หลัง Huawei ถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา จนยอดขายมือถือในไตรมาสที่สี่ของปี 2020 ลดลงถึง 42% เนื่องจากหาซัพพลายในด้านชิปไม่ทัน จนอาจจะต้องลดยอดการผลิตมือถือลงถึง 60% ในปีนี้ Huawei จึงต้องหันไปหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งนอกจากธุรกิจคลาวด์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สวมใส่ หรือรถยนต์อัจฉริยะแล้ว Huawei ยังเล็งธุรกิจฟาร์มหมู และเหมืองถ่านหินไว้อีกด้วย
ประเทศจีน มีธุรกิจฟาร์มหมูที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีประชากรหมูที่มีชีวิตคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของโลก และปัจจุบันก็มีการใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยในการเลี้ยงหมู โดยมีทั้งเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าหมู และติดตามน้ำหนัก อาหาร และการขยับร่างกายของหมูอีกด้วย
Huawei จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปผนวกเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจนี้ ในยุค 5G และก็ไม่ใช่เพียงเจ้าเดียวที่ทำ เพราะ Alibaba และ JD.com ก็เริ่มนำเทคโนโลยีเข้าไปผนวกกับธุรกิจฟาร์มหมูแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Huawei ยังประกาศจะจัดตั้งแล็ปนวัตกรรมสำหรับการทำเหมือง ในมณฑลชานซี ทางตอนเหนือของจีนอีกด้วย เพื่อลดจำนวนคนงาน เพิ่มความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำเหมืองในประเทศ พร้อมทั้งกล่าวว่าจะพัฒนาคุณภาพงานของชาวเหมือง จนวันนึงสามารถใส่สูท ผูกไทไปทำงานได้เลย
Huawei ยังเตรียมที่จะขยายธุรกิจไปทางอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ทีวี คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตมากขึ้นในอนาคตเช่นกัน โดย Ren Zhengfei กล่าวเสริมไว้ว่าบริษัทจะยังอยู่รอดได้ แม้ไม่มียอดขายของสมาร์ทโฟนมาช่วยพยุ่งก็ตาม
ที่มา - BBC
Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้ง Huawei
Comments
ถ้าใส่สูทผูกไทไปทำงานในเหมืองได้ แสดงว่าไปนั่งทำงานในออฟฟิศ อาจจะไปนั่งมอนิเตอร์รอซ่อม ที่เหลือคือใช้หุ่นยนต์หมดแล้ว
คนจับได้ว่า Harmony OS แค่ย้อมแมว เลยต้องรีบหาทางหนีสินะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ถ้าจะไป way นี้จริง ส่วนตัวผมขอแบนเลย ทั้งโลกพยายามหาทางลด CO2 แล้วนี่คืออะไร
WE ARE THE 99%
เกียวกับ CO2 ยังไง
คิดว่าน่าจะเอาถ่านหินไปเชื่อมโยงกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน
"จนวันนึงสามารถใส่สูท ผูกไทไปทำงานได้เลย"
อ่านถึงตรงนี้แล้ว... exoskeleton suit ต้องมาแล้ว แต่เอาจริงๆ ใส่สูทก็ยังไม่น่าสะดวก เพราะมันเทอะทะแล้วก็น่าจะร้อนมาก หรือเป็นเครื่องจักร(drone)ไปเลย คนงานเหมืองก็คงตกงานกันกว่าครึ่งแน่ๆ