MTA ผู้ดูแลระบบขนส่งมวลชนนิวยอร์กได้เปิดตัวระบบจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless) สำหรับใช้งานกับรถไฟใต้ดินมาสักระยะแล้วในชื่อ One Metro New York หรือ OMNY โดยแผนตอนแรกคาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม แต่ล่าช้าเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19
ล่าสุด MTA เปิดแถลงข่าวเปิดตัวระบบ OMNY อย่างเป็นทางการ โดยระบบใหม่นี้พร้อมใช้งานแล้วในระบบรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก ผู้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสามารถใช้บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, สมาร์ทโฟน หรือสมาร์ทวอชที่รองรับการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสแตะเข้าเพื่อใช้งานระบบรถไฟได้ทันที
การเปิดใช้ OMNY สำหรับรถไฟใต้ดินเป็นเพียงเฟสแรกของการวางระบบเท่านั้น และทางนิวยอร์กจะขยายให้ OMNY รองรับรถไฟระบบอื่น ๆ ของนิวยอร์กต่อไป รวมถึงในอนาคตจะออกบัตร OMNY สำหรับใช้จ่ายแบบไร้สัมผัสเพื่อทดแทน MetroCard (บัตรแถบแม่เหล็ก) ทั้งระบบ โดยทาง MTA วางแผนจะปลดระบบ MetroCard ให้ได้ภายในปี 2023
ที่มา - Engadget
ภาพจาก OMNY
Comments
ชาลียุคใหม่ผู้น่าสงสาร แตะเข้าแล้วแบตสมาร์ทวอชของเค้าไม่พอ ต้องติดแหง็กใน metro ต้องรอแฟนสั่งแซนด์วิชให้มาส่งในสถานี จะได้ออกมามั้ยก็ยังไม่มีใครรู้
เผื่อใครไม่เก็ต
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ส่วนไทย บัตรคนละใบ แถมค่ารถไฟฟ้าแพงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ และที่ตั้งแต่ละสถานีก็แย่มากกก ไม่เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่นเลย ลงปุ๊ป เดินไม่ไกลถึง แต่ละที่เชื่อมถึงกันหมด และอย่าพูดว่ามันเป็นทางเลือกเขาไม่ได้บังคับให้ขึ้นนะ รถสาธารณะมี ถ้ามันตรงเวลา และขับดีก็เป็นทางเลือกที่ดี
นี่ยังไม่รวมถึงสายรถเมล์ที่โคตรจะงงและไม่เคลียการเดินทางจากบางจุดไปอีกจุดนึงด้วยรถเมล์อย่างเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้จะเป็นถนนติดกัน ไม่มีเวลาบอก จอดบ้างไม่จอดบ้าง สภาพรถเต่าล้านปีนะครับ
ก็สะดวกดีครับ ไม่ต้องรูด MetroCard เหลืองๆ แล้วติด SWIPE AGAIN เหมือนแต่ก่อน ถถถ+
ส่วนบ้านเรา บัตรแมงมุมก็ยังไม่เกิดเสียที กลายเป็นหยากไย่ไปแล้ว ซึ่งบัตรรวมตัวนั้นควรจะทำให้เสร็จนานแล้ว (และทำให้ครอบคลุมทั้งรถไฟ รฟท. กับทางด่วนทั้ง BEM และ M-PASS ด้วยเลยก็ดี ใบเดียวจบ)
หรือเปลี่ยนมารับระบบ paywave แทนเสียที ในเมื่อบัตรใหม่รองรับ paywave ทั้งค่าย M และ V ก็เยอะมากแล้ว ตั้งแต่บัตร Debit ก็มีมาให้ ใช้ง่ายเลยบัตรเดียวจบ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
บ้านเราถ้าไม่ติดกฏหมายบางประการนี่ ผมว่ายกระบบ Rabbit มาใส่ให้จบๆ ไปเลยดีกว่า รถเมล์ไทยยกเลิกระบบเดิมไป ให้กระเป๋ามาถือเครื่องรูดไม่รู้เดียวนี้ยังรูดได้เปล่านี่ จะไปลองไม่เห็นถือสักคนเลย
Rabbit มันใช้กับบัตรเครดิตแบบเครื่อง ขสมก. ไม่ได้นะครับ ยิ่ง Rabbit บนรถเมล์ (ของ SmartBus เป็นต้น) ต้องเติมเงินเข้าไปก่อนด้วย
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ตัดบัตรไม่ได้นี่สงสัยจะเป้นเครื่องแบบ Offline เปล่านี่ บางร้าน Mc เคยเจอบอกเงินเป็นศูนย์บาท ทั้งๆ ที่ปกติก็เอาบัตรไปรูดขึ้น BTS ตัด 15 บาทได้ตลอด
ของ ขสมก. ตัดบัตรเครดิตได้ครับ สายที่คนใช้เยอะ ๆ อย่าง airport bus มีแน่นอนครับ แต่คนใช้น้อยบางสาย เขาไม่ถือ ถ้าจะตัดบัตรบอกเขาได้ ถ้ามีเครื่อง แล้วไม่มีปัญหา เขาก็หยิบมาใช้ครับ
Jusci - Google Plus - Twitter
ไว้มีโอกาศคงได้ไปลองใหม่ จะลองตั้งแต่ก่อนโควิดมา พอมาก็ไม่ได้นั่งรถเมล์เข้าเมืองเลย
ง่ายสุด ผมว่าออกมาตรฐาน contactless กลาง แล้วบังคับ contactless ทุกเจ้าให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน และต้องใช้ข้ามกันได้ แบบพวกบัตร suica ของญี่ปุ่น
ไม่ต้องลงทุนทำเองครับ แค่ศึกษา ออกมาตรฐาน แก้กฎหมายบังคับใช้ กำหนดกรอบระยะเวลา จบ
ทุกวันนี้เลยอ่อนนุชไปทางปากน้ำยังตัดเป็นเงินสดอยู่เลย
เพราะตรงนั้นมันส่วนต่อขยายนี่ครับ ค่าโดยสาร บีทีเอส ต้องจ่ายให้ กทม. เพราะ กทมอนุญาตให้ บีทีเอส เดินรถ เฉยๆ
เข้าใจว่ามันคือส่วนต่อขยายครับ แต่มันแก้ไขไม่ได้เหรอครับ? ระบบเป็นระบบไอทีนะ มันสามารถตรวจได้อยู่แล้วว่าขึ้นจากไหนลงที่ไหน จะปรับราคาต่อเที่ยวให้มันสอดคล้องกับจำนวนสถานีแบบเป็นช่วงจำนวนสถานีก็ยังได้เลยครับ
เพราะ กทม. ระบุว่าจัดเก็บ 15 บาท และก็ ภาครัฐไม่ต้องจ่ายภาษี เพราะฉะนั้น โปรเที่ยว กับค่าโดยสาร เลยไปรวมกับส่วน ต่อขยายไม่ได้
เข้าใจว่าต้องแยกเพราะระเบียบปัจจุบันครับ ผมถึงบอกว่ามันน่าจะแก้ไขด้วยการแก้ระเบียบหรือให้ระบบจัดการได้
แทนที่ว่าความหลากหลายจะดีกับผู้บริโภค นี่แทคทีมกันทึ้งผู้บริโภค โดยมีรัฐยืนดูสบายๆ เลย
มันแก้ได้ครับ ผมเชื่อแบบนั้น
ทางแก้ที่ดีที่สุดคือเลิกต่อสัมปทาน bts แล้วย้ายไปอยู่กับ กระทรวงคมนาคมให้หมด
จัดการที่เดียว เราก็จะไม่มีปัญหาคาราคาซังแบบทุกวันนี้ แถม ค่าโดยสารก็แพงด้วย
มีเก็บเกินกับสถานีที่ไม่ได้สร้าง/สร้างไม่เสร็จอีกตังหาก
และยิ่ง กทม. ที่ถังแตกอยู่นี่ ส่วนต่อขยายก็เป็นหมันไปแล้ว
แต่หม่อมหมูเซ็นต์สัญญาให้ไป 30 ปี ดีต่อใจมากๆ
ผมยังไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้แก้ไม่ได้ หรือไม่ใส่ใจจะแก้แล้วอ้างระเบียบเอา
ปล.เพิ่งรู้ว่ากทม.ถังแตก แต่ส่วนต่อขยายในจังหวัดอื่นๆ มันนับเป็นกทม.ด้วยเหรอครับ?
ไม่ควรนับ แต่ก็เป็นอย่างนั้นไปแล้ว
ถังแตกสิ เพราะเอาของ รฟม. มาแบบไม่มีปัญาจ่าย
อันนี้เพิ่งตามอ่านข่าว กทม.
ก็เลยจะทำเป็นสัมปทานให้ bts ไป เป็นการล้างหนี้
แต่ถ้าได้สัมปทาน ข้อดีคือเป็นราคาเดียวกันหมดแล้ว
ข้อเสียคือ ค่าโดยสารในอนาคต นี่แพงระยับ แน่นอน
อ่านแล้วเวียนหัว ไอ้ที่บอกๆ กันว่าให้เอกชนทำเพื่อให้มีการแข่งขัน ราคาจะได้ถูกลงมันแค่ขายฝันทั้งเพ
ประเทศนี้เป็นประเทศขายฝันครับ ง่ายสุดคือ เสียภาษีเพื่อมาพัฒนาประเทศ แต่ความจริงคือให้คนคนหนึ่งและกลุ่มหนึ่งใช้งาน ส่วนที่พัฒนาก็มีถึง 10% หรือเปล่าเถอะ ไม่งั้นคงไม่เป็นประเทศด้อยพัฒนามาเกือบจะ 100 ปีหรอก
เมืองไทยผังเมืองมันเละเทะ การทำป้ายรถเมล์ดีๆ (มีแอร์ มีห้องน้ำ มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเป็นระยะ บางป้ายพื้นที่เล็ก ต้องเวนคืนถึงจะทำป้ายดีๆได้ซึ่งที่ดินในเมืองก็แพงมาก) ให้ครอบคลุมตลอดสายและซื้อรถเมล์ใหม่มันไม่คุ้มค่าที่จะทำ เพราะรายได้จากแค่ค่าตั๋วใช้เวลานานมากๆกว่าจะคืนทุน คนไทยยื่นภ.ง.ด.น้อยแต่จะให้ความเจริญกระจายไปทั่ว ประเทศจะเอาเงินที่ไหนมาทำ รถไฟฟ้านี่แหล่ะตอบโจทย์ที่สุดแล้ว สิ่งที่รัฐควรทำคือ 1.ให้คนย้ายมาอยู่คอนโดเพื่อให้เข้าถึงความเจริญได้ทั่วถึงมากขึ้น 2.แตะจ่ายค่ารถไฟฟ้าแบบเครดิตได้ ไตรมาสนึงมาเคลียร์ยอดค้างครึ่งนึงที่สถานีรถไฟฟ้าก็ใช้ต่อได้ ค่ารถไฟฟ้าไทยแพงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ จริง แต่ต้นทุนสร้างรถไฟฟ้าก็ไม่ถูก ใจเขาใจเรา พบกันครึ่งทาง
"คนไทยยื่นภ.ง.ด.น้อยแต่จะให้ความเจริญกระจายไปทั่ว ประเทศจะเอาเงินที่ไหนมาทำ" ตอบให้ครับ เลิกคอรัปชั่นก็มีเงินเหลือเฟือที่จะทำครับ ยกตัวอย่างชัด ๆ ง่าย ๆ ฟุตบาทครับ ถ้าทำดี ๆ มีมาตรฐาน ทำทีเดียวอยู่ไปเป็นสิบปีเลยมั้ง นี่เละทุกที ไม่กี่ปีทำใหม่ เสียงบไปเท่าไหร่อะไม่จบไม่สิ้น
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เงินหายไปกับการ corruption เยอะจริงครับ
ทั้งนี้เงินภาษีเป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของใครสักคน ไม่ได้เสกได้
(อันนี้พูดเพราะหลายๆคนยังชอบดีใจเวลารัฐมีโครงการแจก แล้วไม่ได้คำนึงถึงที่มาของเงินจริงๆ ว่าสิ่งที่ได้ฟรีของเรามาจากการทำงานของคนอื่น) ฉะนั้นแล้วผมเลยอยากให้รัฐเอาโครงการไปใช้กับสิ่งที่ลงทุนแล้วมันเลี้ยงตัวเองได้ พวกโครงการฝืนธรรมชาติที่ต้องเอาเงินไปเติมเรื่อยๆอย่าง30บาทนี่จำเป็นต่อชีวิตจริงๆก็สมควรทำ แต่ไม่ควรมีโครงการแบบนี้เยอะเกินไป ในระยะยาวรัฐจะไม่มีเงินทำอย่างอื่น
และยกเลิกงบ 3 พันกว่าล้านก็สามารถทำอะไรได้เยอะแล้ว
ถ้าเอาภาษีมาใช้เกิดประโยชน์จริงๆ ใครละไม่อยากเสียให้รัฐ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ยังไงๆผมมองว่าระบบขนส่งสาธารณะควรจะต้องลงทุนและพัฒนาเป็นอันดับต้นๆอ่ะครับ ช่วยเหลือประชาชนได้เยอะมาก มันคือสิ่งที่ต้องใช้ทุกวัน ค่ารถไฟฟ้าแพงก็เรื่องนึงแล้ว แต่ในบางจุดมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรถไฟฟ้าไปอีก สุดท้ายก็ต้องพึ่งแท็กซี่หรือวินซึ่งราคาก็ไม่ได้ต่างกัน
ผมว่าไม่ต้องให้มันกระจายทั่วอะไรขนาดนั้นหรอก เอาแค่ในกรุงเทพที่เป็นเมืองหลวงให้ดีก่อนยังทำไม่ได้เลย เงินภาษีนี่ถ้าตัดของไม่จำเป็นออกยังไงก็เอามาใช้กับเรื่องพื้นฐานแบบนี้ได้ ตัวมันเองก็เก็บภาษีเข้ารัฐได้อยู่แล้ว
คือผมเชื่อว่าระดับรัฐบาลที่มีอำนาจบริหารในประเทศยังไงเค้าก็ทำได้ แต่เค้าไม่เคยคิดจะทำต่างหาก พอจะมีคนเสนอเรื่องพัฒนาจริงจังซึ่งไปขัดผลประโยชน์ใครเข้าก็โดนสร้างเรื่องขึ้นมาโจมตีไปอีก
บ้านเรานี่ขนาดอำนาจบังคับให้ใช้บัตรเดียวกัน(แมงมุม)ทั้งระบบ ยังไม่มีเลย ?
เอื้อเอกชนก็งี้แหล่ะระบบบัตรมันเลยเละเทะ ใครจะกล้าควบคุม มีไม่กี่เจ้าทำรถไฟฟ้าได้
แม้ไม่มีระบบกลางแต่อย่างน้อยก็อยากให้การเติมเงินเข้าบัตรง่ายขึ้นหน่อยก็ดี
ต้องไปเปิด wallet นู่นนี่นั่นผูกกันไปอีก =..=
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ