งานเปิดตัว iPhone 12 เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา เรื่องที่ถูกพูดถึงและเป็นประเด็นมากที่สุดคงเป็นเรื่องการไม่แถมที่ชาร์จ (จริง ๆ ก็ตั้งแต่ Apple Watch Series 6 เดือนที่แล้วแล้ว)
แม้การอ้างสิ่งแวดล้อมจะฟังดูสมเหตุสมผล (ตั้งแต่ซัพพลายเชนการผลิตยันขยะ) แต่ท่าทีของแอปเปิลที่ออกมามันออกไปในแง่ลดต้นทุนของตัวเองมากกว่าความจริงใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Jon Porter แห่ง The Verge แสดงความเห็นไว้ว่า หากแอปเปิลต้องการจะช่วยโลกจริง ๆ ก็ควรเปลี่ยน iPhone ไปใช้พอร์ท USB-C
เหตุผลของแอปเปิลที่ไม่แถมหัวชาร์จคือตอนนี้มีหัวชาร์จของแอปเปิลที่ออกสู่ตลาดไปแล้วกว่า 2 พันล้านชิ้น ไม่รวมของพาร์ทเนอร์อีกหลายพันล้าน ดังนั้นผู้ใช้งานน่าจะหาหัวชาร์จได้ไม่ยากแต่ Jon Porter ก็แย้งว่าหากดูส่วนแบ่งตลาดของสมาร์ทโฟนทั้งหมดเมื่อปี 2019 ส่วนแบ่งแอปเปิลแค่ 13.9% เท่านั้น ขณะที่ที่เหลือของตลาดส่วนใหญ่ก็ USB-C ทั้งหมด ไม่รวมตลาดอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างแล็บท็อป, หูฟัง, แท็บเล็ตที่ใช้ USB-C กันอย่างแพร่หลายแล้ว
ดังนั้นในทางทฤษฎี ผู้ใช้งานมีความพร้อมที่จะชาร์จ iPhone ที่เป็น USB-C อยู่แล้ว ซึ่งแอปเปิลสามารถขาย iPhone โดยไม่ต้องแถมอะไรมาเลยก็ได้ด้วยซ้ำ และนั่นเป็นสิ่งที่บริษัทที่อ้างสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมควรทำ (เช่น Fairphone ที่ทำไปแล้ว)
นอกจากนี้เมื่อต้นปี EU เคยเสนอใช้พอร์ต USB-C เป็นสายชาร์จมาตรฐาน เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแอปเปิลก็แย้งว่าจะก่อให้เกิดขยะมากกว่า เพราะจะทำให้สาย lightning ของแอปเปิลเป็นของใช้ไม่ได้และถูกทิ้งทันที ซึ่ง Jon Porter ยกตัวอย่างตอนที่แอปเปิลเปลี่ยนจากพอร์ท 30-pin มาเป็น lightning ขึ้นมาแย้งว่า ตอนนั้นแอปเปิลและพาร์ทเนอร์ก็ยังคงขายอแดปเตอร์ 30-pin to Lightning ต่อไปอีกหลายปี ดังนั้น USB-C จะแตกต่างกันแค่ไหนเชียว แม้มันจะสร้างขยะในระยะสั้น แต่ในระยะยาวมันดีกับสิ่งแวดล้อมกว่าแน่ ๆ
ที่มา - The Verge
Comments
ผมบอกแล้วในข่าวก่อนๆ ว่ามันคือสุดยอด logistics ของทิมคุก
เห็นด้วยเลยอันนี้ ถ้าอยากลดจริงๆ USB-C ปุ๊บใช้สาย macbook สาย iPad รุ่นใหม่ๆ ได้เลยไม่ต้องแถมอะไรเลย
เห็นด้วย ควรเป็น usb c ทั้ง 2 ด้าน ได้แล้ว
อื่ม USB-C มันยังใหญ่ไปนะ สำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน แต่สาย USC-C -> Lightning ก็มี น่าจะแถมสายนี้มาให้ ไม่เอา Adaptor ก็ได้
เขาแถมอยู่แหละครับ แต่บทความนี้บอก เปลี่ยนเป็น usb-c -> usb-c จะได้ไม่ต้องแถมอะไรเลย
เพราะสายที่ไม่ได้ใช้มันก็กลายเป็นขยะอยู่ดี
ใหญ่ไปในทางด้านไหนครับ?
หัวของ usb-c นับเฉพาะส่วนที่ถูกเสียบเข้าไปในรูเครื่อง มันหนากว่าหัว lightning ครับ
ก็ไม่เห็นจะกระทบกับความ "ใหญ่ไปสำหรับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน" นะครับ
โอ้โห้เลือกคู่เทียบแบบต่อน้ำหนักไปเยอะเลย 555
อันนี้เน้นเรื่องความหนาอย่างเดียวเลยนะครับ ?
บน duo ส่วนใหญ่สายมันจะหนาไปครับ เวลาชาร์ตแล้ววางเรียบ ๆ บางหัวเหมือนมันจะไปค้ำ port อีก ขอบก็บางจนผมหาหัว magsafe มาใช้แทนแล้ว
เอาจริง ๆ duo มันหนักกว่า pro max นิดเดียวเองนะ - -
หาหัว magsafe มานี่ยังไงนะครับ ?
เรื่องหัวค้ำอาจจะไม่ใช่ปัญหาถ้าวางเอาฝั่งมีหัวชาร์จมาไว้ด้านบนหรือเปล่าครับ น่าจะต้องห่วงขอบแตกมากกว่า - -"
ผมก็ยังอยากได้อยู่แต่เห็นคนรับหิ้วอัปราคาขึ้นไปอีกแล้ว ทีนี้ยาวเลย
น่าจะเป็นหัวแม่เหล็กเล็กๆเสียบค้างไว้ที่เครื่องเลย คล้ายๆกับ magsafe
"หัว Magsafe" เสียบเฉพาะ "ส่วนหัว" คาไว้ที่เครื่อง แล้วสายมันจะถอดออกได้ ผมว่า @hisoft เคยเห็นแหละ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ผมมีหัวแบบที่ว่าเสียบไว้กับเครื่องครับและผมว่าเฉพาะหัวนี้มันน่าจะหนากว่า Surface Duo ด้วยซ้ำ ? ยิ่งพอเอาฝั่งสายมาเสียบมันจะหนาขึ้นอีกนี่สิ
ผมมีหัวแบบที่ว่าเสียบไว้กับเครื่องครับและผมว่าเฉพาะหัวนี้มันน่าจะหนากว่า Surface Duo ด้วยซ้ำ ? ยิ่งพอเอาฝั่งสายมาเสียบมันจะหนาขึ้นอีกนี่สิ
หัวแม่เหล็กดูด ๆ แบบที่ 2 ท่านอธิบายไว้แหละครับ
เรื่องหัวค้ำจะมีปัญหาสำหรับคนใส่เคสครับ คือถ้าพับปิดแบบเอาจอเข้าด้านในจะติดนิด ๆ ตรงนี้อาจเป็นเพราะผมใช้สายเก่าด้วยน่ะของที่มันแถมมาในกล่องยังไม่ได้แกะ
แต่ถ้าพับเอาจอออกมันจะมีช่องว่างที่เกิดจากเคส ตรงนี้ช่วยให้ไม่ค้ำได้ครับ เอาจริง ๆ ผมพับปิดเอาจอเข้าด้านในไม่ได้ด้วยแหละเพราะติดกันรอยกระจกมันหนาเกินไปมันไปจนดันบานพับ ตอนนี้เลยพับแบบเอาจอออกนอกตลอดเวลาแทน
ส่วนปัญหาขอบพลาสติกแตกน่าจะเกิดจากคนใช้ คือเวลาจับสายดึงออกแต่เอามือหรือเล็บไปกดเลยหัวปลั๊ก แล้วเล็บมันไปกดขอบพลาสติกแตกตอนดึงมากกว่า
อีกเรื่องที่จะบอกคือขอบจอหนา ๆ บนล่าง นั่นโครตช่วยในการจับเลยครับ ไม่มีจะจับลำบากมาก นึกภาพจับเหมือนหนังสือนิ้วหัวแม่มือจะอยู่ตรงตัวบานพับพอดีเลย
ขอบคุณทั้งสำหรับคำชี้แจงและรีวิวคร่าวๆ ครับ ?
ใช้ UCB-C ก็โดนแฮ๊คกระจาย
แล้วจะห่วงอะไรกะโลกร้อนกะมลพิษ ทรัมป์ยังไม่เชื่อเรื่องโรคร้อนเลย
Hack?
ไปเรื่อยแหละครับ
เก็บ usb-c ที่วางอยู่ข้างทางมาเสียบกับคอม ทำไมผมถึงโดนแฮกได้นะ!?
คนนี้เขาทั้งสาวก ทั้งขนมหวาน อย่าไปเอาอะไรมากเลย ไม่เชื่อลองไปย้อนดูความเห็นเก่า ๆ ที่ตอบที่นี่ดู
ผมว่าเค้ามีสิทธิจะเป็นอะไรก็ได้นะ ถ้าจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ที่ความเห็นของเค้าดีกว่าครับ
ปล. ผมก็คิดเหมือนคุณอ่ะนะ แต่ผมก็พยายามลด ad hominem ลง
เพ้อเจ้อ
เอิม ไปเอาความเชื่อนี้มาจากไหน
อมฮอลล์หน่อยมั้ยครับ
ขอมายมินต์ดีกว่าครัฟ
ฮอลแพะไม่เท่าไหร่ แต่วาร์ปด้วยนี่สิ
ลายเซ็นยาวเกินไปครับ
ใช้ USB C ก็พกหม้อแปลง Macbook ตัวเดียวใช้กันยาวๆ
ผลัดกันชาร์จใช้โหดยังไงก็ชาร์จทัน
ยังไงสายไฟทุกสายก็ถูกทิ้งอยู่ดี ดังนั้นทำยังไงก็ได้ให้ผลิตน้อยจะดีกว่า
"เราใช้ฉนวนภายนอกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ" แต่ข้างในยังเป็น PVC มันก็เลยช่วยได้นิดนึง แถมต้องซื้อบ่อยขึ้นอีกต่างหาก
ใช่เลยครับ เจออาการย่อยสลายเองตามธรรมชาติตอนที่ใช้งานอยู่ด้วย เศร้ามาก T_T
นอกเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้ยังมีคนแซะ The Verge ว่าเป็น iVerge อยู่ไหมครับ
กำลังจะโพสเลย
เห็นยังแซะเรื่องประกอบเกมมิ่งพีซีเรื่อย ๆ อยู่นะครับ :)
ปัญหาอยู่ที่ไม่ยอมรับข้อผิดพลาดแหละครับ
Gaming PC Build นั่นอภิมหาความ fail ครับ แถมยังออกมาแถอีก ถ้ารับแมนๆ ผมว่าจบสวยไปแล้ว
เปลี่ยนเป็น USB-C ก็ขายใบรับรอง MFI กับ Chip lightning C94 ไม่ได้อะสิ
อันนี้แหละเป้าหมายหลัก
(จริง ๆ ก็ตั้งแต่ Apple Watch Series 6 เดือนที่แล้ว)
ไม่รวม่ > ไม่รวม
อันนี้ก็ค่อนข้างจริง จะได้ไม่ต้องแถมสาย lighting to C เลยด้วย
หวังว่า 13 จะเปลี่ยนเป็น USB C แล้วไม่ต้องแถมสายเลย
ถึงแม้ผมจะรำคาญที่สาย C มันดูหลวมๆ ก็ตาม...
เค้าจะออก 13 เหรอ?
iOS 13 ยังออกมาแล้วเลยครับ คิดว่าคงไม่ถือเรื่องเลข(มั้ง)
เออ ผมลืมไปว่ามี iOS 13 ด้วยครับ
Lightning ปัจจุบันมัน usb 3.1 gen 2 หรือเปล่าครับหรือ เหมือนเดิมไม่มีไรเปลี่ยนเลย
iPhone ทุกรุ่น เป็น USB 2.0 ครับรวมถึง iPad ด้วย มีแต่ iPad Pro รุ่นที่เป็น Lightning ถึงจะเป็น 3.0 ครับ
USB-C ตัวเองก็มีส่วนพัฒนาแท้ๆ
ถ้ามีผู้เล่นใหญ่ใช้เต็มตัว ระดับมาตรฐานมันสากลขึ้นและก้าวกระโดดแน่นอน
เพราะ USB-C หลายเจ้ายังเป็นแค่พอร์ทที่หน้าตาเหมือนกันอยู่บ้างประปราย
สนับสนุนอย่างยิ่ง usb c สักทีเหอะ
จุกๆ
มันก็จริงๆ จะไปใช้กับคนอื่นก็ไม่ได้ ใช้แทนกันก็ไม่ได้ ก็ต้องซื้ออยุ่ดี
เห็นด้วย ถ้า lightning ดีกว่าจริงทำไม MAC กะ iPad pro ถึงเลิกใช้
เห็นด้วยมากๆครับ เอาจริงๆ ในเมื่อเป็นทุนนิยมคุณจะอยากให้ใช้ Port อะไรก็ไม่ผิด แต่คุณจะอ้าง Save the world คงไม่ได้หรอก
ทำไมไม่มีปุ่มไลค์! อยากกดรัวๆ
แต่ถ้าเรื่องขยะผมอยากให้พูดถึงเรื่องฟิลม์กับเคสมากกว่านะ
เห็นคอมเม้นข้างบนแล้วถ้า Apple เอา port ออกนี่ คงจะเงิบหมดเลยสินะ
เงิบยังไงอะครับก็เค้าบ่นกันเพราะไม่เอาออกนี่ครับ
เห็นด้วยว่าควรเอา USB-C มาได้แล้ว ในเมื่อใช้กับ Macbook กับ iPad แล้ว ก็ควรมาใน iPhone ด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ดูเหมือน Apple จะพยายามข้ามไป Wireless Charge เลยนะ รอเวลาให้เทคโนโลยีมีการสูญเสียพลังงานในการ Charge น้อยลง
เห็นด้วยจริงๆ ถ้าอยากลดโลกร้อนจริงๆ ไม่ควรยึดติดกับ eco system ของตัวเองเกินไป
เรื่องสายชาจนี่ ผมว่าเปลี่ยนเป็น USB-C ไป ก็ไม่มีใครมาด่าว่าตามใครหรอก เต็มที่ก็โดนแซะนิดหน่อย เหมือนที่ลอกๆ หลายๆ อย่างจาก android ไป ซึ่งกลับกัน ฝั่ง android ก็โดนประจำเหมือนกัน เรื่องนี้จึงไม่ใช่ประเด็น
ไม่รู้ apple กลัวอะไรในการจะทิ้ง Lightning เพราะเรื่องหน้าตา หรือเรื่องรายได้ หรือ???
แต่ถ้าอยากทำเพื่อลดขยะจริง USB-C หรืออะไรที่จะมาใช้ร่วมกันได้ในอนาคต มันคือคำตอบมากกว่าอย่างชัดเจน และอยากจะใช้วัสดุย่อยสลายได้ การผลิตที่ไม่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็จัดไป แต่ให้เป็นสายที่ใช้ร่วมกันได้ มันไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าทำสายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แล้วให้ทุกคนก็ใช้ได้ด้วย ไม่ใช่แค่คนใช้ apple
iphone12 นี่ผมอุตส่าห์แอบหวัง สุดท้ายก็ไม่ยอมเปลี่ยน แถมไม่มีอะไรให้น่าเปลี่ยน(สำหรับผม) รอลุ้น iphone 13 ต่อไป หรือผมจะได้ถือ iphone11 ไปยาวๆ ไปจนไม่มีอัพเดทแล้วถึงเปลี่ยนก็ค่อยว่ากันไป
เอาจริงๆ นะ แค่ usb-c มา + cpu ใหม่ปีนั้น(ซึ่งเป็น default อยู่แล้ว) มาแค่นี้ผมก็เปลี่ยนเครื่องแล้ว
ชินแล้วล่ะ
ก่อนหน้านี้พอตัดอะไรทิ้งก็อ้างเหตุผลหรูๆออกมา แต่การกระทำบางอย่างมันทำให้ผมคล้อยตามไม่ลง (โดยเฉพาะ macbook กับ iphone ที่ตีกันเอง เช่น 3.5mm แสกนนิ้ว/หน้า USB-C) ใครจะคล้อยตามเหตุผลของ Apple ก็ตามไปแต่ไม่ใช่ผมคนนึงล่ะ
ขนาดผมสาวกนะยังโคตรเห็นด้วยเลยอันนี้
จากใจเลยนะ
ที่ทำงานผม นับคนได้เลยที่ใช้ไอโฟน
พอเวลาผมอยากจะยืมสายชาร์ท ผมทำใจไว้ก่อนเลย ไอโฟนมันอินดี้ เข้ากับคนอื่นไม่ได้
ผมก็ลุ้นว่า iphone 12 จะทำไหม สรุปไม่ทำ
การที่คุณไม่แถมอแดปเตอร์มาแบบนี้ มันควรเป็น c ได้ละ อยากขอจุ๊บกับใครก็จุ๊บได้
ตอนนี้สองจิตสองใจอยู่ว่า จะเอา 12 ดีไหม อยากอัปเกรดจากการใช้ XR ไป 12 บ้างละ พอเห็นแบบนี้ อืมมมม เอาไงดีวะเรา
ซื้อหัวแปลง usb c to lightning สิครับ เล็กๆ พกง่าย
สำหรับผม หายืมสาย lightning ง่ายว่า usb-c เยอะเลย
ปัญหาโลกแตกอีกอันคือพวกผู้ผลิต mainboard ก็ทำบอร์ดที่มี USB-C to C ออกมาน้อยไป
ไม่งั้นทุกวันนี้ adapter usb-C ที่ค่า watt สูงๆก็มีหมดแล้ว แต่ mainboard นี่ ?
ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจทั้งบรรทัดบนบรรทัดล่างเลยครับ ?
หมายถึง mainboard PC ครับ ตัว Port Usb-C ที่ให้มีอยากมากก็แค่สองช่องเอง ซึ่งถือว่าน้อยมาก ส่วนอันล่างคือ adapterที่เราใช้ชาร์ตมือถือนี่แหละ คือทุกวันนี้ตัวที่ให้ watt สุงๆ 20-30 Watt ก็มีแล้ว จะเอาเยอะแค่ไหนก็ทำได้ แต่บน mainbaord กลับไม่ค่อยทำแบบ PD ออกมา แต่ในทางกลับกันคือตัว Apple กลับไม่ปล่อยให้ใช้งานเป็น USB-C to C ที่มันรองรับค่า Watt สูงๆจริงๆสักที
เอาเข้าจริงผมเดือดร้อนนะ เพราะมันชาร์ตให้เร็วกว่านี้ได้ แต่ทาง Apple ไม่ปล่อย hardware ออกมาเอง
type-c เป็นคอนเนกเตอร์เฉย ๆ ครับ ตัวผู้ผลิตเคสเองสามารถทำช่อง type-c ต่อเข้า usb 2.0 ก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นหัว 3.1
ทั้งนี้หัวจะเป็นแบบไหนถ้าไม่รองรับ usb pd มันก็ยังเป็น 5v1a เหมือนเดิม ชาร์จช้าเหมือนเดิม อันนี้ต้องใช้ hw เพิ่มซึ่งบนเมนบอร์ดยังไม่เห็นใครทำนะครับ
Asrock Z270 Gaming-ITX/ac มีนะครับ (ส่วนน้อยมั้ง) USB PD 2.0
แต่ไม่ได้ใช้ ฮ่า มันอยู่หลังเคส เลยไม่ใคร่มีประโยชน์เท่าไหร่
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
อันบนแยกหลายเรื่องเลยครับ
อันนี้หมายถึงอุปกรณ์ไหนกับไหนของ Apple นะครับ?
ก็อย่างพวก IPad(และIphone)นี่แหละครับ
ขออธิบายว่า ถ้าเป็น IPad(Pro)แล้วใช้สาย thunderbolt จะได้กำลังไหสูงสุด 27W ถ้าใช้ USB-C ธรรมดาจะได้ค่า Watt ประมาณ 18 นี่แหละครับ ส่วนตระกูลมือถือนี่คือน้อยยังไงก็น้อยหยั่งงั้น
อย่างที่ในพูดว่า"เพราะ apple ไม่ยอมปล่อย hardware นั่นแหละ คือตอนนี้ฝั่ง android นี่โดดไปกันยัน 45-90 กันแล้ว แต่ของฝั่ง Apple นี่หรูสุดก็แค่ 20W เอง ซึ่งถ้าจะงกแบตก็ควรจะให้ระบบชาร์ตที่จัดหนักกว่าชาวบ้านเขา หรือถ้าให้แบตมาเยอะๆ สัก 7000mah แล้วจะชาร์จช้าเท่ากับคนอื่นนี่จะไม่บ่นเลย เพราะตีว่าชาร์ตข้างคืนตื่นมายังไงๆก็ต้องเต็มแน่ๆและอยู่ได้ทั้งวันด้วย ?
ถ้า Thunderbolt ได้เท่ากันนี่ก็จะไม่ว่าเลยนะครับ - -"
ก็ Apple น่ะครับ เค้ายืนยันว่าเค้าคิดมาให้ดีแล้ว ใช้ไปตามนั้นก็พอ
ที่เค้าคิดมาดีแล้วขอยืนยันเลยครับว่าคิดมาน้อยไป ตอนนี้ผลทดสอบก็ออกมาแล้ว ถ้าใช้ 5G เครื่องจะซดแบตมากกว่าเดิมเยอะ
ถ้า Chip ดีขึ้นแต่สุดท้ายมี Part อื่นที่ใช้มากขึ้นแทน แบตที่ให้มาก็ถือว่าน้อยอยู่ดี
เพิ่มเติมไว้นิดว่าท่อนลงท้ายนั่นผมประชด Apple นะครับ ?
มันควรเป็นความสามารถของ case มากกว่าครับ เพราะถ้ามันเป็นความสามารถของ MB มันจะต้องมี setting พิเศษสำหรับจัดการไฟที่จะจ่าย แต่ถ้ามันไปอยู่ที่ case ขอแค่มีไฟจ่ายก็ยังทำงานได้ครับ
แม้ว่าส่วนตัวจะยังมีความกังขาเรื่อง type c ที่มันหลวมง่ายอยู่ แต่ก็เห็นด้วยกับบทความแทบจะทุกประการครับ