Matin Scorsese เขียนบทความลงนิตยสาร Harper’s บริการสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่าง Disney+ หรือ Netflix ด้อยค่าภาพยนตร์ โดยการทำให้ภาพยนตร์กลายสภาพเป็นแค่ “คอนเทนต์” หรือสินค้าชิ้นหนึ่งที่ไร้คุณค่าทางศิลปะ ซึ่งแม้การทำให้ทุกอย่างกลายเป็นคอนเทนต์เหมือนกันหมด จะฟังดูเท่าเทียม แต่เขาไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าถ้าคอนเทนต์ถูกจัดลำดับโดยอัลกอริทึ่ม จากสิ่งที่คนดูเคยดูไปแล้ว มันจะส่งผลในทางลบต่อวงการศิลปะภาพยนตร์
แต่ Scorsese ก็ชื่นชมบริการสตรีมมิ่งอย่าง Criterion Channel หรือ MUBI ที่มีการตั้งใจจัดลิสต์หนังโดยใช้มนุษย์ เพราะการใช้มนุษยต่างหาก ที่จะเป็นการ “จัดลิสต์ภาพยนตร์” (curated) อย่างแท้จริง แทนที่จะเป็นการ “ประกอบสร้าง” (engineered) เหมือนอัลกอริทึ่ม ที่เป็นแค่การเอาเครื่องจักรมาคาดเดาว่าผู้บริโภคชอบดูอะไร โดยการใช้คณิตศาสตร์เป็นองค์ประกอบเท่านั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า COVID-19 อาจจะเร่งการเปลี่ยนแปลงโลกการชมภาพยนตร์ไปอย่างมากภายในเวลาแค่ปีเดียว และอนาคตของโรงภาพยนตร์เอง หากไม่ปรับตัว ก็ดูจะไม่แน่นอนนัก หลังค่ายหนังใหญ่ๆ เริ่มนำภาพยนตร์มาลงสตรีมมิ่งโดยตรงมากขึ้น หรือแม้แต่ Scorsese เองก็เคยทำ The Irishman ลง Netflix เพราะไม่ค่อยมีค่ายหนังอื่นยอมให้ทำหนังยาวขนาดนั้น
คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีบริการสตรีมมิ่งที่เน้นความสำคัญในการใช้คนมาจัดลิสต์ภาพยนต์นอกกระแส ภาพยนตร์อินดี้ หรืออื่นๆ เช่น MUBI หรือ Criterion Channel เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ และจะมีคนสนใจบริการเหล่านั้นมากแค่ไหนในอนาคต
ที่มา - Harper’s Magazine
Comments
The Irishman นี่ผมต้องแยกดูสามวัน มันยาวและเนื้อหาเยอะจริงๆ
ปัญหาอยู่ที่ระบบจัดลิสต์มากกว่าการสตรีมมิ่งหรือเปล่าครับถ้างั้น
การใช้มนุษย > การใช้มนุษย์
อัลกอริทึ่ม > อัลกอริทึม
ืืทุกอย่างมีคุณค่าทางศิลปะ ไม่ใช่แต่ภาพยนตร์ สตรีมมิ่งไม่ได้ทำให้ด้อยค่าลงไปเลย
จริงๆเนื้อหาทั้งหมดในข่าว ตัวแกเองก็ไม่ได้แอนตี้ระบบสตรีมมิ่งอะไรหรอกครับ ไม่งั้นไม่ทำหนังลง Netflix หรอก มุ่งเป้าไปที่ระบบจัดลำดับเนื้อหามากกว่า ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะเพราะสุดท้ายระบบก็เลือกหนังใหม่ๆที่อยู่ในเทรนด์มาให้ ไอ้อัลกอริทึ่มที่จัดลำดับตามความ (น่าจะ) ชอบ พอใช้จริงๆมันก็คือประเภทหนังที่เราดูบ่อยและกำลังอยู่ในเทรนด์มาให้แค่นั้น จะหาหนังดูทีไรต้องไปค้นเอาเองตลอด
การเอาคนมาจัด มันจะมีปัญหาเรื่องความเอนเอียงรึปล่าว เพราะความคิดส่วนตัวของคนจัดน่าจะปนไปกับlistด้วย
นั่นล่ะครับ ศิลปะมันอยู่ตรงนั้น เหมือนกินซูชิโอมากาเสะ
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเทสเรากับคนจัด ตรงกันมั้ย เท่านั้นล่ะครับ
จริงๆเพิ่มหัวข้อ Editor's Pick ก็พอละ
ก็เหมือน DJ สมัยก่อนไงครับ ก็มีให้เลือกหลายๆ คน
คืออาจจะดู algorithm ก็ได้ หรือชอบการ curate ของใครก็ follow คนนั้นๆ ไป
จริงๆ ผมเข้าใจว่า steam ก็ทำอะไรคล้าย ๆ แบบนี้อยู่ (ให้ user curate game list กันเอง)
คนแต่ละคนมีความชอบในรูปแบบของตัวเองอยู่แล้วอ่ะครับ แต่การใช้คนจัดซึ่งมันบ่งบอกถึงเทสต์ของคนนั้นๆเนี่ย เราสามารถเลือกได้ไงว่าเราชอบเทสต์คนนี้มากกว่าเราก็มักจะเลือกดูตามคนนี้มากกว่า
พอเป็นอัลกอริทึ่ม แล้วดันเป็นอัลกอริทึ่มที่ไม่ซับซ้อนเลย เราเลยได้หนังเหมือนๆกันหมด เรื่องไหนคนดูเยอะ เรื่องไหนอินเทรนด์ มันมาอยู่ไม่กี่เรื่อง
อย่างช่วงนึงผมชอบดูการ์ตูน ก็มีการ์ตูนโผล่มาหน้าแรกเยอะ แต่ดันเป็นการ์ตูนใหม่ๆ ฮิตๆ ไม่ใช่การ์ตูนแบบที่เราอยากดูอยู่ดี
echo chamber มันก็น่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ
Happiness only real when shared.
ตอนนี้ netflix ผมแนะนำแต่เกาหลี ซึ่งไม่ได้อยากดูทุกเรื่องนะ
ก็ไม่ต่างกับตอนเอาไปฉายในโรง หรือฉายบนทีวีไม่ใช่หรอ
ผมก็เห็นด้วย อยากให้มีลิสต์แนะนำโดยผู้กำกับหรือนักวิจารณ์บ้างนะ
มีคนบ้างมันก็ดีเหมือนกัน เหมือนมีเชฟอาหารนานาชาติมาแนะนำเมนูให้ ไม่ใช่แค่แนวเดิมๆ
เข้าใจว่าสุดท้ายก็ต้องมีทั้งสองแบบ ทั้งคน ทั้งอัลกอริทึม
เห็นด้วยเลย อยากดูหนังแนวของลุง แต่พอเปิดเข้าNetflix มีแต่เกาหลีดราม่า เกาหลีย้อนเวลา เกาหลีรักๆใคร่ๆ เกาหลีไซไฟ
เอาจริง ถ้าNetflixมีระบบบล็อคคอนเท้น จะดีมากเลยอยากบล็อคคอนเท้นฝั่งเกาหลีมากตอนนี้
+1024
+2048
อยากให้จัดคล้ายมนุษย์
ก็ไปแก้ algorithm เอาก็ได้
มันไม่ได้ยากเย็นอะไร
ให้คล้ายมนุษย์คนไหนดีครับ?
algorithm มันเลือกแนวหนังที่เรากดดูบ่อยๆ กลายเป็นนำเสนอแต่แนวซ้ำๆ แนวตลาด บางทีดูบ่อยๆก็เบื่อจนไม่กดดูมันซะ เพราะเอียน
พวกแนวดราม่า หรืออินดี้ นี่ผมต้องไปเห็นคนแนะนำจากในfeed ข่าว ถึงมาลองกดsearch ดูถึงได้ดู โดยเฉพาะseries ญี่ปุ่นดีๆ ปกติแทบไม่ขึ้นในแถบให้เลือกดู ต้องรู้ชื่อมาแล้วกดหาเอง
น่าจะเพิ่มโหมดแนะนำ โดยคนจัดบ้าง เอาคนดังๆ หรือผู้กำกับอะไรแบบนี้ เคยเห็นพวกจัดplaylist ของแอพสตรีมมิ่งเพลง โดยศิลปินอยู่ มันเปิดโลกกว้างเหมือนกันนะ
ไม่คิดว่าการที่มนุษย์สร้างอัลกอริทึ่มขึ้นมามันก็คือศิลปะบ้างหรอ
ยัดเยียดอะไรเราก้เฉยๆ ขอให้ search ได้แล้วกัน
วันก่อน เปิดในมือถือ ช่อง search หายไปไหน
จะยัดอะไรก้ไม่ว่า ถ้าเราไม่อ้าปาก ก้ไม่น่ารำคาญเท่าไหร่
แต่อย่าเอาช้อนเราไปได้ไหม ให้ตูเลือกอาหารเองได้บ้าง
คุ้นๆ ว่า tim cook ก็เคยออกมาพูดตอนเพิ่งเปิดตัว Apple Music กล่าวถึงคู่แข่งอ้อมๆ ว่าจัด playlist เพลงโดย AI ไม่ใช่ศิลปะ
WE ARE THE 99%
ผมสงสัยมากกว่าว่า อัลกอริทึ่มที่เลือกหนังให้เนี่ย มันไปดูหนังมาก่อนแล้วสรุปให้หรือว่าอ่านจากเมต้าดาต้าอย่างเดียว
น่าจะเป็น metadata + user score + user profile คับ เพราะ วันก่อน ผมเห็นมันเด้งมาถามว่า หนังที่ดูไป ถูกใจมั๊ย
เป้าหมายหลักของการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้คือ ตรวจจับดาราหนังเพื่อระบุและกำกับรายชื่อนักแสดง และตรวจจับลักษณะท่าทางการร่วมรักเพื่อติดป้ายกำกับแนวภาพยนต์
#เดี๋ยวนะ ?