สมาคมอุตสาหกรรมเพลงของอเมริกาหรือ RIAA ออกรายงานอุตสาหกรรมเพลงในสหรัฐฯ ครึ่งแรกของปี 2020 โดยเทรนด์ของอุตสาหกรรมเพลงก็ยังคงเป็นไปในทางเดิม คือสตรีมมิ่งยังคงเติบโตอยู่เรื่อย ๆ แต่มีจุดน่าสนใจคือยอดขายแผ่นไวนิลแซงซีดีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปี 1980
RIAA รายงานว่า ยอดขายของเพลงเป็น physical อยู่ที่ 376 ล้านดอลลาร์ ลดลง 23% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลหลักมาจาก COVID-19 ที่ส่งผลให้ผู้คนไม่เข้าร้านค้า, ศิลปินงดจัดงาน (จึงไม่มีการขายแผ่นในงาน) รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ผู้คนลดการใช้จ่ายด้านความบันเทิงลง โดยยอดขายแผ่นไวนิลคิดเป็นสัดส่วน 62% สูงที่สุดในกลุ่ม physical
ในทางกลับกัน ระบบฟังเพลงแบบสมัครสมาชิกยังคงเติบโตขึ้น โดยจำนวนสมาชิกของสตรีมมิ่งแบบคิดค่าบริการเติบโตขึ้น 24% และรายได้จากสตรีมมิ่งรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วมาอยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์ สวนทางกับสตรีมมิ่งแบบโฆษณาที่ลดลง 3% แต่โดยภาพรวมแล้ว สตรีมมิ่งแบบมีโฆษณาก็ยังสูงกว่ายอดขาย physical รวมกับยอดดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิทัล
หากคำนวณแล้ว สัดส่วนของรายได้บริการสตรีมมิ่งรวมแล้วคิดเป็น 85% ของรายได้อุตสาหกรรมเพลงทั้งหมด ตามมาด้วยยอดขาย physical ที่ 7% และยอดดาวน์โหลดผ่านช่องทางดิจิทัลที่ 6%
Comments
คนเลือกที่จะฟังเพลงอย่างเดียว ไม่เก็บตัวเพลงมาไว้กับตัวแล้ว ราคาก้ต้องจ่ายทุกเดือน
คนเลือกเก็บแต่ตัวเพลงที่ชอบจริงๆครับ และเก็บเป็น physical ด้วยไม่ใช่ไฟล์ดิจิตอลซึ่งหาง่ายๆในอินเตอร์เน็ต เดี๋ยวนี้คนหันมาเล่นแผ่นไวนิลกันเยอะขึ้นมาก ถ้าไม่นับเครื่องเสียงในรถกับ PC ผมเจอเครื่องเล่นไวนิลบ่อยกว่าเครื่องเล่นซีดีอีกอ่ะ
ปัญหาคือ Vinyl ในบ้านเราราคาแพงพอสมควร แถมมีแต่พวกแผ่นเพลงเก่าๆ หาแผ่นใหม่ๆ ไม่ค่อยจะเจอ ราคาเครื่องเล่นก็แพงอีก ล่าสุดที่ผมเคยเห็น ก็เริ่มที่พันปลายๆ ไปหมื่นต้นๆ ยกเว้นพวก Crosley, Victora หรือแม้แต่ Audio Technica ที่ขายในต่างประเทศยังพอซื้อได้อยู่ เป็นรุ่นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่เจอภาษีนำเข้า ก็บายครับ
ถ้าเป็นผมคงอยากได้แบบ Mini-Disc หรือ Cassette มาฟังอยู่ แต่ตอนนี้แค่ iPhone ก็เพียงพอแล้วหละ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว