การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ iOS 14 คือนโยบายเรื่องความเป็นส่วนตัว App Tracking Transparency (ATT) ที่ส่งผลกระทบต่อการติดตามตัวบุคคลในโฆษณาออนไลน์ แบบสั้นๆ คือแอปเปิลปิดไม่ให้เข้าถึง Advertising Identifier (IDFA) ทำให้การโฆษณาแบบเจาะจงตัวบุคคลทำได้ยากขึ้นมาก
Facebook เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจาก ATT และออกมาพูดถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง และล่าสุดมีข่าวว่าจะฟ้องแอปเปิลเรื่องนี้
ฝั่งกูเกิลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน (แต่ไม่กระโตกกระตากเท่า Facebook) ล่าสุดออกมาบอกว่าอัพเกรด Google Mobile Ads SDK เวอร์ชัน 7.64 ที่รองรับ SKAdNetwork ตัวใหม่ของแอปเปิลเรียบร้อยแล้ว และเตือนนักพัฒนาแอพบน iOS ที่ฝังโฆษณาผ่านเครือข่ายกูเกิลว่าอาจได้เงินน้อยลงจากนโยบายใหม่นี้
กูเกิลยังระบุว่าจะทยอยอัพเดตแอพของตัวเองบน iOS ตามรอบการออกฟีเจอร์ใหม่หรือการแก้บั๊ก และจะแปะป้าย App Privacy Details ให้เห็นชัดเจน ตามนโยบายของแอปเปิลด้วย
ที่มา - Google
Comments
ก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวละนะ คนทำคอนเท้นจะได้น้อยลงไหม
meme "You Were The Chosen One" พร้อมติดหน้าพี่ mark ลอยมาเลย
น่าจะแลกเปลี่ยนกันแบบแฟร์ๆ อย่าง Youtube ที่ใครจ่ายก็ได้ฟังชั่นดีๆ เพิ่มขึ้น
หรือถ้าเรายอมเปิดให้ app ติดตาม เราก็ควรจะได้ฟังชั่นอะไรเป็นการตอบแทน
อาจจะมาแนวนี้
จะกลายเป็นว่า ถ้าจะใช้งานแอพของเราต่อ ก็จงยอมให้เรา track ซะดี ๆ ไม่งั้นก็ถอยไป
นักพัฒนาแอปหลายคนก็จะเปลี่ยนโมเดลเป็นแบบเสียตังแทนการโฆษณา และสุดท้ายแอปเปิลก็จะได้ส่วนแบ่งมากขึ้นนั่นเอง
ทำเป็นพูดเล่นไป มีคนออกมาตั้งแง่เรื่องนี้และแอปเปิลก็ออกมาตอบโต้ด้วยนะ
ผมไม่สนใจว่า apple จะได้เงินเยอะ หรือนักพัฒนาจะได้เงินน้อย แต่มันทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์มันไม่ดีหรือ
ไม่ต้องรำคาญโฆษณามาหลอกหลอน แค่พิมพ์ค้นหาไปครั้งเดียว
ผมก็สนใจประโยชน์ตัวเองเหมือนกันครับ
แต่ประโยชน์คนเราไม่เหมือนกัน บางคนเขาอาจจะมองว่าการได้ใช้แอปฟรีเป็นประโยชน์กว่าการไม่มีโฆษณาก็ได้
และอีกอย่าง ถ้าเราไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย ท้ายที่สุดฝ่ายที่เสียประโยชน์ก็อาจจะเป็นลูกค้าอย่างพวกเรานั่นแหละครับ
ไม่ได้แปลว่าโฆษณาจะน้อยลงนะครับ แต่อาจจะเปลี่ยนจากโฆษณาที่เป็นของที่เราสนใจเป็นโฆษณาสะเปะสะปะไปหมดแทน
ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลัวโฆษณาแบบเจาะจงบุคคล
ถ้าใครไม่กลัวก็กด Allow Tracking สิครับ ง่ายๆ
?
สำหรับคนที่ไม่กลัว หรือชอบโฆษณาแบบเจาะจงบุคคล ก็สามารถเลือกให้มัน Track ข้อมูลตามเดิมได้ครับ (ตาม screenshot ที่เค้าแนบมาข้างบน)
อยากให้กดก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนสิ 55555
Privacy ของประชาชนทั่วไปอย่างเราแท้ๆ
แต่กลับมีคนกลัวนักพัฒนา กลัวกูเกิล เสียผลประโยชน์
ขำอ่าาา
ถถถถถ
คนเราให้ค่าแต่ละสิ่งไม่เหมือนกันครับ
มันก็มีบางคนเหมือนกันที่เลือกที่จะยอมใช้แอปฟรีมีโฆษณา แทนที่จะจ่ายเงินเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
แค่อยากจะอธิบายให้ฟังเฉยๆว่าบางคนที่เห็นต่างเนี่ย เขาก็นึกถึงตัวเองเหมือนกันครับ
ไม่เข้าใจเหมือนกัน เอาจริงๆ ติดตามไม่ใด้ก็แสดง ad มากขึ้น สุดท้ายก็น่าจะทำรายใด้เท่าๆเดิมใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
รายได้ส่วนหนึ่งเกิดจากคนคลิก Ads ด้วยครับ เน้นปริมาณแต่ถ้าคนไม่คลิกก็ได้เงินไม่มาก ด้วยนโยบายนี้การยิง Ads ให้ตรงกับกลุ่มผู้ใช้ทำได้ยากขึ้นซึ่งอาจทำให้คนคลิกน้อยลงและตามมาด้วยรายได้ลดลงครับ
พอมันติดตามไม่ได้ การยิง Ads มันก็ไม่แม่นเท่าเดิม
พอไม่แม่นเท่าเดิม ฝั่งคนจ่ายเงินก็รู้สึกว่าฉันจ่ายเท่าเดิม แต่ result แย่ลง ถึงจุดนึงถ้าเขารู้สึกว่าไม่คุ้มเขาก็จะลดการใช้ Ads ช่องทางนี้แล้วไปใช้วิธีอื่นแทน
เป็นผมผมจะเลือก Allow Tracking อยากโฆษณาอะไรให้ดู ส่งมาเลย ผมชอบ เผื่อจะได้รู้จักอะไรใหม่ๆ บ้าง
ขอแค่ให้ได้ใช้แอปฟรีก็พอใจแล้ว
App ดี ใช้ฟรี แต่มีโฆษณา : อันนี้ผมว่าไม่ดีสำหรับผมละ ขอเสียเงินดีกว่า
App ดีควรจ่ายแล้วจบ
อยู่ที่ว่าผู้พัฒนาจะหาเงินจากแอปฟรีมีโฆษณา หรือจ่ายเงินไม่มีโฆษณา
ส่วนตัวแอพดีได้ใช้ฟรี ยินดีดูโฆษณานะ ถ้าไม่เยอะเกินไป หรือเด้งมาบังหน้าจอจนทำเครื่องอืด
สินค้าบางตัว ไม่เคยรู้มันมี ก็ได้ซื้อเพราะโฆษณานี้แหละ ads ยิงถูกใจด้วย
เท่าที่จำได้ผมว่ามันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าโฆษณากำลังดี ไม่เยอะไม่น้อยจนถึงขั้นรบกวนการใช้งานอย่างใน youtube ณ ตอนนี้
ยินดีจ่ายเงินเพื่อเอาโฆษณาออกไปมากกว่า แต่ถ้ามีโฆษณาผมชอบที่ personalized สำหรับผมดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เลือกสินค้าที่ราคาถูกลงหรือหาซื้อง่ายขึ้น
จริงๆโฆษณามันเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างการคิดค่าบริการแพง กับใช้ฟรีน่ะนะ พอไปบล็อกแบบนี้ก็เลยผลักไปให้แอพเสียเงินมากขึ้น ผู้ใช้ก็เดือดร้อนมากขึ้นด้วย
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เราจะเห็นโฆษณามากขึ้น หรือน้อยลง (เพราะมันเห็นเท่าเดิม)
แต่มันเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัว
บริษัทพวกนี้เก็บข้อมูลของเราจากหลายๆ แหล่ง ไปทำเป็น profile ว่าเราเป็นใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คิดเห็นแบบไหน
คือรู้ข้อมูลส่วนตัว ไปจนถึงระดับความสนใจ หรือแนวคิดเลย
แล้วปัญหามันอยู่ที่ บริษัทเหล่านี้จัดการข้อมูลยังไง
ถ้ามีคนมาขอซื้อล่ะ
ถ้าถูก hack ล่ะ
นั่นคือสิ่งที่ควรจะกลัว
ผมดู video ของ level1tech เขาเสนอว่า คุณทำได้นะ online profile แต่ต้องให้เราสามารถจัดการตัวเองได้ เหมือนกรณีการจัดข้อมูลเครดิต
คือให้เราโต้แย้งได้ หรือแก้ไข ไม่เปิดเผยข้อมูลบางอย่างได้
เช่นคนที่มีความบกพร่องบางอย่าง อาจจะขอปิดข้อมูลส่วนนั้นได้
เรื่องการจัดการกับข้อมูลส่วนตัวพวกนี้มันมีกฏหมายควบคุมข้อมูลอย่างพวก GDPR หรือของไทยที่กำลังจะมีก็ PDPA ควบคุมอยู่แล้วครับ ซึ่งเรื่องที่คุณว่ามากฏหมายพวกนี้มันครอบคลุมให้หมดแล้วครับ
แน่นอน ถ้าเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้หรือไม่ให้อะไรหรืออให้ได้แค่ไหนตั้งแต่แรกได้อย่างละเอียดและชัดเจน มันก็เป็นเรื่องดี เรื่องนี้ผมไม่ปฏิเสธ แต่ว่าถ้าเพื่อการนั้นเราต้องแลกกับอะไรบางอย่าง (เช่น อาจมีแอปฟรีให้ใช้น้อยลง) มันก็อาจจะมีบางคนที่ไม่อยากแลกมันครับ
มันเป็นราคาที่เราต้องจ่ายไง เงินเดือนหลักหมื่นก็จ่ายด้วยความเป็นส่วนตัว เราจ่ายให้เขาไปแล้วเขาจะเอาไปบริหารอย่างไรก็เรื่องของเขา เงินเดือนหลักแสนก็จ่ายด้วยเงิน ไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินเดือนหลักแสน ถ้าคนสว่นใหญ่นิยมซื้อด้วยเงินจริง โลกมันคงไม่มาถึงจุดนี้
ลองให้ blognone ไม่ม่โฆษณานะ ดีหรือไมดี
มันต่างกันครับ
ของ blognone โฆษณามาลงตรง ทุกคนเห็นโฆษณาเหมือน ๆ กัน ไม่ได้มีการ track ตามการใช้งานของผู้เข้าใช้
แต่ตามเนื้อข่าวคือเป็นการ track การใช้งานผู้ใช้ แล้วเสนอโฆษณาตามแต่ละคนครับ
ซึ่งการเข้าถึงความเป็นส่วนตัวต่างกันคนละขั้วเลยครับ
นับพวก google ads ที่แปะอยู่บน top และ right top page ด้วยไหมครับ ?