จากประเด็น พนักงาน Facebook ไม่พอใจผู้บริหาร ที่ไม่จัดการโพสต์สนับสนุนความรุนแรงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุด The New York Times รายงานว่ามีการประชุมวิดีโอคอลภายในองค์กร Facebook พนักงานกว่าพันรายโหวตไม่เห็นด้วยกับท่าที Facebook ที่มีต่อโพสต์ทรัมป์ พนักงานเตรียมประท้วงหยุดงานแบบ virtual walkout และมีพนักงานอาวุโสบางรายจะลาออก ถ้ามาร์ค ซักเคอร์เบิร์กไม่ทบทวนมาตรการเสียใหม่
โพสต์ของทรัมป์ มีเนื้อหาเชิงว่าจะส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมการประท้วงจากกรณี George Floyd มีการพูดเรื่องยิงกลับและใช้คำว่า Thug ซึ่งแปลได้ว่านักเลง อันธพาล ซึ่งทวิตเตอร์แบนโพสต์นี้ของทรัมป์ไปแล้วด้วยเหตุผลว่ามันไปส่งเสริมความรุนแรง แต่ Facebook ปล่อยไว้ ไม่ลบหรือซ่อนโพสต์ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของ มาร์ค ว่า Facebook จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโพสต์ของนักการเมือง เพราะเป็นสิทธิ์ของประชาชนทั่วไปที่จะรู้ว่านักการเมืองพูดอะไร ให้ประชาชนตัดสินใจเอง ไม่ใช่ให้บริษัทไปตัดสินใจให้
แต่ดูเหมือนว่าท่าทีดังกล่าวของมาร์ค จะทำให้พนักงาน Facebook ไม่พอใจอย่างมาก และเตรียมนัดประท้วงหยุดงานแบบเสมือนจริง โดยวิธีการประท้วงของพนักงาน Facebook ในช่วง work from home คือ ไม่ทำงาน และเขียนข้อความบนโปรไฟล์ดิจิทัลในช่องทางต่างๆ เพื่อแสดงออกว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับ Facebook พนักงานหลายรายจะลาออกถ้ามาร์คไม่ทบทวนมาตรการเรื่องโพสต์ของทรัมป์เสียใหม่
The New York Times ได้ตรวจสอบวิดีโอประชุมภายใน พบว่าพนักงานหลายร้อยคนส่งเสียงคัดค้าน และตั้งคำถามว่า การตัดสินใจไม่ทำอะไรกับโพสต์ของทรัมป์ คนดำมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือไม่ มีคอมเมนท์เป็นข้อความระหว่างการประชุมด้วยว่า Facebook ขาดกระดูกสันหลังและมีภาวะผู้นำอ่อนแอ, Hate speech ไม่ควรมีค่าเท่ากับ Free Speech ซึ่งตรงนี้มาร์คบอกว่าโพสต์ดังกล่าวของทรัมป์ต่างจากการคุกคามเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ อำนาจรัฐ
นอกจากนี้ยังมีการสำรวจความคิดเห็นภายในระหว่างการประชุมด้วย พบว่าพนักงาน Facebook มากกว่า 1,000 คน ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของมาร์ค พวกเขายังแสดงออกบนทวิตเตอร์อย่างเปิดเผยด้วย ตัวอย่างเช่น Katie Zhu ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Instagram แชร์ภาพสกรีนช็อตลางาน และติดแฮชแท็ก #BLACKLIVESMATTER ในคำอธิบายลางาน
i'm taking PTO from @instagram by @facebook today for #BlackLivesMatter. i'm deeply disappointed & ashamed in how the company is showing up the world rn. fb fam - if u feel similarly, join me & let's organize. put your ~$~zuck bucks~$ where ur tweets are. support Black-led orgs!! pic.twitter.com/TXnD5qPNer
— #BLACKLIVESMATTER ? (@ktzhu) June 1, 2020
Trevor Phillippi ผู้จัดการออกแบบผลิตภัณฑ์ โพสต์เชิงว่า Facebook ทำได้ดีกว่านี้ และติดแฮชแท็ก #TakeAction
@Facebook's decision to not act on posts that incite violence against black people fails to keep our community safe. I'm asking that we revisit this decision and provide more transparency into the process, inclusive of black leadership.? #BlackLivesMatter #TakeAction pic.twitter.com/cvdyNKgawd
— Trevor Phillippi (@trevorphillippi) June 1, 2020
Andrew Crow ผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ Facebook Portal บอกว่าการใช้แพลตฟอร์มเพื่อปลุกระดมความรุนแรงและการบิดเบือนข้อมูลนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
Censoring information that might help people see the complete picture *is* wrong. But giving a platform to incite violence and spread disinformation is unacceptable, regardless who you are or if it’s newsworthy. I disagree with Mark’s position and will work to make change happen.
— Andrew (@AndrewCrow) June 1, 2020
Facebook เป็นอีกหนึ่งในบริษัทย่านซิลิคอนวัลเล่ย์ ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความหลากหลายในองค์กร Mark Luckie คนผิวดำที่เคยทำงานใน Facebook แต่ลาออกไปเมื่อปี 2018 เคยวิจารณ์ว่า Facebook มีประวัติยาวนานว่าสังคมแวดล้อมไม่เอื้อต่อการทำงานพนักงานผิวดำ เมื่อบริษัทไม่มีกลุ่มคนที่หลากหลายมากพอ บริษัทจะไม่เข้าใจปัญหาที่เกี่ยวข้องหรือสาเหตุที่พนักงานอารมณ์เสีย
ที่มา - The New York Times, CNET
Comments
เสทอนจริง > เสมือนจริง
สงสัยจริงถ้าไม่ส่ง National Guard หรือ ตำรวจไปจัดการ กลุ่มผู้ประม้วงรวมถึงกลุ่มที่มาปล้นร้านค้าด้วยเนี่ย จะเกิดอะไรขึ้น มันไม่พังไปกว่านี้อีกหรอ กลุ่มมาเนียนๆ กับม็อปน่าจะเยอะด้วย
ชีวิตคน คงมีค่าน้อยกว่าสินค้า ข้าวของ ตึกรามบ้านช่อง สินะครับ
Just a nerd, who interested in technology :p
สินค้า ข้าวของ ตึกรามบ้านช่องที่ถูกเผาทำลาย
มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของอีกหลายชีวิตที่ไม่รู้เรื่องด้วยป่ะ?
ครับ เท่าที่คุณแสดงความคิดเห็นในโพสต์ก่อนหน้า ผมคงจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับคุณ เพราะคุณไม่เชื่อว่าเหตุการนี้เกิดขึ้นเพราะความไม่เท่าเทียม เป็นแค่ข้ออ้างในการทำความรุนแรงเท่านั้น ที่คนผิวสีลุกฮือ คงไม่มีเหตุผล คุณคงไม่เห็นเหตุการณ์ที่เป็นฉนวน หรืออาจจะเลือกปิดหูปิดตา น่าเศร้านะครับ คุณอาจไม่เคยเจอเหตุการณ์ไม่เท่าเทียม แต่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่เจอนะครับ
ส่วนประเด็นข้างต้นที่คุณยกมา เป็นเหตุการณ์ที่กระทำโดยคนไม่ดี และไม่ใช่คนผิวสีทำทั้งหมด ซึ่งก็ควรจับทั้งหมด เพราะทำผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ใช่
คุณน่าจะเข้าใจจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
Just a nerd, who interested in technology :p
แล้วไอ้พวกม็อบปล้น ทำลาย ที่คุณมาปกป้องมีค่าสูงกว่าคนบริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียงานการสินค้าขายถูกขโมย ร้านค้าตัวเองถูกปล้นทำลาย
แล้วเอาความไม่เท่าเทียมมาอ้างบังหน้าเพื่อจะได้ปล้น มันทุเรศกว่านะ (เราไม่ได้พูดถึงม็อบมาสันติ พูดถึงแค่ไอ้พวกม็อบเถื่อน แต่เหมือนคุณจะเอาไปรวมเองนะ)
ปล. แล้วเรากับคุณยังไม่ทันได้สนทนาคุณก็ชิงตัดสินคนอื่นก่อน อ้างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงมันก็เป็น คำเหยียดรูปแบบหนึ่งนะ
ผมไม่ได้ปกป้องคนทำผิด ดูได้จากคอมเมนท์ ไม่มีข้อความไหนที่สนับสนุนผู้ทำผิด ด้วยเฉพาะวรรคสุดท้าย
ส่วนประเด็นเรื่องเหยียด หากข้อความของผมทำให้คุณคิดแบบนั้น ผมต้องขออภัย
Just a nerd, who interested in technology :p
ใครทำผิดก็รับผิดครับ ง่ายๆ แค่นั้น ความปลอดภัยทุกคนต้องมาก่อน
ไม่ควรเอาความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา ความบิดเบี้ยวจากการเอากลัว โกรธ เข้าแก้ปัญหามันก็สร้างปัญหาไม่จบสิ้น ตำรวจจับเจ้าของร้านคิดว่าเป็นโจรเพราะเป็นคนผิวสี ไอ้ชนวนแบบนี้มีเป็นน้ำมันต่อไฟดีๆ นี้เอง
แล้วก็นะ คุณแม่งเหยียด....
ไปไกลแล้วครับคุณพี่
คิดว่าไม่มีใครไม่เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ หรือไม่ใช่ไม่เชื่อในความไม่เท่าเทียมของคนที่นั่นหรอกนะครับ แต่เวลาม๊อบแบบนี้เกิดขึ้น(ไม่ว่าจะที่ไหนในโลก) สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้คือจะมีพวกแอบแฝงตามม๊อบมาด้วย ซึ่งคนพวกนั้นควบคุมไม่ได้ คือคนไปม๊อบเองก็ต้องยอมรับว่า ความเป็นม๊อบของฉันนั้นมันมีโอกาสสร้าง collateral damage แก่สถานที่และคนรอบข้างที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวในระดับนึงนะ(จากคนไม่ดีบางคน ที่ตามม๊อบไป) คือต้องมองและยอมรับมุมนี้ด้วยว่ามีส่วนแบบอ้อมๆ และถ้าสมมติเราเป็นรัฐ และเห็นสถานที่ของประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวกับม๊อบ ถูกสร้างความเสียหายปาวๆ จะนิ่งเฉยได้หรอครับ มันก็ต้องออกมาควบคุมสถานการณ์
แล้วจริงๆ ไม่อยากพูด แต่ม๊อบไม่ว่าจะเกิดที่ไหนในโลก มวลชนมันเป็นเรื่องของอารมณ์นำซะส่วนใหญ่ สื่อก็ประโคมเข้าไป ใครเกลียดใครก็ประโคมเข้าไป ราดน้ำมันใส่กองไฟ ให้อารมณ์มันเดือดเข้าไปอีก
คือเรื่องถูก discriminate จริงนั้นเป็นปัญหาฝังลึกของที่นั่น ทุกคนในวงการก็น่าจะรู้ดีครับ แต่บางครั้งก็ถ้ายังไม่ใจร่มๆ มานั่งพูดนั่งคุยกันแบบไม่ตั้งแง่กัน(ซึ่งตอนนี้ต่างฝ่ายต่างตั้งแง่ใส่กัน) มันจบยากครับ
ถ้านับทั้งหมดเอเซียที่นั่นน่าจะไม่เท่าเทียมสุดมั้ง โดนทั้งขาวและดำเหยียด แต่ในทางกลับกันส่วนมากจะอยู่แบบสงบเสงี่ยมไม่ค่อยเรียกร้องอะไรนะ
ถ้าเป็นเปอร์เซ็นต์จริงๆ เอเชียส่วนใหญ่อาจจะเหยียดคนดำมากกว่าคนขาวด้วยซ้ำ
- นักร้องเกาหลีคนนึงโพสต์ black life matter มีผลถึงขนาดโดนไล่ถอดออกจากวง และไล่ออกจากบริษัททันที
- คนไทยที่อยู่อเมริกาหลายคนก็พากันโพสอธิบายให้ความชอบธรรมที่จะ racist
ที่สำคัญคือ คนเอเชียเนี่ยถูกเหยียดว่าขี้โรค อ่อนแอ โดนกลั่นแกล้ง มันก็เทียบไม่ได้กับการโดนมองว่าเป็นชาติพันธุ์อาชญากร โดนตำรวจวิสามัญหรือโดนจับทั้งที่บริสุทธิ์อยู่ดี
มีคนโดนกดคอให้ขาดอากาศหายใจอยู่ 8 นาที ร้องว่าจะตายแล้วตำรวจยังไม่ปล่อยท่ามกลางสายตาฝูงชน จะให้เขาสงบเสงี่ยม?
ในทางกลับกันคนดำแต่งเพลงแร็บด่าผู้หญิงเอเซียว่าเป็นกะ*ลี่ แต่ไม่มีคนด่าว่าเหยียดนะตลกดี แต่เวลาด่าคนดำมาล่ะตั้งขบวนมาแล้ว
แต่เรื่องนึงคือเรื่องสื่อด้วยล่ะครับ ข่าวทำร้ายคนดำมันขายได้ เอาจริงๆ ในวันนั้นตำรวจคนขาวโดนคนดำยิงตายก็ออกข่าวเล็กไม่มีคนสนใจ เพราะข่าวประเภทนั้นมันขายไม่ได้ด้วยครับ
ปล. ส่วนเรื่องระแวงคนดำทุกอย่างมีเหตุมีผลในตัวของมันล่ะครับ คือคนดำมีอยู่ 13% คนขาว 70% แต่คนดำมีเคสก่อคดีเทียบกับอัตราประชากรค่อนข้างเยอะ คือถ้าอยู่แบบสงบเสงี่ยบคงไม่มีใครไปตั้งข้อแปลกๆ หรอกมั้ง
https://www.bjs.gov/content/pub/pdf/rhovo1215.pdf
ส่วนถ้ามองในแง่การเข้าถึงทรัพยากรคนดำมักจะเป็นกลุ่มแรงงานชนชั้นล่างเยอะ น้อยคนจะลืมตาอ้าปากได้ อาชญากรรมจากคนดำจึงเยอะตามมาก็มองในมุมนั้นได้เหมือนกัน...
คงต้องแบบ คงใช่ครับ จะได้เข้าทางคุณ ถ้ากรณีเรื่องสงครามคงอีกเรื่องนะครับ
แต่คือทุกวันนี้เรามีระบบระเบียบ กฏหมายต่างๆ มากมาย จัดระเบียบสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ซึ่งกรณีนี้ ทาง อดีต จนท. ตำรวจ ล่าสุดก็โดนจับคงโดนตั้งข้อหาไรงี้ พวกข่าวที่ชันสูตรรอบแรก รอบสองไรนั้น ก็ต้องสู้กันต่อไป ซึ่งการออกมาชุมนุม ถ้าไม่มี spy ฝั่งตรงข้ามมาแอบสร้างสถานการณ์ แล้วเกิดเหตุการณ์แบบทุกวันนี้ ปล้นร้านค้าเอย ทำลายข้าวของ ซึ่งมันผิดกฏหมายเต็มๆ ซึ่งช่วงชุลมุนแบบนี้จะเอาผิดกับคนทำจริงๆ ก็คงยากด้วย ซึ่งทั้งหมดมันก็คงไม่ถูกต้องนะครับ ถึงจะเห็นบางคลิปกลุ่มผู้ชุมนุมก็มีดีๆ ปกป้องร้านค้าบ้างไรงี้ แต่ภาพใหญ่มันไปแล้วสำหรับผม
ไม่ว่าจะอ้างเหตุอะไร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำลายทรัพย์สิน เผาทำลายอาคารสถานที่คนอื่น สิทธิ์ของคุณไม่ได้มากขนาดที่จะไปทำลายสิทธิ์คนอื่น
เอะอะก็เผาๆๆ เผาห้าง เผาศาลาว่าการ อนาธิปไตยโดยแท้
ผมไม่ได้เชียร์พี่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กนะ แต่ผมกลับคิดว่าแกอาจจะคิดลึกอีกชั้น คือฝั่งเอเชียเล่นเกมการเมืองกันมาเยอะและวิธีการของพี่มาร์คมันเหมือนนะ คือ ปล่อยให้ทรัมป์พูดไปเถอะ แล้วคำพูดของทรัมป์่จะทำร้ายตัวทรัมป์เอง อาจเป็นวิธีที่พี่มาร์คจะจัดการกับทรัมป์ก็ได้
ผมคิดเยอะไปป่าว 555
ผมว่าเป็นไปได้ แต่วิธีแบบนี้ใช้เวลานาน หรืออาจไม่เห็นผลเลย
ดูบ้านเราได้ ประชาชนส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้ แต่ก็อย่างที่เห็น เรืองอำนาจขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีคนสนับสนุนอยู่ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ จะทำอะไรก็ได้ วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกครับ ต่อให้จะมีความรุนแรง ฝั่งนั้นก็มีแผนรองรับอยู่หมดทุกทาง เราทำอะไรไม่ได้เลยนะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
คนที่คิดว่าให้แสดงความคิดเห็นแล้วให้คำพูดทรัมป์ทำลายตัวเอง ผมไม่เห็นว่าจะจริงเลย ตอนนี้ืที่เห็นชัดๆคือโพสของทรัมป์ทำลายมาร์คตรงๆเลย ถ้าไม่มาโพสเรื่องนี้ก็ไม่เกิด
เกิดเป็นมาร์คโคตรปวดหัว รวยล้นฟ้า แต่จะมีความสุขซักวันมั้ยนี่
พี่ครับ ผมก็สนับสนุนพี่นะครับ แต่เด็กผมมันไม่ยอม ผมอาจจะต้องเปลี่ยนท่าทีให้เด็กมันเห็นก่อนมันจะได้ไม่วุ่นวายนะครับพี่ พี่เข้าใจผมนะครับ
เอาจริงๆ ต่อให้ไปลบยังไงก็โดนอีกฝั่งว่าเลือกปฏบัติแล้วก็โดนประท้วงอยู่ดีนั่นล่ะ -_-