Fitbit สมาร์ทวอทช์สายฟิตเนส ออกรุ่นใหม่สองรุ่นคือ Firbit Sense และ Versa 3 กับสมาร์ทแบนด์เน้นการออกกำลังกาย Inspire 2
Fitbit Sense มาแทนตระกูล Fitbit Ionic เป็นรุ่นเรือธงใหม่ของ Fitbit หน้าจอ AMOLED พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ มี GPS ในตัว มีไมค์และลำโพงไว้รับโทรศัทพ์ได้ผ่านการเชื่อมต่อ Bluetooth มีเซ็นเซอร์ EDA (elctro dermal activity) ใช้วัดความเครียดจากค่าความเหนี่ยวนำไฟฟ้าใต้ผิวหนังที่เกิดจากเหงื่อ มาพร้อมฟีเจอร์วัดความเครียดแบบใหม่ในแอป
Fitbit Sense มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ และ ECG พร้อมแอป ECG ตัวใหม่ วัดการเต้นหัวใจเพื่อหาสัญญาณหัอาการหัวใจเต้นพริ้ว (atrial fibrillation - AFib) ได้ มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนังเพื่อตรวจสอบอาการเจ็บป่วย หรือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เป็นสัญญาณของรอบเดือนได้ กันน้ำลึกถึง 50 เมตร ลงเพลงได้จากแอป Deezer และ Pandora รวมทั้งควบคุมการเล่นเพลงจาก Spotify ได้ แบตเตอรี่อยู่ได้มากกว่า 6 วัน รองรับ Fitbit Pay (ใช้งานได้ในไทย) มาพร้อมตัวเลือก Google Assistant หรือ Alexa
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Fitbit Versa 3 มาพร้อม GPS ในตัว จากเดิมที่มีเพียงในรุ่น Ionic เท่านั้น โดย Versa 3 ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ มี Fitbit Pay มีไมค์และลำโพงในตัว เก็บเพลงได้ ควบคุม Spotify ได้ รับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ได้ มี Google Assistant เช่นกัน และกันน้ำลึก 50 เมตรเหมือนเคย แบตเตอรี่อยู่ได้มากกว่า 6 วัน และใช้ที่ชาร์จแบบเดียวกับ Sense 3 ได้ แต่ไม่มีเซ็นเซอร์ ECG, EDA และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนัง
รุ่นสุดท้าย Fitbit Inspire 2 ตัดฟังก์ชั่นสมาร์ทวอทช์เช่นการรับโทรศัพท์ เก็บเพลง หรือ Fitbit Pay ออกไป แต่ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และแสดง notifications ได้อยู่ แบตเตอรี่อยู่ได้ 10 วัน หน้าจอเป็นแบบขาวดำ กันน้ำได้ 50 เมตรเช่นเคย
ที่มา - Venturebeat
Comments
ปีที่แล้วเหมือนสัญญาเรื่องภาษาไทยไว้ ก็ยังกริบ ...
เคยใช้ Fitbit Blaze กับแฟนคนละเรือน เครื่องแรกหมดประกันไปแป๊บนึงชาร์จไม่เข้า ซ่อมเสร็จผ่านไปอีกปีชาร์จไม่เข้าเหมือนเดิม อีกเครื่องผ่านไปสองปี ลาโลกด้วยอาการเดียวกัน เข็ดแล้วยี่ห้อนี้
ดีเกือบหมด มาเซ็งเรื่อง font ไทยนี่แหละ
เพื่อหาสัญญาณของอาการหัวใจเต้นพริ้ว