หลัง Apple เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บน iOS 14 ไปในงาน WWDC เมื่อคืนนี้ หลายคนอาจจะรู้สึกคุ้น ๆ เพราะคู่แข่งอย่าง Android มีออกมานานแล้ว ซึ่งฟีเจอร์ที่เหมือนกับของ Android ก็มี
แม้หลายๆ ฟีเจอร์จะมีการใส่ลูกเล่นเล็กน้อยแบบ iOS เข้าไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่ชาว Android เคยชินกันมาสักพักแล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ Apple ไม่ได้พูดถึง เช่น การเปลี่ยนแอปบราวเซอร์และอีเมลแบบดีฟอลต์ไปใช้แอปอื่นนอกจาก Safari หรือ Mail ของ iOS ได้แล้ว ซึ่งก็ตามหลัง Android ค่อนข้างนาน (หลายฟีเจอร์ของ Android ที่ถูกแซวว่าทำตาม iOS ก็มีเหมือนกัน)
การเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมฟีเจอร์ ถือเป็นสิ่งดีต่อผู้ใช้เสมอ ถึงแม้จะช้าไปสักหน่อย หรือโดนแซวไปบ้าง แถมการเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ เหล่านี้บน iOS 14 ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่เมื่อรวมกับ iPhone SE ที่มีราคาถูกกว่ามือถือเรือธงจาก Android หลายๆ รุ่น ก็อาจดึงดูดผู้ใช้ชาว Android ให้ย้ายค่ายมากขึ้นก็ได้
ที่มา - Android Police, Droid Life
Comments
หัวข่าวนี้ รับรองมีคนดิ้น 555
อันนี้จงใจให้เป็น drama รึเปล่าครับ
ปล. Speech-to-text นี่มีมานานมากแล้วนะครับ
กะแซวเฉยๆ ครับ ส่วนตัวคิดว่ามันอาจจะเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดึงผู้ใช้ใหม่จากฝั่ง Android มาครับ ซึ่งผมว่าก็เมคเซ้นส์อยู่ เพราะ iPhone SE ที่ดึงคนมาได้เยอะ ก็ใส่ฟีเจอร์จัดเต็มมาต้อนรับไปเลย ส่วนเรื่อง speech-to-text ของ Apple เมื่อก่อนมันต้องต่อเน็ตครับ ตอนนี้ปรับมาเป็น on-device คือใช้ตอน offline ได้ ซึ่ง Google ทำไปเมื่อปีที่แล้ว
ถ้าในข่าวบอกว่าแบบออฟไลน์แทน on-device น่าจะเข้าใจ (และดู wow) กว่าครับ
:-)
+1
Speech-to-text ใช้มาตั้งแต่ iOS 8 เลยครับ(2014) และตรงมากๆด้วย
+2048
Just a nerd, who interested in technology :p
เห็นแว้บแรก ก็คิดเหมือนกัน 555
แต่เอาเถอะ มีก็ดีกว่าไม่มีแหละ
ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากไปใช้ Android แต่อย่างใด
ขี้เกียจปรับแต่งมือถือ
มันเหมือนกับที่ผู้เขียนข่าวอธิบายมากกว่านะครับ คือทำเพื่อดึงคนจาก Android ให้อยากใช้ iOS มากกว่า
อันนี้สงสัย สิ่งที่บอกว่า “ปรับแต่งมือถือ” นี่คืออะไรอะ
เพราะก่อนหน้านี้ไอโฟนมันไม่มีไงครับ ( มีก็น้อย ปรับอะไรไม่ได้มาก )
ไอโฟนยูสเซอร์จะไม่รู้ก็คงไม่แปลก
ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากไปใช้ iPhone แต่อย่างใด
ขี้เกียจปรับแต่งมือถือ
The Dream hacker..
เหมือนข้างบนเขาอ่านข่าวงงๆ
ใช้ Android มานาน ก็ไม่ได้ต้องปรับแต่งอะไรนี่ครับ ซื้อมาเปิดเครื่อง ใส่ซิมส์ ล้อกอิน Gmail จบ
ผมมองว่ามันเป็นการแข่งขันนะประโยชน์ก็ตกกับผู้บริโภค คงไม่มีใครอยากเป็นผู้ตามไปตลอดหรอก
เมื่อไหร่ iphone จะเปลี่ยน theme แบบ luncher ของ android ได้เน้อ
ไม่ชอบ app drawer เลยยยจะใส่มาทำไม เห็บเหาจริงๆ
ถ้าไม่ชอบเรียกใช้แอพเป็นหน้าๆเหมือนเดิมก็ได้ครับ ไม้ได้บังคับใช้
ไม่ได้เปิดเป็น default ครับผม ไม่ได้บังคับใช้
ค่อยสบายใจหน่อย ขอบคุณ 2 ท่านมากน้าาา
อ่านข่าวแล้วช็อคเลย เปรียบเทียบแอนดรอยด์ตลอด
ใครจะดึงใครไม่ต้องซีเรียสครับ เราชอบอันไหนใช้อันนั้นไป
ให้เปรียบ wp เหรอครับ
ตีความหมายของคอมเม้นผมได้แค่นี้เองหรอ
แรงบันดาลใจเต็ม ๆ ฮ่า
That is the way things are.
Suggested App ใน iOS มีมานานแล้วครับ ตั้งแต่ iOS11 อยู่ใน Siri Suggested App ในหน้า Search และไม่ได้แนะนำได้แค่แอพ แต่ยังแนะนำกิจกรรมต่าง ๆ หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานที่และเวลาได้
แต่คนส่วนใหญ่ชอบปิดฟังก์ชันนี้กัน เพราะกวางน้อยต้องระวังระแวงนิดนึง
ส่วน Picture-in-Picture เริ่มมีใน iPadOS13 พึ่งเอาลง iOS ใน iOS14
Speech-to-text มีมานานแล้วในชื่อ Dictation แต่ต้องออนไลน์เท่านั้น ถ้าออฟไลน์ได้ก็ iOS14 เนี่ยหละครับ
แก้ให้นะครับ Picture in Picture มีบน iPad ตั้งแต่ iOS 9
ลอกอะไรได้ลอกไปเลย ผู้ได้ประโยชน์คือผู้บริโภคอย่างเราๆครับ
ว่าแต่ Apple เป็นผู้นำเรื่องราคามหาโหดมาก่อน
ก็นำเรื่องราคาย่อมเยาอีกสักรุ่น 2 รุ่นราคามือถือก็น่าจะร่วงลงมาเองละมั๊ง
เมื่อไหร่จะมีปุ่ม Back
มีนานแล้วครับอยู่มุมซ้ายบน
ถถถถถถถถถถถถถถ
แอนดรอยด์รุ่นใหม่ก็ใช้ Gesture navigation ไม่มีปุ่ม back แล้วด้วยสิ
ต้องใช้ด้วยหรอครับ
ปาดจากขอบซ้ายครับ
:-)
+0.99
จะ back หลายทีก็ปาดหลายครั้งหน่อยแถมนิ้วสั้นอีก ก็ยังรู้สึกว่ามีปุ่ม back สะดวกกว่ามาก
มีคนใช้ Widgets ถึง 5% ไหมครับ ถ้าไม่นับตัว google search
ผมครับ อยากได้ widget วันเวลามาก บน ios ดูวันเดือนปียากสุดๆ
วันเดือนอยู่หน้า lock screen หนิครับ แต่ไม่มีปี
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
จริงๆก็กอปมาหลายเวอชั่นแล้วก็ไม่แปลกอะไร ซึ่งหลายๆอย่างเป็นสิ่งที่เหล่าสาวกบอกว่าไม่จำเป็นทั้งนั้น
หวังว่าจะมีความเสถียรมากขึ้นจะได้ลองเอามาลงโปรแกรมใหม่ รอมันเสถียรตั่งแต่เปิดip11แรกๆ จนอัพเดทตอนนี้ หลังจากที่พอลงโปรแกรมมากๆแล้วค้างต้องฮาร์ดรีบูดหลายครั้งจนทั้งที่ไม่ค่อยได้ใช้มากมายอะไรเพราะไม่ใช่เครื่องหลัก (ลองถามคนอื่นที่ใช้เป็นเครื่องหลังดูแล้วก็เป็น แต่เค้าชินแล้ว) ตอนนี้ Factory reset จนตอนนี้วางปิดไว้ขี้เกียจชาต รอ OS นี้แล้วกันเอามาลองลงใหม่
Widget นี่ฮิตสมัย Windows 7 สินะ หลังๆเล่น PC ยังแทบไม่มีอะไรบนหน้า Desktop เลยนอกจากไอคอน
ส่วน Widget บนแอนดรอยสมัยก่อนฮิตกันมาก ผมก็เห่อเหมือนกันตอนได้แอนดรอยใหม่ๆ
ยัดนู่นยัดนี่จนเต็มจอ ทำ Wallpaper แบบขยับได้ ปลดเครื่องที่จอค้างไป 3 วิ
พอใช้ไปนานๆ เหลือแต่ icon app อย่างเดียวเหมือนเดิม พื้นหลังก็เรียบๆมากับเครื่องไม่เคยไปแก้
หน้า Home นี่เป็นส่วนที่เราดูน้อยสุดแล้วมั้ง หลังๆเปิดมาไม่ถึง 5 วิก็เข้าแอพแล้ว
แอพก็สลับจาก Task เอาถ้าเปิดไว้แล้ว
Widget บางอย่างมีประโยชน์มากครับ เช่นบ้านผมเป็นสวิชแบบต่อเนต ผมใส่สวิชเป็น Widget ทำให้เปิดปิดไฟหน้า Home screen ได้เลย ไม่ต้องใช้ Google assistant หรือเข้าแอพไปเปิดปิด
widget พวกตารางงานนัดหมาย กับ todo list นี่ สำคัญกับผมมากเลยครับ มันไม่ต้องเข้าแอป หรือกดหลายที เพราะแค่เห็นหน้าจอก็คือรู้ทันทีว่ามีงานไหม
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
หนีเสือปะจระเข้
ใช้ทั้ง mate 20 pro และ 6s plus เวลามีคนทักมาในเพจ หรือใน LINE@ ทำไม iphone เด้งก่อนตลอด android รอนานมากกว่าจะเด้งแจ้งเตือน ต้องแก้ยังไงหรอครับ?
ส่วนดีไซน์พวก widget, iphone มีฟังก์ชั่นใหม่ก็ดีแล้วครับ ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องยึดติดกับแบบเดิมๆ
ตอนนี้อยากได้ปุ่ม close all app เหมือน android บน iphone มากกว่า
ผมไม่เคยใช้ huawei แต่อาการนี้เดาว่าตัวจัดการพลังงานมันสั่งให้แอพ sleep ครับ ถ้าใน samsung จะอยู่ใน optimize battery usage
คิดว่าคงเป็นระบบป่วยๆ ของแอนดรอยด์มั้ง
ผมใช้ซัมซุงก็เป็น บางครั้งวางมือถือเฉยๆ ไม่เล่นไม่ยกขึ้นมาดู ก็ไม่แจ้งเตือน พอมาดูส่งมาชั่วโมงที่แล้ว เจอบ่อยจนเบื่อ และไม่เคยเปิดโหมดประหยัดพลังงานเลย
เลยต้อง login ipad ไว้อีกเครื่อง แจ้งเตือนตรง และไวกว่าด้วย
แต่สุดท้ายย้ายมาใช้ iPhone 11 แล้ว สบายใจ
อันนี้เป็นฟีเจอร์กันรบกวนอะไรแนวๆนั้นหรือเปล่าครับ ผมเคยใช้ note5 จำได้ว่าตั้งแบบนั้นได้ เพราะผมชอบแบบนั้น เดี๋ยวผมเข้าดูเอง พอยกมันก็แจ้งเลย
เท่าที่ผมรู้ไม่ใช่ฟีเจอร์กันกวนแต่เป็นฟีเจอร์ประหยัดแบตครับ ช่วงเครื่องวางนิ่งๆ (ต้องวางนิ่งๆ ด้วยนะ พกใส่กระเป๋ากางเกงไม่นิ่งนะครับ) จะประหยัดแบตมาก พวกแอปที่ใช้ช่องทาง notification ของตัวเองจะไม่สามารถรับการแจ้งเตือนได้เลยยกเว้นในช่วงที่เครื่องสลับโหมดประหยัดพลังงานมา (ซึ่งจะสลับมาเป็นพักๆ ครั้งละไม่นานก่อนจะกลับไปโหมดประหยัด) จะรับการแจ้งเตือนแบบทันทีได้แม้ในโหมดนี้ตัวแอปเองต้องยิงผ่านช่องทาง push notification ของ Google Service เองครับ
เอ...ของผมสร้าง Reminder ด้วย Google Calendar ให้ปลุกเตือนทุกวัน ถึงเวลาจริงเจอเสียงปลุกตั้งแต่ +0 ถึง +15 นาที เลยครับ สงสัย Google Calendar จะไม่ได้ใช้ push notification ของ Google Service หรือเปล่านี่ (ของผม Pixel 4)
เอ - -"
น่าจะใช่ครับ เพราะใช้ iphone ถ้าเปิดโหมดประหยัดแบต การแจ้งเตือนจะกากลงเลย
ของผม Sony เป็นลักษณะเหมือนกันเลยครับ
huawei ต้องทำสองจุดครับ
1.app launch แล้วเปลี่ยนเป็น manual แล้วเปิดให้ครบทั้งสามตัว
2.battery optimization ปรับแอพให้เป็น off ครับ
เป็นหนึ่งอย่างที่ค่อนข้างน่าลำคาญสำหรับมือถือค่ายจีนที่ส่วนใหญ่ชอบทำ ตัว power saving ขึ้นมาครอบอีกทีทั้งที android ก็มี doze อยู่แล้ว ของ huawei ยังถือว่าเข้าใจง่าย ผมที่จับ tech อยู่แล้วไปดู power saving ของ oppo นี่ยังมึน
ผมค่อนข้างแปลกใจกับการ setting แบบนี้ของ brand จีนเหมือนกัน
คือโดย default ผมว่ามันไม่ควรเข้าไปจัดการนะ ใครอยากใช้ต้องไปเปิดเอาเอง แต่นี่กลายเป็นว่า app ที่ต้องการให้ทำงาน background ได้ปกติ เราต้องเข้าไปปิดการควบคุมซะงั้น
ดังนั้น เครื่องของญาติ ๆ ที่ผมไม่ค่อยสะดวก support ผมจะให้เขาซื้อ samsung ไปเลย จบ
Courage
ใช้ทั้ง android และ ios แล้วไม่ซี
Android ทำคล้ายหรือลอก apple สาวกบอกน่าเกลียด ขี้ลอก
Apple ทำคล้ายหรือลอก android สาวกบอกเดี๋ยวมีคนมาดิ้น
ความคิดแบบนี้ช่างน่า...
555
Apple เพิ่มอะไรคล้าย android โดนบอกขี้ลอก android มีมานานตื่นเต้นไรกัน บลาๆ
Apple ไม่ได้เพิ่มอะไรโดนบอกไม่พัฒนา
ไม่ต่างกันครับ คนใช้ apple ยินดีกับฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพราะเขาไมไ่ด้จะใช้ android แต่แรก ถึงมันจะมาช้า แต่มันมาก็ดีแล้ว
ก็ปกติครับ ชาว Android ก็โดนบอกว่าขี้ลอกเหมือนกัน น่าจะใช้ Logic เดียวกันได้
วันนี้เหมือนนั่งดูเด็กประถมขิงกันว่าบ้านใครเจ๋งกว่า ขำขันดี
ตั้งใจมาอ่านคอมเม้น มากกว่าข่าว อ่านแล้วคลายเครียดดี ?
อนุญาตให้เปลี่ยน default browser ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ web engine อื่น
?
ตอนใช้ iPad ใหม่ๆ
เอ๋! ทำไม Chrome ใช้ Add to Home screen ไม่ได้หว่า?
ก็เพิ่งจะรู้ว่าบังคับใช้ Engine ของตัวเองซะงั้น ?
วิดเจ็ต บนแอดดรอย นี้ ไม่เคยเอามาใช้ เลย มันดุ รกๆไงไม่รุ้
+1 ครับ มีก็ไม่ใช้