอพ จนตอนนี้ไม่สะทกสะท้านใด ๆ เลยครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
เป็นหนึ่งในแอพที่อยากลบ แล้วเปลี่ยนไปใช้อันอื่น แต่ก็ทำไม่ได้สักที
เกลียดมากอันนี้
เป็นพาดหัวที่ bias แต่ผมชอบมากครับ 55555+
แอพขยะ ที่ทำตัวเป็นขยะที่เหม็นขึ้นทุกวัน
ระบบ support ที่ควรจะทำไม่ทำ ทำแต่ฟังก์ชันขยะไว้หาเงิน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าวิสัยทัศน์บริษัทนี้ต่ำเตี้ยขนาดไหน
ก็เข้าใจเขาล่ะนะ เขารู้ตัวแล้วว่ามันอยู่ได้อีกไม่นาน โกยได้ต้องรีบโกยให้ถึงที่สุด
พูดแรงไปนะครับ ใช้คำว่าขยะ
สงสารขยะ
Haha, I also disabled LineToday manually and It was not so easy!
YEP
It's hard to remove that, but not impossible.
Coder | Designer | Thinker | Blogger
สรรหาฟีเจอร์มาใส่ จนแอพบวมเป่ง แต่ขอโทษ ฟีเจอร์แบคอัพ chat เวลาย้ายเครื่องหรือย้ายแพลตฟอร์มนี่ ทำไม่ได้
ผมกำลังเครียดเลยครับจะเปลี่ยนไปใช้อีกระบบนึงแต่แชทที่มีความสำคัญและความทรงจำดีๆต้องทิ้งเลย
แบ็คอัพลง google drive ได้นะครับ เข้าไปใน setting -> chat
แต่ถ้าย้ายจาก Android ไป iOS มันทำไม่ได้
ต้องแบ็คอัพเอง ไม่ทำให้อัตโนมัติ และได้แต่ข้อความ รูปภาพ วิดิโอ ไม่ไปด้วย
และต่อให้มีข้อจำกัดขนาดนั้นก็แล้ว เด็ดสุดคือย้ายข้ามแพลตฟอร์ม (iOS vs Android) ไม่ได้ เพราะแบ็คอัพดันผ่าไปชึ้นกับแพลตฟอร์ม ไม่ขึ้นกับบัญชีผู้ใช้งาน! เจ๋งป่ะ
และต่อให้คืนมา contact เอย กลุ่มเอย หายเรียบ อย่างกับเกิดใหม่ เอ๋อกันไปเลย
คืออยากรู้ว่าใจคนนักพัฒนา นี่มันใช้งานกันเองมั่งไหม ตลอดมาใช้อยู่เครื่องเดียว เครื่องไม่เคยโดนรีเซ็ต เครื่องไม่เคยอยู่ๆก็เสีย ไม่เคยเปลี่ยนแพลตฟอร์มตลอดชั่วชีวิต?
อยากให้ไลน์ออกเวอร์ชั่นเสียเงินแบบไม่มีแอด ผมคนนึงที่ยอมซื้อเลยรำคาญแอดที่พยายามยัดเข้ามามาก
โชคดี Follow ไม่เป็นตั้งแต่แรก.
แอพแชทที่ดี
ใช้งานหลายเครื่อง => ไม่ได้ ล็อกอินปุ๊ป เด้งออกจาเครื่องเก่า ทุกอย่างหายวับ
แบ็คอัพแชท => ห้ามย้ายระบบนะ แก้ต้องใช้ Android ตลอดชีวิต หรือใช้ iOS ตลอดชีวิต ถ้าย้ายคือบอกลาแชทได้เลย
Sync Chat ระหว่างอุปกรณ์ => มาบ้าง ไม่มาบ้าง หายบ้าง (Mobile / PC / Line iPad)
รูป/วิดีโอ/ไฟล์ => ห้ามลืมกดโหลด กดดู ไม่งั้นลบ ไม่เก็บให้
ไม่รู้ทำไมถึงเป็นที่นิยมในไทย บ่นไปก็ต้องใช้อยู่ดี ทั้งๆที่ที่ทำงานมี MS Teams แต่ยังตั้งกลุ่มไลน์
รณรงค์ให้ลบ Line กันไหมครับ
ใส่กระดาษตราครุทดีกว่าครับ ภาครัฐนี่ใช้กันโจ๋งครึ่มเลย
ต้องหาอะไรมาทดแทนด้วยนะครับ
้เห็นข่าวนี้ตอนโพสใหม่ๆ ยังไม่มีคนเม้นท์
สักพักมาดูอีกที หืมม? ไม่ผิดหวัง 55
ขำกลิ้งตั้งแต่เห็นหัวข้อข่าว เข้ามาอ่านคอมเมนต์ยิ่งฮาเพิ่ม
..: เรื่อยไป
โฆษณาโผล่ในรายการ Chat อีกต่างหาก มาแบบ โอ้โห .... แอป Chat อื่นนี่เค้ายังไม่กล้าขนาดนี้
ช่วงนี้กอบโกยได้ก็เอาหมดแหละครับ ดูทรงแล้วยังไงคนไทยก็ไม่ค่อยสนใจกันอยู่แล้ว สนแค่ว่าสติกเกอร์สวย ริงโทน(ของไลน์ ริงโทน) แจ่มๆ กับ Openchat ที่ตามกลุ่มต่างๆมันคึกคักก็แค่นั้น
ปล.ยังไม่รวมไปถึงกลุ่มมืด/เว็บพนันผ่านไลน์นะ เจอเยอะโคตรแต่ไม่เข้าไปแน่นอน
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เห็นด้วย เป็นโปรแกรมแชทที่เก่งทุกเรื่องยกเว้นเรื่องหลักที่ควรจะทำให้ดี แต่ทำให้ดีไม่ได้
ใจจริงอยากจะย้ายไปอยู่ระบบอื่นมากๆเลย แต่คนอื่นไม่ไปด้วยนี่สิ
นี่ยังไม่นับรวม line@ นะ ง่อยกว่าline ธรรมดาอีก
จะคุยกับลูกค้า จะย้อนกลับไปดูรุป โหลดเอกสาร ไม่ทันไรหายไปหละ
ตั้งหัวข้อข่าวอย่างนี้เลยเรียกแขกเข้ามาใส่กันใหญ่ 5555
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าทำไม LINE ถึงไม่เก็บข้อมูลของผู้ใช้ เช่นรูปภาพ แชท วีดีโอ บลา ๆ คำตอบจาก วิศวกรคือ
"ส่วนประเด็นเรื่องสตอเรจว่าทำไมไม่เก็บข้อมูลแชทหรือรูปภาพให้ตลอดไป คำตอบก็ตรงไปตรงมาว่าเป็นเรื่องของต้นทุนฝั่งเซิร์ฟเวอร์นั่นเอง"
https://www.blognone.com/node/113349
ข้ออ้างครับ ขนาดบรรดาแอพแชทที่โมเดลหารายได้ไม่เยอะเท่าไลน์ ยังสามารถค้นหารูปย้อนหลังได้นานกว่าไลน์อีก
หาเก่งพัฒนาเก่ง แต่หาการback up ด้วยตัวเองไม่ได้ คือ งงมาก ต้องใช้ของผู้ใช้เอง ข้ามplatformก็ไม่ได้
เมื่อไหร่จะเจ๊ง คนไทยจะได้เลิกใช้แอพนี่ซะที ในองค์กรตัวเองผมยังพอเปลี่ยนได้ แต่พอต้องติดต่อข้างนอกถูกบีบให้ต้องใช้ เซ็งจริง
มีญาติเป็นข้าราชการ รู้มาว่า 100% ใช้ Line ในการสื่อสาร
ตอกย้ำภาพลักษณ์ ineffective เข้าไปอีก
ผมประสานงานกับหน่วยงานรัฐบาลอีกหน่วยหนึ่งครับ ตอนแรกก็วางแผนกับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ว่าจะคุยผ่าน Microsoft Teams และติดตาม backlog ผ่าน Jira
สุดท้ายตอนนี้ ก็ต้องทวงงานผ่าน LINE อยู่ดี เฮ้อ...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมเองอึดอัดมานานมาก
พี่ๆด้านบนๆนี่เหมือนระบายความในใจแทนผมหมดแล้ว 55555555555555
ปล.ผมยังไม่มีปัญหาในที่ทำงานนะ แต่ผมได้รับผลกระทบในระดับครอบครัว ทำไมดูรูปไม่ได้ล่ะ เปลี่ยนเครื่องทำไมแชทหายล่ะ เอากลุ่มคืนให้หน่อยสิ ทำให้เหมือนเดิมที(แต่เครื่องใหม่คนละos) ;w;"
กำหมัดไม่ไหวแล้ว
พี่ๆ เพื่อนๆ ก็เบื่อกับระบบ back up เหมือนกันใช่มั้ย วันนี้เราขอเสนอ
ไม่ชอบ line ในหลายๆเรื่อเหมือนกัน แต่เรื่องการ backup/restore ข้าม platform เข้าใจว่า whatsapp by facebook ก็ทำไม่ได้เหมือนกันนะครับ แต่ก็ไม่ได้บอกให้เลียนแบบ app ดังๆในด้านนี้ ถ้าเมื่อไหร่มี feature ย้ายข้าม platform ได้จะดีมาก
(ไม่เคยใช้ telegram เหมือนกัน เลยไม่รู้ว่าได้ไหม หรือมัน up ลง server ตั้งแต่แรก)
Telegram ถ้าไป login เครื่องใหม่ แชทจะ sync มาหมดครับ
เอาจริง ๆ คือผมก็แอบสงสัยนะ
หลายคนคาดหวังกับ feature Unlimited Backup กับ app ฟรีกันขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าต้องการ backup แค่ chat log ผมก็ยังพอเข้าใจได้ นี่บางคนต้องการให้ backup file & video ด้วย มันต้องใช้พื้นที่ขนาดไหนกัน แล้วต้นทุนการเก็บ file พวกนี้ "ตลอดไป" ใครจะเป็นคนจ่าย ?
หรือคิดไปว่าถ้า YouTube ทำได้ P***hub ทำได้ LINE ก็ต้องทำได้ ?
ผมว่าอัตราการใช้ file พวกนี้ซ้ำมันต่ำมากจนการเก็บไว้ไม่น่าจะสามารถทำให้คุ้มต้นทุนได้เลยนะ มันเหมือน video บน YouTube ที่อันไหนดังคนก็ดูกันเป็น 1,000 ล้านครั้ง
ไม่เข้าใจ
That is the way things are.
คาดหวังครับ ถึงจะฟรี แต่มันก็แลกกับโฆษณาที่โผล่เข้ามา
เอาจริงๆ ก็ฟรีเหมือน Facebook นะครับ แต่รายนั้น Facebook Messenger เก็บ chat log ไว้หมดเลย รูปก็ไม่หายด้วย ลองไปเปิด message เก่าๆ ยังตกใจว่าเก็บด้วยเหรอ
รายได้จากการโฆษณา น่าจะเจียดมาด้าน storage บ้าง ตอนนี้ให้เวลาเปิดแค่ 7 วันไม่งั้นหาย ผมว่าน้อยไปครับ โดยเฉพาะพวกทำงานติดต่อกันผ่านไลน์ (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ควรใช้แหละ ควรไปแพลตฟอร์มอื่น)
คาดหวังนะ และหลายๆ แอปคู่แข่งก็ทำได้อย่าง Facebook Messenger ก็ทำได้
หรือแม้แต่ Telegram โยนไฟล์ Full HD ขนาด 1GB แชร์กันสบายๆ ไม่หาย รูปภาพย้อนหลัง 2-3 ปีก็ยังอยู่ ย้ายเครื่อง เล่นบนเว็บ เข้าถึงข้อมูลเดิมได้หมด (group chat และ chat แบบ secure chat ปรกติ ไม่ใช่ end-to-end chat)
สำหรับผม อย่างน้อยถ้าไม่สามารถแบกรับต้นทุนพวกนี้ได้ ก็ควรหาวิธีให้ Backup ข้อมูลได้ดีกว่านี้ครับ ไม่ใช่ย้ายเครื่องแชทหาย เปิดรูปเก่าๆนานๆไป เปิดไม่ได้ หาย
ปัญหาผมตอนนี้มีอยู่อย่างเดียวเลยที่กังวล คือถ้าผมคิดอยากย้ายจาก Android ไป iOS ผมติดอยู่แอพเดียวคือแอพ Line ผมต้องทำใจเลยว่าแชทไม่มีทางเอากลับมาได้ ถ้าอยากเก็บแชทไว้ก็ต้องทำใจใช้ Android ต่อ
ส่วนตัวผมคิดว่ามันหาย "เร็วไปหน่อย" ครับ คือประมาณ 3 เดือนก็ดูภาพไม่ได้แล้ว หลายๆ งาน 3 เดือนนี่ยังกรุ่นๆ อยู่เลย คือถ้าผู้บริหารเห็นว่า user ใช้เป็นแอปคุยงานกันจริงจังขนาดนี้ จะเพิ่มระยะเวลาพอให้งานมันจบซักหน่อยก็จะดีมาก ไม่ต้องตลอดไปก็ได้ (เช่น 5-6 เดือน ผมก็ว่าไม่มีใครย้อนกลับไปดูแล้ว)
คนส่วนใหญ่เค้าก็คาดหวังแค่ backup chat log นั่นแหละครับ ซึ่งต้นทุนไม่ได้อยู่กับ LINE เลยนะ เพราะปกติโยนขึ้น iCloud หรือ Google Drive หมดอยู่แล้ว แค่แก้โค้ดอีกนิดก็จับโยนข้าม Platform (ผ่าน GDrive/Dropbox/ฯลฯ) ได้ไม่ยากครับ
WhatsApp ก็สำรองผ่านวิธีเดียวกันแต่อัตโนมัติทุกวันได้ด้วย
อัพเดทล่าสุดของ Line ใน iOS ก็ตั้งให้อัพทุกวันได้เช่นกันครับ ผมลองละ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
แบ็คได้แต่ข้อความครับ
dev จะเกลียดแอปไลน์มากด้วยเหตุผลร้อยแปด
แต่ในฝั่งธุรกิจ เห็นเค้ามีโฆษณามากมาย แถมไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ใน Cloud แต่ปีนี้กำไรยังลดเลย เพราะคนใช้เยอะอยู่ไม่กี่ประเทศ ไม่ได้เหมือนเฟซบุ๊กที่ครองตลาดไปทั่วโลก ถ้าต้องอัป Infra เก็บข้อมูลรูปและแซตทั้งหมดบน Cloud สงสัยปีหน้าจะเจ๊งเลยเพราะไม่มีเงิน (ขนาดแอปอย่าง MS team, Slack ยังต้องจ่ายเงินเพื่อเก็บรูปและไฟล์ไว้ได้ตลอดเลย มีแต่เฟซบุ๊กนี่แหละที่ไม่เก็บ สงสัยเอาข้อมูลเราไปทำกำไรได้เยอะ 555)
คือเราจะแนะนำแอปแชตเทพ แล้วใช้กันยังไงก็ได้ ถ้ามีเพื่อนใช้ด้วย แต่ถ้าคนที่เราคุยด้วยเค้าไม่ใช้ก็จบม่ะ ถ้าคุณไม่ใช้ไลน์ ก็ปิดประตูคุยกับคนอีกกลุ่มไปเลย
เป็นหัวที่บอกได้เลยว่า สะใจ อยากจะเลิก ๆ ใช้มันไปสักที อยากใช้ตัวอื่น น่ารำคาญมาก แชตหาย ย้ายไปไหนก็เริ่มใหม่ ขอแค่คุยงานเลิกใช้ก็ยังดี อีกอย่างคือรักจังเลยโทรศัพท์เนีย อยากไปที่ไหนก็ต้องถามพ่อโทรศัพท์รำคาญมาก เลิกไม่ได้เพราะใช้คุยงาน
แอพแชทอื่น นอกจากไลน์ มีแอพอะไรบ้างที่มีแบ็คอัพและซิ้งค์อัตโนมัติและออนได้หลายเครื่องพร้อมกัน ครับ
Facebook messenger ครับ แต่แกของแรงเรื่องข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้
Telegram ครับ ฟีเจอร์ส่วนมากใกล้เคียงกับ LINE ครับ แต่เบากว่า ไม่รก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมเคยใช้ Telegram แล้ว พอหยุดใช้ไปสักพัก (3-4 เดือน) กลับมาใช้อีก มันก็ไม่จำเบอร์ที่ลงทะเบียนแล้วครับ ทั้งๆ ที่ผมจด ยูสเซอร์ไอดีและเบอร์ที่พ่วงด้วยกันไว้ ต้องสมัครใหม่อย่างเดียว ทั้งๆ ที่ใช้เบอร์เดิม
สรุปเลยไม่เหมาะกับการใช้ระยะยาวเลยอ่ะครับ
เขาบอกว่า 6 เดือนนะ https://telegram.org/faq#q-how-does-account-self-destruction-work
ค่าเริ่มต้นของ self destruct คือ 6 เดือน แต่กำหนดเพิ่มเติมได้ถึง 1 ปี เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวหากมีคนย้ายเบอร์ แล้วคนต่อไปที่ได้เบอร์ไปมาใช้งาน จะได้ไม่ดึงข้อมูลเก่าจากเจ้าของเบอร์เดิมมาดูได้ครับ
เป็นส่วนนึงของความปลอดภัยครับข้อมูลเราจะได้ไม่อยู่ไปชั่วกัลปาวสาน ? อีกส่วนก็คงเพื่อลบข้อมูลที่ไม่จำเป็นทิ้งให้รกระบบเค้านั่นแหละแต่ผมก็ยังโอเคเพราะ
โอ้ววว ขอบคุณครับ ตั้งสักปีเลยล่ะกัน
แสดงจำนวน Follower จาก Official Account สามารถปิดได้ไหมครับ
ผมไปส่องมา บางคนนี่กลุ่มใต้ดิน 18+ ทั้งนั้นเลย
เราสามารถปิดการแสดงข้อมูลการติดตาม โดยเข้าไปที่ Settings --> Edit profile --> Show follow info ได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน แต่วิธีนี้จะไม่สามารถตั้งค่า อนุญาตให้คนติดตามได้
ทำทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่มีประโยชน์._.
เพิ่งเข้าไปดูใน privacy ของ Line ถึงได้เห็นว่ามีการขอข้อมูลรูปภาพไปใช้พัฒนาระบบ OCR ด้วย เขียนไว้ว่า "Provide photo data for text scan"
ที่สำคัญให้ตัวเลือกมาเป็น Opt in กับ Opt out และเลือก default มาเป็น Opt out
ตอนผมเรียน คำว่า
Opt in แปลว่า needs to declare for get/subscribe something และ
Opt out แปลว่า needs to declare for unsubscribe something
แต่ Line เลือก Opt out มาให้เป็น default ซึ่งแปลว่า ผู้ใช้ยอมให้ข้อมูลแต่แรก แล้วต้องกดยกเลิกเอาเอง
ยังไม่นับเรื่องการส่ง Chat information, location, LINE Beacon อีกนะครับ พวกนี้นี่หนักเลย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ในหัวข้อ Provide photo data for text scan
มีคำอธิบายข้างใต้ว่า "Enable this option to allow LINE to collect your photo data to improve our service."
แล้วถ้ากด Learn more เข้าไปอ่านเพิ่ม จะเจอประโยคแรกคือ "You can help us improve our service by opting in to provide your data."
ถ้าอิงจากคำอธิบาย เข้าใจว่าตัวเลือก Opt-out หมายถึง ไม่เข้าร่วม ส่วน Opt-in หมายถึง เข้าร่วม
สำหรับผู้ใช้ไม่ต้องการให้ข้อมูลก็ต้องเลือก Opt-out นะครับ ซึ่งก็เป็น Default อยู่แล้ว
-.-;;
opt-in = เข้าร่วม, opt-out = ไม่เข้าร่วมครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คำว่า opt-in ่เวลาใช้กับเรื่องตัวเลือกของผู้ใช้ จะแปลว่า "ตัวเลือกนี้ผู้ใช้ต้องเป็นคนเลือกเอง ว่าจะเข้าร่วม" แปลว่าแปลว่าก่อนที่ผู้ใช้จะเลือกตัวเลือกใดๆ (ค่า default) ผู้ใช้จะไม่เข้าร่วมค่ะ
ในทางกลับกันคำว่า่ opt-out เวลาใช้กับเรื่องตัวเลือกของผู้ใช้ จะแปลว่า "ตัวเลือกนี้ผู้ใช้ต้องเป็นคนเลือกเอง ว่าจะไม่เข้าร่วม" แปลว่าก่อนที่ผู้ใช้จะเลือกตัวเลือกใดๆ (ค่า default) ผู้ใช้จะเข้าร่วมอยู่แล้วค่ะ
ตัวอย่าง กรณีการยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้
ถ้าแอพทำตัวเลือกนี้ให้เป็นแบบ opt-in แปลว่า แอพจะไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลใดๆของผู้ใช้ จนกว่าผู้ใช้จะเป็นคนเลือกเองว่าให้เก็บได้ (opt-in)
แต่ถ้าแอพทำตัวเลือกนี้เป็นแบบ opt-out แปลว่า ผู้ใช้ยังไม่ทันทำอะไร แอพก็เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไปแล้วค่ะ ผู้ใช้ต้องเป็นคนเลือกเองทีหลังว่าจะไม่ให้เก็บ (opt-out)
ของไลน์นี่ จำไม่ได้เหมือนกันว่า default เป็นอะไร...
เอามาจากไหนครับ มี reference ไหม
ใน scene developer คำว่า opt-in กับ opt-out นี่ใช้กันบ่อยมาก แต่ผมไม่เคยเห็นความหมายตามที่คุณบอกมาซักครั้งเลยนะครับ
edit: อ๋อ เข้าใจแล้วครับ ในกรณี agreement regime(checkbox-base) นี่เอง แต่ก็ไม่เกี๋ยวกับกรณีนี้ที่เป็น selective opt in/out(radio) อยู่ดีนี่ครับ?
อีกอย่างสุดท้ายแล้วความหมายมันก็เหมือนเดิมนี่ครับ opt-in = เข้าร่วม, opt-out = ไม่เข้าร่วมอยู่ดี
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
น่าจะตำไปคำนึงครับ opt-in based กับ opt-out based
แบบอันนี้แปลว่า opt-out based (แปล => default คือเข้าร่วม ถ้าจะไม่เข้าต้องกดออกเอง)
อันนั้นเข้าใจแล้วครับตามข้างบน
แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับที่คุณ Nozomi แปลมาว่า
ซึ่งคุณ Nozomi กำลังตีความคำว่า opt-out/in base/model/system/regime กับคำว่า opt-out/in ธรรมดามารวมกัน ทำให้ความหมายมันกลับตาลปัตรไปครับ เพราะการเลือก Radio Opt out ถือว่าเป็นการไม่ให้ข้อมูลแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ได้แปลว่าผู้ใช้ยอมให้ข้อมูลแต่แรก แล้วต้องกดยกเลิกเอาเอง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตอนแรกก็เข้าใจละ พอมาอ่านเม้นนี้กลายเป็นผมไม่เข้าใจเหมือนเดิม 555555555
จากฟังก์ชั่นนี้เห็นทะเลาะไปแล้วหลายคู่เหมือนกัน
บน pc ก็เพิ่งอัพครับ ui ปรับอีกแล้วอย่างห่วยเลย
+1 ยิ่งเปิดตอนกลางคืนแสบตามาก
font นี่ปวดหัวมาก
font แปลกๆมากๆ ยิ่งตรงชื่อคนกับชื่อกลุ่มในแถบซ้ายนี่ไม่สวยเลย
ไม่มี Dark Mode แสบตามากครับ
ดีนะ บน Microsoft Store ยังไม่ได้อัป (ตอนนี้ใช้ตัวนี้เป็นหลักแทนละ)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อยากรู้ว่าโครงสร้างพนักงานของบริษัทนี้จัง หรือว่ามีโปรแกรมเมอร์แค่ 3 คน ที่เหลือเป็น marketing หมด?
ทีมใหญ่มากนะครับ ถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่เซ็นทรัลเวิร์ลดิ์ใช่มั้ยครับ
ถามคนที่ทำงานอยู่ใน Line มาตะกี้ คือฟีเจอร์มันออกมาจาก HQ ทีมที่ไทยก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ พนักงานเองก็ไล่ปิดกันเองเหมือนกัน คนข้างในรู้เรื่องแต่ก็เฉยๆไม่ได้ร้อนรนอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้และตัวเองก็แก้อะไรไม่ได้ 5555555
สงสารนะ ถ้าเงินไม่ดี สวัสดิการไม่ดี และไม่ได้ทำให้ portfolio ดูดี คนคงออกกันเยอะ ... แต่นี่มันตรงกันข้าม
อ๋อลืมไป ฟีเจอร์ขยะในนั้นมีเป็นร้อย ท่ดๆ มิน่าล่ะแอพถึงหนักเกิน 700MB
ฮ่าๆๆ แย่กว่าเดิมอีก
ส่วนตัวผมเฉยๆ นะ, มันก็แนวๆ เดียวกับ Instagram ไม่ใช่เหรอครับ
ถ้า feature มีแต่แรก ทุกคนรู้เห็น มันไม่มีใครว่าครับ
แต่มันไม่มีมาก่อน อยู่ๆ ใส่มาไม่ขอความยินยอมเผยแพร่ข้อมูลเฉยเลย และเป็นจุดที่อ่อนไหวง่ายมาก นี่ยิ่งแย่ครับ
Twitter ก็เหมือนกัน ซึ่งพฤติกรรมคนใช้ก็ต่างออกไปเพราะพฤติกรรมแอปครับ
อย่างทวิตเตอร์เราได้ยินคำว่า "แอคหลุม" ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะอะไรแบบนี้ส่วนหนึ่ง อย่างทวิตเตอร์กำหนดสิทธิได้เพียงคน follow หรือไม่ ถ้าล็อกคน follow ก็อ่านได้หมด แต่ Facebook กำหนดได้ละเอียดถึงระดับรายคน
เฟซบุ๊กคงพูดไม่ได้ว่า "ทวิตเตอร์ก็แบบนี้" แล้วเปิดทุกโพสให้เพื่อนทุกคนเห็นใช่ไหมครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ได้แค่บ่น แล้วก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้
หมายถึง Line ใช่ไหมครับ อิอิ
ไม่ให้ข้าราชการใช้ Line ต่างหาก
ผมนี่ลงติดเครื่องไว้เพื่อใช้อธิบายรูปภาพอย่างเดียวเลยครับ
เพราะบางที เวลาคุยงาน คนส่วนใหญ่ชอบส่งเป็นรูปมา ผมเลยต้องใช้ Line ในการสะแกนตัวอักษร
ส่วนถ้าคุยงาน ผมจะคุยผ่าน Facebook หรือ Email เป็นหลัก Line นี่ผมไม่ไหวจริงๆ
อย่าว่าแต่คนตาดีเลยครับ คนตาบอดเวลาจะดูข้อความย้อนหลัง ดูลำบากกว่าคนตาดีอีก
ผมเห็นดีกว่า Facebook หากไม่นับเรื่องความเป็นส่วนตัว ก็คือเรื่องสะแกนรูปภาพเป็นข้อความได้นี่แหละ
ไป https://delta.chat/en/ กันครับ