โจทย์ยากของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกเจ้าคือเรื่องระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และเป็นตัวแปรสำคัญของผู้บริโภคที่จะตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน
ล่าสุด Tesla Model S รุ่นย่อย Long Range Plus เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกาแล้วว่าวิ่งได้ระยะทางเกิน 400 ไมล์ หรือราว 643 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตัวเลขเป๊ะๆ คือ 402 ไมล์)
Tesla ระบุว่าความสำเร็จนี้ไม่ได้ปรับปรุงแบตเตอรี่เลย แต่ปรับปรุงส่วนต่างๆ ของรถแทน โดยที่ยังใช้แบตเตอรี่แบบเดียวกับ Tesla Model S 100D รุ่นปี 2019 นั่นแปลว่ายังใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงเหมือนเดิม ส่วนต่างๆ ที่ปรับปรุงใหม่มีดังนี้
ลดน้ำหนักรวมของรถ Tesla บอกว่านำประสบการณ์การออกแบบ Model 3 และ Model Y มาใช้กับ Model S และ Model X ทำให้ลดน้ำหนักรวมของรถลงได้ อีกทั้งยังปรับให้เบาะนั่งเบาลงรวมถึงวัสดุในแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนก็เบาลงเช่นกัน
ล้อและยางแบบใหม่ เมื่อตอนต้นปี Tesla ได้เปิดตัวล้อแบบใหม่ชื่อ Tempest โดยคำนึงถึงเรื่องอากาศพลศาสตร์ และใช้ยางที่ออกแบบเอง สามารถลดความต้านทานการหมุน (rolling resistance) และเพิ่มระยะทางวิ่งได้ 2%
ปรับปรุงชุดขับเคลื่อน Tesla เปลี่ยนปั๊มน้ำมันหล่อลื่นชุดขับเคลื่อนด้านหลัง จากแบบกลไกเป็นไฟฟ้าเพื่อให้หล่อลื่นได้อย่างอิสระจากความเร็วรถ และยังปรับปรุงมอเตอร์ด้านหน้าด้วย เพิ่มระยะทางได้ 2%
ปรับการทำงานของระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับ (regenerative braking) Tesla ปรับให้ระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับทำงานได้ดีขึ้นในช่วงความเร็วต่ำ ทำให้ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ Tesla ยังระบุว่าสถานี Supercharger V3 ใช้เวลาชาร์จรถสั้นลงถึง 50% เมื่อเทียบกับ V2 โดยเปิดตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2019 จ่ายไฟสูงสุดถึง 250 กิโลวัตต์ ในขณะที่สถานี V2 จ่ายไฟเพียง 145 กิโลวัตต์
ด้าน Elon Musk ได้ทวีตว่าจริงๆ แล้ว Model S ที่ผลิตมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็วิ่งได้ 402 ไมล์อยู่แล้ว แต่เพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการตอนนี้ (น่าจะเพิ่งได้รับการรับรอง)
Tesla บอกว่าแม้การปรับปรุงแต่ละจุดจะมีผลเพียงนิดเดียว แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ให้ผลที่จับต้องได้
ที่มา - Tesla
Comments
ระยะทางไม่สำคัญเท่าระยะเวลาในการประจุแบตฯ
สำคัญครับอยากวิ่งโดนไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดครับ ต่อให้ชาร์จเร็วแค่ไหนมันก็ต้องพึ่งสถานีชาร์จ ถ้าเครื่องชาร์จวัตต์น้อย หรือไม่มีเลย ชาร์จเร็วไม่มีประโยชน์...
แค่วิ่งได้สองร้อยกิโล แต่ประจุไฟเร็วไม่เกินสิบห้านาที จะดีกว่า
มันก็ต้องไปทั้งสองด้านนั่นแหละครับ บางอย่างทุ่มเงินลงไปมันก็ทำไม่ได้
แบบในข่าวนี้วิ่งได้ 600km ถ้าให้วิ่งได้ 200km แบตผมหารสามคร่าวๆ เหลือ 30kWh แล้วกัน ชาร์จให้เต็มใน 15 นาที = 1/4 ชั่วโมง ให้ชาร์จแบบไม่มีการสูญเสียพลังงานเลยนะครับ ต้องส่งไฟ 120,000 วัตต์ครับ
มิเตอร์บ้านผมเป็น 15(45) แอมป์ (จ่ายคงที่/จ่ายพีค) ยังจ่ายได้แค่ 220*15 = 3,300 (9,900) วัตต์เองครับ
แล้วถ้าอ่านลิงก์ในข่าวสักนิดจะเจอลิงก์ข่าวเก่าที่บอกว่าชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ 120 กิโลเมตรนะครับ วิ่งได้ไกลกว่าสามเท่า ชาร์จเร็วกว่าที่ขออีกหน่อยนึง ประสบการณ์การใช้งานดีกว่าต้องชาร์จ 15 นาทีทุกๆ 200 กิโลฯ ไปแบบคนละเรื่องเลย
120 kWh เอาแค่ถ้าเป็น 220v AC ตามบ้าน แค่คิดขนาดสายไฟที่ต้องใช้ส่งไฟจำนวนนี้ไปที่รถ ก็ต้องเรียกว่า ต้องอุ้มสายไฟไปเสียบรถแล้วละครับ
มันยังชาร์จเร็วขนาดนั้นไม่ได้ไงครับ คนที่จะซื้อเค้าก็มองหารุ่นที่ขับได้ยาวๆ จะได้ไม่ต้องชาร์จแบตบ่อยๆ
วิ่งได้สองร้อยกิโล ชาร์จไม่เกินสิบห้านาที อันนี้ก็เกินไปครับ ทำได้ขนาดนั้นนี่การชาร์จแบตมือถือคงแค่รูดผ่านก็เต็มแล้วมั้ง
ตะ แต่ Tesla ชาร์จ 5 นาทีวิ่งได้ 120 กิโลนะครับ...