แอป Contact Tracing ที่ติดตามการเดินทางของประชาชน หรือเก็บข้อมูลการเข้าใกล้กันเริ่มมาจากประเทศจีนที่บังคับประชาชนให้แจ้งประวัติการเดินทาง พร้อมกับบังคับ "เช็คอิน" ตามจุดต่างๆ ที่ต้องเดินทางทุกวันผ่านทางลงทะเบียน QR ล่าสุดรัฐบาลเมืองหางโจว (Hangzhou) บ้านเกิดของ Alibaba เริ่มเสนอให้มีการตรวจสอบ "สุขภาพ" ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ข้อเสนอใหม่ของเมืองหางโจวจะพัฒนาแอปที่ตรวจสอบสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบได้เป็นคะแนนและสีบอกระดับความเสี่ยงแบบเดียวกับการติดตามโรค COVID-19 แต่จะใช้แจ้งระดับสุขภาพโดยรวม โดยคิดคะแนนจากทั้งพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่, จำนวนก้าวที่เดิน, ชั่วโมงที่นอนหลับ
คาดว่าเมืองหางโจวจะเปิดตัวแอปใหม่นี้ในเดือนหน้า โดยชูจุดเด่นว่าแอปนี้จะสร้างเกราะป้องกันให้กับสุขภาพของประชาชน สร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว
ทางการจีนมีแนวทางการสอดส่องประชาชนอย่างหนักเสมอมา กล้องวงจรปิดถูกติดตั้งระบบตรวจจับใบหน้าเป็นวงกว้าง แม้จะมีการดูแลความปลอดภัยข้อมูลไม่ดีนัก และมีเหตุข้อมูลรั่วไหลอยู่เนืองๆ ในเขตที่มีประเด็นความมั่นคงเช่นซินเจียงมีรายงานว่าทางการบังคับประชาชนติดตั้งแอปในโทรศัพท์มือถือมาเป็นเวลานาน
ที่มา - The Guardian
Comments
ไม่แน่ใจว่าชื่อแอปจริงหรือต้องการแชะ เห็นหลังๆคนใช้เยอะกลัวว่าคนใช้งานแล้วมีความเสี่ยงแล้วต้องต่อคิวยาว แต่ก็ดีอีกแบบคนจะได้กลัวไม่กล้าใช้แอป ไทยชนะ คิวเวลาเกิดเรื่องจะได้น้อยลง บ้านเราไม่ได้บังคับถึงวันที่ปลอดภันก็ลบออก ถ้าเป็นการแชะก็ถือว่าแชะได้ดี
และความติดส่วนตัวยังไงบ้านเราก็ไม่ได้เลวร้ายแบบจีน
จากผู้เชียวชาญได้บอกว่ารอบสองมีแน่นอนไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มา
เท่าที่อ่านข่าวช่วงสองสัปดาห์มานี่ ผมว่ารอบสองเริ่มส่งสัญญาณแล้วนะ ส่วนเรื่องแอพคงต้องบังคับกันแล้วแหละ อย่างผมจะให้จับปากกาด้ามเดียวกันเขียน checkout นี่ก็ไม่ไหวอะ หลายๆที่ยังไม่มีเจลล้างมือที่ประตูทางออกเลย
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่ต้องการจะเตือนประชาชนให้ร่วมกันเฝ้าระวังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 นั้นมีการยกตัวอย่างการระบาดรอบ 2 ของไข้หวัดใหญ่สเปนเมื่อ 100 ปีก่อนโดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่าการระบาดรอบแรกมากกว่า 1 เท่า มิใช่การคาดการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน การตัดต่อข้อความบางส่วนนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้
https://www.hfocus.org/content/2020/05/19464
ไม่เลวร้ายแบบจีน แต่หลายๆเรื่องมันก็เกินเลยสิ่งที่จำเป็นไป ไม่ได้บังคับ แต่ถ้าร้านไหนไม่ทำตามก็โดนสั่งปิด....เก็บข้อมูลแค่ถึงวันที่ปลอดภัย แล้วอะไรคือวันที่ปลอดภัย? จนกว่าจะมีวัคซีน? ไม่พูดให้ชัดเจน มันก็มั่วแถต่อไปเรื่อยๆได้แบบ พรก.ฉุกเฉิน
ภาครัฐเคยบอกอะไรที่ชัดเจนไหม นอกจากบอกให้เชื่อหมอ? หมอเองก็ต้องพึ่งงานวิจัย มีตัวเลข ดัชนีชี้วัด ไม่ใช่จากความรู้สึก เช่นอัตราการแพร่เชื่อลดเหลือต่ำกว่า 1 ต่อประชากรพันคนถือว่าปลอดภัย หรือการติดเชื้อในประเทศลดเหลือ 0 ต่อเนื่องกันกี่วัน ก็ควรออกมาพูดให้ชัดเจน
ส่วนเรื่องไม่เอาข้อมูลไปทำอะไร ก็แหมจู่ๆก็เลื่อนกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลออกไป ยิ่งน่าเชื่อถือเหลือเกิน และจะบอกให้ว่าต่อให้จนท.ทุจริตจริงๆ ในภาวะพรก.ฉุกเฉิน คุณฟ้องรัฐ/จนท.รัฐไม่ได้เลย ศาลไม่รับฟ้องใดๆทั้งนั้น เหมือนบอกให้เชื่อคนดีนะ แต่ห้ามสงสัยหรือตรวจสอบคนดี?
ดีไม่บอกว่า บ้านเราตอนนี้ยังไงก็ดีกว่าเกาหลีเหนือ....
สภาวะจำเป็น เห็นด้วยที่ต้องทำ แต่พอผ่อนคลายมาแล้ว ผู้ติดเชื้อในประเทศแทบเป็น 0 จะมาเข้มงวด ก็ตลกดี ขัดแย้งกับสิ่งที่ควรทำจริงๆ
แอปนี => แอปนี้
การเดินทาง
ปกติไม่ต้องโหลดแอปก็ได้ ไม่ใช่เหรอครับ
หมากเกมนี้ ยังไม่จบ...
เกราะป้องกันสุขภาพประชาชนหรือเพราะป้องกันอย่างอื่นด้วยหว่า กล้องก็ติดแล้วตั้งเยอะ
กม.ข้อมูลส่วนบุคคลไม่เกิดหรอก
เชื่อสิ ปีหน้าเลื่อนอีก