จากที่ก่อนหน้านี้ แอปเปิลยืนยัน บล็อคบริการเกมสตรีมมิ่งแบบ xCloud หรือ Stadia เพราะผิดกฎแพลตฟอร์ม วันนี้แอปเปิลกลับลำ ยอมเปลี่ยนเงื่อนไขของ App Store ยอมรับแอพตระกูลเกมสตรีมมิ่งแล้ว แต่ก็ยังมีเงื่อนไขคือ ผู้ให้บริการเกมสตรีมมิ่งจะต้องส่งเกมแต่ละเกมในระบบให้แอปเปิลตรวจแยกทีละเกมด้วย
เงื่อนไขของแอปเปิลยังระบุว่า เกมที่ให้บริการในระบบสตรีมมิ่งจำเป็นต้องมีให้ดาวน์โหลดโดยตรงผ่าน App Store ด้วย เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างลูกค้าที่เป็นและไม่เป็นสมาชิก
กฎข้อนี้แปลว่าบริการ xCloud ของไมโครซอฟท์จะไม่สามารถเปิดให้เล่นเกมอย่าง Halo ที่ไม่มีบนเวอร์ชัน iOS ได้เลย
ไมโครซอฟท์ออกแถลงการณ์ตอบโต้แอปเปิลว่า การออกกฎลักษณะนี้ไม่ได้ช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น แอปเปิลยังยอมอนุญาตให้มีแอพสตรีมมิ่งแบบ Netflix ที่ไม่ต้องตรวจว่ามีหนังซ้ำซ้อนกับ App Store หรือไม่ แต่พอเป็นเกม แอปเปิลกลับต้องการบังคับให้มีแอพของเกมทุกเกมแยกต่างหาก
ส่วนผู้ให้บริการเกมสตรีมมิ่งรายอื่นๆ ทั้ง Google Stadia, NVIDIA GeForce Now, Sony PlayStation Now ยังไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้
ที่มา - CNET, ภาพจากไมโครซอฟท์
Comments
เริ่มกลัวโดนฟ้องผูกขาดแล้วสินะ
ก็ยังดี แต่ไม่ใช้ว่าโลกเรามีหน่วยงานตรวจสอบเกมอยู่แล้วรึเปล่าพวกที่ให้เรทเกมอะ อ้างอิงพวกนั้นบ้างก็ดีนะ
คิดว่า Apple น่าจะเน้นตรวจสอบ MicroTransaction มากกว่านะครับ
ตรวจว่าถ้าไม่มี ก็ควรใส่มาให้เรียบร้อย
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
มันติดที่ข้อแม้เรื่องเกมที่ว่าต้องมีขายในแอพสโตร์ไม่ใช่หรือครับ ก็แสดงว่าเกมที่ลงสตรีมผ่านแอพจะไม่มีเกมที่เป็น exclusive เด็ดขาดยกเว้นเกม exclusive Apple
ผมว่าการที่มีเกม BattleField, Flight Simulator ไม่ลง iOS นี่ก็ไม่น่าเรียกว่า exclusive นะครับ ?
ก็แค่เขาไม่อยากลงมั้งครับ ต่อให้ไม่ ex เขาก็ไม่ลงอยู่ดี ผมแค่บอกว่ากฎนี้จะปิดกั้นเกม ex ที่คิดจะมาให้บริการแบบนี้เท่านั้นเอง เพราะสุดท้ายการลงเกมในแพลตฟอร์มอะไรก็อยู่ที่ความคุ้มค่าในการพอร์ตด้วย แต่บริการสตรีมเป็น 1 ในตัวเลือกราคาถูกที่จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายการพัฒนาเกมหลายแพลตฟอร์มแน่ๆ ถ้าบริการมันเวิร์คผมว่าเกม ex บน pc หรือแพลตฟอร์มที่ทำแล้วเอาไปขายต่อในระบบสตรีมได้ง่ายจะยิ่งมากขึ้นเพราะต้นทุนการพอร์ตจะลดลง แต่เล่นได้ทุกแพลตฟอร์มที่มีแอพสตรีม
+1 ข้อแม้ของ Apple นี่แทบจะคนละด้านกับแนวคิดของ Stadia แบบเดินไปด้วยกันไม่ได้เลย
แหม หน้าเงินจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องความเท่าเทียมของลูกค้าหรอก เล่นผ่านสตรีมมิ่งมันไม่ต้องดาวน์โหลดเกมมาอยู่แล้ว
ที่คิดคือ เกมที่จะเพิ่มเข้ามาใน Store ต่างหากที่จะเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง
สุดยอดของความเขี้ยวจริง ๆ
เปลี่ยนกฎยังไงให้ดูเหมือนไม่เปลี่ยน
"เกมที่ให้บริการในระบบสตรีมมิ่งจำเป็นต้องมีให้ดาวน์โหลดโดยตรงผ่าน App Store ด้วย"
?
ต้องทำแอพสตรีมมิ่งแยกของแต่ละเกม แล้วนับแอพนั้นเป็นเกมเกมหนึ่ง ส่งเข้า App Store ส่วนการสมัครสมาชิกบริการออนไลน์ ให้ทำเป็นแบบ In-app purchase
จะทำแอพที่รวบรวมรายชื่อเกมหลายเกมที่มีใน App Store ด้วยก็ได้ โดยต้อง link ไปยัง App Store เท่านั้น
ไม่อนุญาตแอพสตรีมมิ่งที่ใช้สำหรับเล่นเกมนอก App Store
กฎที่เปลี่ยน แต่ไม่เปลี่ยนกฎ
เหมือนเกมที่รันบน Cloud บน Nintendo Switch ณ ปัจจุบัน
ในมุมมอง End User มันก็เหมือนกับการโหลดแอปร้านขายเกมแล้วซื้อเกมมาเล่น (ไม่ว่าจะโหลดเกมจริงๆหรือ Stream แต่จ่ายเงินแล้วได้เล่นเกมเหมือนกัน) ซึ่งมันก็คือการมี Alternative Store บนระบบ iOS ที่กำลังมีประเด็นร้องเรียนผูกขาดในช่วงนี้เนี่ยแหละ
แต่ข่าวนี้ไม่ยักกะมีคนอวยแอปเปิลและด่าไมโครซอฟท์เท่าข่าวนั้นแฮะ
มันไม่เหมือนกันครับ ใครๆก็รู้ว่า xCloud คือเล่นเกมผ่าน streaming ไม่มีการโหลดตัวเกมมาลง แต่ Apple ตีมึน ทำเหมือน xCloud จะเป็นอีก store ที่จะให้โหลดเกมมาลงในเครื่องเพื่อเล่น
สุดท้ายก็พยายามผูกขาดอยู่ดี ง่าย ๆ คือถ้าเป็นเกมที่เหมือนกับที่ตัวเองจะทำก็ไม่ให้ขึ้นก็พอ (¬‿¬)
ไม่โอเลย
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เกมใน Apple Arcade ก็ไม่มีเกมขายแยก? แต่อ้างมาได้ว่าเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างลูกค้าที่เป็นและไม่เป็นสมาชิก.....
มันถือว่าตามกฎมันอยู่ครับ เพราะอยู่ใน App Store อยู่ดีครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ตามที่เห็นคือ หากบอกว่า สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างลูกค้าที่เป็นและไม่เป็นสมาชิก
หมายถึงให้เกมที่เข้าใน xCloud ต้องมีขายแยกแบบปกติด้วย
ก็ต้องหมายถึงเกมใน Apple Arcade ต้องมีขายแยกแบบปกติด้วย
ไม่ใช่การ exclusives ว่าเกมนั้นๆ ต้องสมัครสมาชิก Apple Arcade เท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้ ใช่หรือเปล่า
ใช่ครับ แต่ในเคสนี้ผมว่าแอปเปิลผิดครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
Apple Arcade เหมือนกันไหม
เงื่อนไขที่สองแปลกๆ เกมในอาร์เขต ยังไม่เห็นมีในสโตร์ปกติเลย
ถ้า Netflix ต้องตรวจหนังทีละเรื่องด้วยเหมือนกันก็พอฟังมีเหตุผลอยู่หรอก
ขอแช่งให้ apple แพ้คดีเกี่ยวกับการผูกขาด
ผมค่อนข้างเข้าใจมุมมองของ Apple นะ
ในการทำธุรกิจ การปล่อยให้บริษัทอื่นมาหาเงินจาก asset ของบริษัทตัวเองโดยที่ตัวเองได้ค่าตอบแทนต่ำกว่าความคาดหวัง ไม่เป็นที่พอใจ บริษัทนั้น ๆ ก็ต้องหาทางออกทำข้อตกลงที่ตัวเองไม่เสียเปรียบให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นมาตักตวงผลประโยชน์จากตัวเองฝ่ายเดียว ยกตัวอย่างเช่นกรณีนี้ ผมไม่คิดว่า XCloud กับ Stadia จะสร้างประโยชน์อะไรให้ Apple มากนัก ในทางกลับกัน 2 บริการนี้อาจจะดึงลูกค้านักเล่นเกม casual ไปจาก Apple ได้พอสมควร พอลองคิดแล้วผมก็ว่า Apple เหมือนจะได้ไม่ค่อยคุ้มเสียเท่าไร
ในแง่ของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ ผมก็อยากได้บริการที่ดีที่สุด สินค้าราคาถูกที่สุด เหมือนอย่างที่ทุกคนคาดหวัง แต่อีกด้านหนึ่งผมคงเอาความต้องการเรื่องนี้มาอยู่เหนือทุกอย่าง ผมคงรู้สึกไม่ดีเท่าไรถ้าต้องทำให้คนอื่นเสียเปรียบเพียงเพื่อให้ตัวเองได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
อย่างไรก็ตามผมคิดว่าบริการนี้สุดท้ายก็คงมาอยู่บน iPhone, iPad แน่นอน เพียงแต่การให้คนอื่นมา "กิน" ธุรกิจทำเงินของตัวเอง มันก็ต้องมีผลประโยชน์ทางธุรกิจที่สมน้ำสมเนื้อเป็นการแลกเปลี่ยน
That is the way things are.
-Apple : เป้าหมายแค่ทำเงินให้มากที่สุด เค้าไม่สนหรอกว่าจะ App store, Stadia บลาๆ
-ภาครัฐ(ที่ไม่ใช่ของไทย) : รู้ว่าเมื่อธุรกิจมีขนาดใหญ่มากมีแนวโน้มที่จะผูกขาด จึงมีหน้าที่ป้องกัน เพื่อธุรกิจขนาดเล็กจะได้มีช่องทางบ้าง
-ลูกค้า : ต้องการแค่บริการคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย ยิ่งจ่ายถูกได้ยิ่งดี
ผมว่าผมไม่ได้หลุด point อะไร เพียงแค่บอกว่าผมคิดอย่างไรมากกว่าครับ ถ้าคุณจะคิดว่าผู้บริโภคต้องคิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว ก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ แต่ผมคิดในมุมผู้ประกอบการด้วยว่ามันแฟร์ไหม เพราะอย่างที่คุณบอกครับ ทำธุรกิจก็ต้องการกำไรสูงสุด ดังนั้นจะปล่อยคนอื่นมาแย่งกำไรไปโดยใช้ asset ของตัวเองที่สร้างเอาไว้อีก มันก็ไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีนัก
จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังไม่คิดว่า Apple ผูกขาด มีทุนอื่นอีกมากมายที่มีกำลังทรัพย์พอที่จะไปสร้าง ecosystem ใหม่ของตัวเอง เพียงแต่ว่าคนเหล่านั้นไม่กล้าทำ หรือทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จเอง ผู้บริโภคเชื่อมั่นในระบบและผลิตภัณฑ์ของ Apple กับ Google มากกว่า
แต่ละคนมีสิทธิ์คิดไม่เหมือนกันได้ครับ จะบอกว่าผู้บริโภคไม่ต้องคิดอย่างอื่นนอกจากผลประโยชน์ของตัวเอง ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น
That is the way things are.
ผมคิดว่าMobile OS อยู่ในจุดที่ไม่สามารถแข่งขันได้นานแล้วครับไม่เกี่ยวกับกำลังทรัพย์ เรื่องกำไรมันก้ต้องการทั้งสองฝ่ายแอปเปิลเองก็หาผลประโยชน์จากทรัพยากรของแอพอื่นเหมือนกันนะครับ
รัฐไม่ได้กลัวผูกขาด แต่กลัวอำนาจที่ได้จากการผูกขาด
เพราะงั้นรัฐจะไม่รอให้มีการผูกขาดโดยเจ้าใดเจ้าหนึ่งแล้วค่อยแทรกแซงตลาด แต่ถ้าเห็นแววว่าใครเริ่มมีอำนาจเหนือตลาดก็จะเริ่มแทรกแซงก่อน เพราะถ้าปล่อยไปมันอาจจะส่งผลต่ออำนาจของรัฐเองได้และถึงตอนนั้นก็จะแทรกแซงยาก
และโดยส่วนตัวผมคิดว่าการที่ Apple สามารถทำอะไรตามใจได้โดยที่คนอื่นต้องมาตามง้อเอง มันแสดงให้เห็นถึงแล้วว่าตัว Apple เริ่มมีอำนาจเหนือตลาดแล้ว และควรจะต้องแทรกแซงครับ
ถึงแม้ปัจจุบัน Apple จะยังไม่ผูกขาดแต่เพียงเจ้าเดียว แต่การที่ตลาดนี้มันยากที่จะมีเจ้าใหม่ๆเข้ามาแข่งขันได้มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และควรจะต้องดำเนินการอะไรซักอย่าง (เช่น การแบ่งธุรกิจใหญ่ให้เป็นธุรกิจย่อยๆ) ไม่ใช่ปล่อยไปเฉยๆรอมันผูกขาดก่อนแล้วค่อยทำอะไรครับ
มันอาจไม่แฟร์กับบริษัทใหญ่ๆที่เขาสร้างทุกอย่างมาด้วยมือของตัวเอง แต่รัฐก็มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องความมั่นคงของรัฐและความเป็นอยู่ของประชาชนตัวเองเหมือนกัน แน่นอนว่าการจ้องเล่นงานบริษัทใหญ่ๆที่มีแววผูกขาดไม่ใช่อย่างเดียวที่รัฐทำ มันมีการแทรกแซงตลาดหลายๆอย่างที่รัฐทำอยู่ก่อนแล้ว เพราะงั้นการป้องกันการผูกขาดก็เป็นแค่หนึ่งในการแทรกแซงของรัฐแค่นั้นเอง (แต่ไทยเหมือนจะไม่มี)
ไทยไม่มีแน่นอนครับ ทุกวันนี้ทุนใหญ่แทรกลึกฝังรากจนขุดออกไม่ได้แล้ว แถมมีแต่จะผูกขาดเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ขนาดประชาชนจะรวมตัวกันแบนยังทำไม่ได้เลย เพราะมันวางรากไว้ทั้งระบบเรียบร้อยแล้ว หันไปทางไหนก็เจอ
แล้วต่อไปก็หาทางคิดเงินใช้ระบบ iOS รัน stream ไปทั้งหนัง เพลง เกม แอป ฯลฯ
ผมเข้าใจว่าก็กำลังทำอยู่นะ 555+
นอกเรื่องนิดนึงครับ ios ใช้จอย เล่นเกมบน appstore ได้มั้ยครับ
ได้นะครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ได้ตั้งแต่ iOS13 ครับ ใช้ได้กับ joy PS4/XBox One แต่ขึ้นกับเกมว่าให้ใช้ joy ได้ด้วยไหมครับ
เปลี่ยนกฏยังไงให้เขาดูออกว่า หน้าเลือด
เสียดายที่ Epic ตบไม่แรงพอ
ห่วงเรื่อง Transactions กับ UX แหละค่ะ
พี่ไมอย่าเล่นง่ายสิ ถ้ามีมือถือ 100 OS พอ IOS ชนะหมด
พี่ก็มาขออาศัย มันง่ายไปพี่ มาอาศัยพี่ต้องจ่ายมากกว่านี้
ถ้าทำเป็น xCloud single game มาลงขายแยกราคาแพงๆ ได้นี่ก็นับว่ามีลง iOS มั้ยนะครับ