ปีก่อนนี้โน้ตบุ๊กใช้ AMD 4000 (Renoir) ซึ่งเป็นซีพียูโน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพต่อพลังงานดีเป็นอันดับต้นๆ ของตลาด แต่ส่วนใหญ่กลับมาในโน้ตบุ๊กที่มีการ์ดจอสูงสุดแค่ RTX 2060 เท่านั้น กลับกันซีพียู Intel Comet Lake-H กลับมีตัวเลือกการ์ดจอสูงสุดถึง RTX 2080 Super
ก่อนหน้านี้ Frank Azor หัวหน้าฝ่ายสถาปนิกโซลูชันเกมมิ่งของ AMD เคยออกมาพูดถึงว่า โน้ตบุ๊กที่ใช้ Ryzen 4000 คงไม่มีรุ่นที่มีการ์ดจอสูงกว่า RTX 2060 ออกมา แต่เพราะอะไรให้ไปถาม OEM เอาเอง
ซึ่งตอนหลัง OEM ก็ได้อ้างเหตุผลว่าเป็นเพราะข้อจำกัดของ PCIe 3.0 8x บนแพลตฟอร์ม Renoir ซึ่งมีแบนด์วิธน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ PCIe 3.0 16x ของ Intel แต่ปีนี้กลับเริ่มมีโน้ตบุ๊ก Ryzen 5000 ที่ใช้ PCIe 3.0 8x เท่าเดิม แต่มาคู่กับ RTX 3080 ได้ซะงั้น เช่น Asus ROG Zephyrus 15
ล่าสุด PurePC.pl เว็บข่าวไอทีของโปแลนด์ ทำการสืบสวนกรณีนี้ และเปิดเผยว่ามีแหล่งข่าวเป็น OEM เจ้าหนึ่ง ออกมายอมรับกับเว็บว่าสาเหตุมาจากดีลลับที่ Nvidia ทำกับ Intel โดยจะยอมให้ใช้การ์ดจอตัวท็อปบนโน้ตบุ๊ก คู่กับซีพียู Intel Comet Lake-H เท่านั้น
น่าสนใจว่าหลังจากนี้ Intel จะแข่งขันกับ AMD ยังไงต่อ หลังจากที่ Ryzen ตีตื้นเข้ามาทุกปี (และแซงแล้วในหลายๆ ด้าน หลายๆ การทดสอบ) เพราะตอนนี้โน้ตบุ๊ก AMD น่าจะมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวท็อปของ Nvidia ได้แล้ว แม้ฝั่ง Intel จะเหลือการรองรับพอร์ต Thunderbolt เป็นแต้มต่ออยู่ก็ตาม
update: PurePC.pl อัพเดทแถลงจุดยืนอย่างเป็นทางการจาก Nvidia ยืนยันว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริง ผู้เลือกใช้การ์ดจอและซีพียูคือ OEM และ Nvidia พร้อมสนับสนุนทั้ง Intel และ AMD ในทุกๆ ผลิตภัณฑ์
ส่วนฝั่ง Intel ก็ยืนยันเช่นกันว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงและ Intel ดำเนินธุรกิจตามหลักการที่ถูกต้องและด้วยความเป็นมืออาชีพเสมอ (ลิงก์ต้นทาง PurePC.pl อัพเดตเป็นภาษาโปแลนด์ท้ายบทความ แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย Google Translate)
ที่มา - PurePC.pl via Notebookcheck
Comments
ก็ว่า AMD กลับมาจริงจัง Mobile GPU หน่อย Nvidia จะได้เลิกโขกราคา
PCIe 3.0 16x หรือเปล่าครับ ต้นทางเขียนประมาณนี้ครับ ส่วนลิงก์ที่มาเป็นลิงก์ของข่าว AMD Renoir จำกัดแบนด์วิดท์ครับ ไม่ใช่ข่าวกีดกัน
เสริมอีกนิดนึง ต้นทาง NVIDIA และ Intel ปฏิเสธข่าวลือนี้ครับ
อันนี้ของ NVIDIA
ของอินเทล (แปล)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แก้ไขและอัพเดทเพิ่มเติมให้แล้วครับ ขอบคุณครับ
มีความเป็นไปได้ ผู้บริหารคนเดิมของ intel มีพื้นฐานมาจากนักการเงิน เป็นที่รู้กันว่าตามสไตล์การบริหารของนักการเงิน จะใช้เงินในการปัญหาเป็นอันดับแรกก่อน โดยเฉพาะบริษัทที่มีเงินสดในมือเยอะ อะไรที่ทำให้ขจัดปัญหา หรือคู่แข่งไปได้ ก็จะจัดการโดยใช้เงินก่อน การใช้เงินแก้ปัญหามีข้อดีตรงที่ได้ผลเร็ว แต่ผลเสียที่มีตามมาก็เยอะ ผมเองเวลาสอนน้องก็มักจะบอกว่า ถ้ามีเงินก็ให้ใช้เงินแก้ปัญหาก่อน ถ้าไม่มีก็ค่อยใช้สมองแก้ 555 ถ้าคนฟังเข้าใจเขาก็จะสามารถเอาสมองไปแก้ไขปัญหายากๆ แล้วเอาเงินแก้ไขปัญหาจุกจิกกวนใจ
ต้องรอเอกสารหรือหลักฐานอื่นๆ มายืนยัน เพราะข่าวแบบนี้ พอไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันนอกจากปากคำของ OEM ก็ปฎิเสธได้โดยง่าย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ลูกเล่นเยอะจริง
ความจริงเป็นไงไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้คือยังไงบริษัทก็ไม่มีทางยอมรับแน่นอน ไม่งั้นเตรียมโดนเชือดได้เลย
สิ่งที่ nvidia จะใช้เป็นข้ออ้างได้ก็คือ กังวลเรื่องประสิทธิภาพเมื่อจับคู่กับ cpu ที่มีอินเตอเฟสแค่ 8x อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองประสิทธิภาพด้อยลงจนกระทบภาพลักษณ์
หลังจากดริฟแล้วค่อยมาแถลงว่า ไม่มีผลกระทบ หรืออ้างว่าทำการผ่อนปรนกฏเกณฑ์ เพราะล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งผ่อนปรนตรา GSync Ultimate เพื่อให้ผู้ผลิตจอหลายรายนำตราโลโก้ไปใช้ได้ จากก่อนหน้าที่กำหนดสเปคไว้สูงไป
amdก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาศ ยัดrx6พัน พ่วงมาเลย
ส่วนเรื่องแก้เกม ถ้าจะทำ ก็เลิกขายepycให่nvidiaไปทำdgx
RX6000 สำหรับ Notebook ยังไม่มีในตอนนี้ครับ มีแค่ตัว RX5000 แต่มีน้อยมากที่ขายในบ้านเรา ส่วนใหญ่ที่ขายตอนนี้จะเป็น SoC มากับ CPU กับ Nvidia GPU ซะมากกว่า
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับพวกเทคโนโลยี hybrid-gpu หรือเปล่า?
+
ผมสงสัยเหมือนกัน ยิ่งกับ AMD ที่เลื่องชื่อการทำ hybrid gpu ของตัวเองมาก่อน อาจเป็นไปได้ว่าสถาปัตยกรรมอาจตีกันกับ Intel ทำ R&D ใหม่ก็เหมือนสร้าง firmware แยกมาอีกตัวเลย ท่าจะดูแลลำบากกว่าเดิม