Bandai Namco ผู้สร้างเกมรายใหญ่ในญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ต่อต้านการเหยียดคนเอเชียในสหรัฐฯ พร้อมติดแฮชแท็ก #StopAsianHate ทางบริษัทระบุว่า ในฐานะที่เป็นบริษัทญี่ปุ่น กระแสความเกลียดชังชาวเอเชียที่มีอยู่ตอนนี้ ส่งผลกระทบต่อพนักงานโดยตรง ทางบริษัทเรียกร้องการสนับสนุนจากแฟนๆ เกม ให้ต่อสู้กับอาชญากรรมที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังต่อคนเชื้อสายเอเชีย
ในรูปภาพแถลงการณ์ยังบอกด้วยว่า เรายืนหยัดในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชุมชนชาวเอเชียอเมริกันและชาวเกาะแปซิฟิก ทั้งพนักงาน แฟนเกมที่มีอยู่ทั่วโลก มาจากหลากหลายวัฒนธรรม โดยบริษัทต้องออกมาพูดเพราะต้องการสร้างความตระหนักจากอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
ข้อมูลจาก Center for the Study of Hate and Extremism จาก มหาวิทยาลัย California State พบว่าภายในเดือนเดียว อัตราอาชญากรรมที่มีต่อชาวเอเชียเพิ่มขึ้น 149% ตาม 16 เมืองใหญ่ในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ก็มีไมโครซอฟท์และ Andbox บริษัทเกี่ยวกับอีสปอร์ตออกมาเรียกร้องให้หยุดความเกลียดชังนี้
As a company based in Japan, the recent rise in anti-Asian hate has truly hit home for our employees.We always appreciate support from our fans and we now ask for your support to #StopAsianHate and fight the rise in hate crimes committed against people of Asian descent. pic.twitter.com/QlUUryZZfx
— Bandai Namco US (@BandaiNamcoUS) March 16, 2021
ที่มา - Kotaku
Comments
ไม่เป็นกระแสเหมือน Black Lives Matter
นั่นสิครับ คราว Black Lives Matter คนเอเชียก็ช่วยเรียกร้องกันมาก แค่พอถึงคราวคนเอเชียโดนบ้าง
คนผิวสีเงียบกริ๊บ แถมคนผิวสีบางคนยังทำร้ายคนเอเชียเองซะด้วยซ้ำ
คนเอเชียไม่ได้ช่วยเรียกร้องมากหรอกครับ ติ๊ดเดียวจริงๆ คนฝรั่งขาวในประเทศที่มีปัญหาเหล่านั้นสู้เรื่องนี้เยอะกว่าคนเอเชียมาก ผมว่าในฐานะคนเอเชีย ผมไม่กล้าเคลมมากเลย ฟังดูน่าเกลียด เหมือนพิธีกรไทยที่ช่วยเซฟเมียนมาร์
คนเอเชียเทียบกับคนดำ คนดำถูกกดกว่ามากๆ จนถึงทุกวันนี้
ในอดีต เชื้อชาติเอเชียไม่ได้เป็นทาสคนผิวขาว ส่วนคนผิวดำนั้นเป็นทาส
ปัจจุบัน อย่างเรื่องอาชีพการงาน ในวงการวิทยศาสตร์ เทค หรือแพทย์ ชาวเอเชียไม่ได้ถูกกีดกันโอกาสนะครับ
Mission Impossible
แม้ทรัมพ์จะไปแล้ว แต่โควิดทำให้กลายเป็นสถานการณ์ที่แย่กับคนเอเชีย แย่มากกว่าที่เกิดกับคนดำตอนที่ทรัมพ์ยังอยู่อีก ตอนนี้เจอแต่ข่าวที่มีทั้งคนขาวทั้งคนดำทำร้ายร่างกายคนสูงอายุชาวเอเซียเยอะมาก ส่วนมากพฤติกรรมเดียวกัน คือจะเข้ามาผลักแรงๆ จนล้ม บาดเจ็บสาหัส
สอบถามผู้รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมสังคมโลกหน่อยสิครับ
ถ้านับสมัยยุคมืดเลยนะครับ
คนผิวดำ กับ คนเอเชีย ใครถูกมองต่ำกว่ากันหรอครับ?
ยุคมืด คนยังไม่ค่อยได้ย้ายจุด ให้เจอคนต่างเชื้อชาติมากนะ หมกอยู่แต่ศาสนา ชาวบ้านคงไม่มองอะไรพวกนี้หรอกครับ แต่ทำมาหาอาการกินกันตายก็เต็มที่แล้ว
ตอบแบบเดาๆ
เอเชียก็คงต้องถามว่าเป็นแถวไหนมั้งครับ เพราะถ้าเป็นอียิปต์ อินเดียเหนือ เปอร์เซีย (3 อันแรกเป็นศูนย์กลางความรู้ โดยเฉพาะทางคณิตศาสตร์ จนเลขฮินดู-อารบิคแพร่หลาย) จีน ก็จะเป็นแบบนึง แต่ถ้าเป็นอินเดียทางใต้ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คงเป็นอีกแบบมั้ง
ประเทศเราก็คงเป็นแบบหนึ่ง...
The Last Wizard Of Century.
ตอนนั้นน่าจะยังเป็นละโว้ กับตามพรลิงค์ ส่วนภาคตะวันออกยังจมอยู่ในทะเลอยู่เลยครับ
มนุษย์ทั่วไปมีความพยายามที่จะอยู่เหนือผู้อื่น
แต่วิธีการหลายคนมันผิดตรรกะไปหน่อย
เลยกลายเป็นพยายามทำให้คนอื่นดูต่ำลงแทน
แต่แค่ 1 ต่อ 1 แลดูขาดความมั่นใจ เลยมีการหาพวกให้เยอะๆ จะได้มั่นใจ (มีอำนาจ)
โดยวิธีการหาพวกที่นิยมคือหาความแตกต่างระหว่างพวกตนกับพวกอื่น
มันเลยกลายเป็นความขัดแย้งทั้งหลาย (ต่างชาติ, ต่างเผ่าพันธุ์, ต่างศาสนา, ต่างอุดมการณ์ etc) จนทุกวันนี้
ถ้าฝั่งเมกา เมื่อก่อน คนเอเชียเข้าไปเป็นแรงงานราคาถูก ทำงานกรรมกรแต่ได้ค่าจ้าง ไม่ได้ระดับทาสซื้อขายกันแบบคนผิวดำ
ถ้าตอนนั้น คนดำถูกมองว่าเป็นทาส เป็นกรรมกรแรงงาน วรรณะในสังคมต่ำกว่าคนผิวขาว
ส่วนคนเอเชียน่าจะนอกสายตาไปเลยเพราะมีน้อยและไม่ได้มีบทบาทอะไรกับสังคมมากนัก
คือคนดำถูกมองว่าเป็นชนชั้นต่ำ ส่วนคนเอเชีย..น่าจะไม่ได้สนใจมองเลย ไม่รู้อันไหนต่ำกว่ากันอ่ะครับ
ถ้านับยุคมืด ช่วงก่อนเรเนซองส์
ชาวยุโรปนี่แหละที่โดนมองว่าต่ำกว่าคนอื่น เพราะเจริญน้อยกว่ารอบๆข้างหมดเลย
พอพ้นเรเนซองส์ เข้ายุคล่าอาณานิคม
เอเชียไม่มีบทบาทเท่าไหร่ เน้นเป็นแรงงาน
แต่ผิวดำถูกล่าเป็นทาส น่าจะต่ำกว่าเอเชีย
หลังสงครามกลางเมืองอเมริกา (ปลายศตวรรษที่ 19) กระแสเลิกทาสและบทบาทของคนผิวดำเกิด
ตามด้วยความขัดแย้งด้านนี้ต่อเนื่องตลอดศตวรรษที่ 20 คนดำถูกมองสูงขึ้นมาก
แต่คนเอเชียยังไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนเท่าไหร่
แล้วก็มาถึงโควิด กับความขัดแย้งของโลกตะวันตกกับจีน
เรื่องในกระทู้นี้ไม่เกิดในยุคมืด แต่ก็น่าจะตอบข้อสงสัยได้ https://pantip.com/topic/39965295
ตามข้อสันนิษฐานของนักวิทยาศาสตร์บางคนในยุคนั้น มีการเรียงลำดับวิวัฒนาการของคนอย่างนี้
ในลำดับการเรียงชาติพันธุ์มนุษย์ซึ่งชาวไอนุในญี่ปุ่น,ชาวเนทีฟอินเดียนแดงในอเมริกาและชาวพื้นเมืองอีโกรอทในฟิลิปปินส์ถูกจัดอันดับว่าเป็นมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการต่ำที่สุดใน scale มนุษย์ทั้งหมดและชาวยุโรปนอร์ดิกจัดเป็นมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการสูงสุดในscaleมนุษย์
ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้จัดกลุ่มให้คนอัฟริกัน ปิ๊กมี่และฮ็อตเต้นตอท hottentot และ คนพื้นเมืองออสเตรเลียอะบอริจิ้นเป็นกลุ่มที่ไม่จัดว่าอยู่ในกลุ่มชั้นต่ำสุดของscale มนุษย์แต่เป็นพวกที่แย่ยิ่งกว่า เพราะอยู่ก่ำกึ่งระหว่างมนุษย์วานรคือลิงที่กำลังคาบเกี่ยววิวัฒนาการที่จะเป็นมนุษย์และจัดว่าเป็นพวกวิวัฒนาการสูงในscaleของลิงชิมแปนซี แต่ตกscaleในวิวัฒนาการของมนุษย์
ในขณะที่บางคนก็เรียงจากต่ำสุดไปยังสูงสุดอย่างนี้
1.) นิกิโต้ในปาปัวนิวกินี หรือฟิลิปปินส์
2.) Hottentot ในอัฟริกาพวกคอยซาน
3.) Kaffre ในคองโกอัฟริกา
4.) นิโกร คนดำในเซเนกัล แกมเบีย ไนจีเรีย
5.) ออสเตรเลียนอะบอริจิ้น
6)ชาวมาเลย์ พวกโพลีนีเชียน
7.) มองโกล ซึ่งแตกเป็นพวกสายพูดอัลแตคเช่นจีนทิเบต กับสายอูราริคเช่น ญี่ปุ่น เอเชียกลาง
8.) Homo arctic พวกเอสกีโม เนทีฟอเมริกันในอเมริกาเหนือ
9.) อเมริกันโฮโม เช่น พวกเนทีฟอินเดียนแดงทั้งหมดในอเมริการวมเหนือและใต้
10.) ชาวดราวิเดียน เช่นชาวฮินดูสถาน ซีลอน อินเดียใต้
11.) ชาวนูเบี้ยน ต้นตระกูลแขกมัวร์ อียิปต์ ซูดานเหนือ อัฟริกาตะวันออกฯ
12.) ชาวเมดิเตอร์เรเนียน -แตกไปเป็นนอร์ดิก, พวกตะวันออกกลาง ชาวอาหรับ, อัฟริกาเหนือ, ชาวยุโรปใต้, เอเชียตะวันตกเช่น อิรักอิหร่าน. อินเดียเหนือ ฯลฯ
ผมก็มั่วตรงอยู่หลายข้อนะ ตบบ่าตัวเอง
ลืมไปว่าซื้อหนังสือ Sapiens มา ยังไม่ได้เริ่มอ่านแม้แต่หน้าเดียว
ต้องขออภัยในคำว่า "ยุคมืด" ที่ผมพิมพ์ไปด้วยนะครับ
ผมไม่ได้หมายถึงยุคสมัยครับ แต่ผมอยากสื่อว่า ยุคที่เหยียดผิวหนักที่สุด ยุคที่เรื่องสีผิวตกต่ำที่สุดครับ หรือคือ มืดมน อะไรแบบนี้ครับ 5555
ขอโทษอีกทีครับ
555 ผมนึกว่า dark age ช่วงคศ 1000 ซะอีก
Yellow lives matter
กระแสเกลียดชังชาวเอเชียมันมามีตอน COVID-19 นี่แหละ อย่าไปคิดว่าอเมริกันชนจะมีการศึกษาที่ดีทุกคน เทียบสัดส่วนแล้วไทยยังได้การศึกษามากกว่าด้วยซ้ำ ถึงจะเกินจำเป็นไปหน่อยก็ตาม
พวกเหยียดนี่คงได้ชัยชนะลำดับการคลอดจากสุนัขมาน่ะครับ
The Last Wizard Of Century.