Facebook เตรียมพัฒนากำไลข้อมือ (wristband) ที่จะอ่านคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ที่ถูกส่งจากสมองไปยังแขน เพื่อนำไปใช้ควบคุม UI หรือฟังก์ชั่นอื่นๆ ในระบบ Augmented Reality ของแว่น AR ที่ยังไม่วางจำหน่าย โดยใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือแค่เพียงความคิดเท่านั้น ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการซื้อกิจการ CTRL-labs ในปี 2019 ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยี wristband อ่านคลื่นสมองมาก่อนหน้านี้
Andrew “Boz” Bosworth รองประธาน Facebook Reality Labs ยืนยันว่ากำไลนี้ไม่สามารถอ่านความคิดในสมองของผู้ใช้แบบละเอียดได้ แต่จะทำงานเหมือนเป็นคีย์บอร์ดที่สั่งการด้วย motor input หรือสัญญาณไฟฟ้าจากสมองที่สั่งให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว แล้วแปลงไปเป็นคำสั่ง และจะตัดปัญหาการพิมพ์ผิดออกไปอย่างสิ้นเชิง
ในวิดีโอพรีเซ็นเทชั่น Facebook แสดงตัวอย่างการใช้งานคู่กับแว่น AR ที่เตรียมวางจำหน่ายในอนาคต เช่นใช้การคีบนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าหากัน ซึ่ง Facebook เรียกว่า Intelligent Click เพื่อตอบ Yes/No สำหรับตั้งเวลาต้มน้ำ ตอนผู้ใช้กำลังใส่แว่น AR ทำอาหาร
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใช้งานทั่วไป เช่นใช้มือสั่งออเดอร์ร้านกาแฟแบบออนไลน์ สร้างเพลย์ลิสต์ในแอปฟังเพลง หรือแม้แต่ปรับสีหลอดไฟอัจฉริยะในห้อง โดยไม่ต้องพูด Hey Siri หรือ Hey Google แต่ใช้แค่การแค่ขยับนิ้วเท่านั้น และจะมี Haptic Feedback หรือการสั่นสะเทือนเพื่อสะท้อนการใช้งาน ซึ่งอาจนำไปใช้ในการควบคุมเกม AR เช่นเกมยิงธนูอีกด้วย
อุปกรณ์นี้ยังมีประโยชน์ในการช่วยให้ผู้พิการเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Facebook แสดงตัวอย่างผู้พิการที่มีนิ้วมือไม่ครบ 5 นิ้ว แต่สามารถขยับมือที่เป็นโมเดลสามมิติ ที่มีนิ้วมือครบห้านิ้ว เพื่อตอบสนองกับ UI ของแว่น AR ได้
แต่ปัญหาหนึ่งที่ Facebook กำลังเผชิญในปัจจุบัน คือผู้ใช้ก็ไม่ค่อยไว้ใจการเก็บและดูแลรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดย Facebook เท่าไร และหากจะมีการจำหน่ายแว่น AR ที่อาจสามารถบันทึกภาพได้ หรือกำไลข้อมือที่สามารถอ่านคลื่นสมองได้จริง ก็อาจต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควร ในการเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคกลับมาอีกครั้ง
ที่มา - BuzzfeedNews, The Verge
Comments
ทำไมพอเฟซบุ๊คเป็นคนพูดแล้วดูไม่น่าเชื่อถือยังไงก็ไม่รู้แฮะ
ขนาดบอกว่าไม่ได้ดักฟัง ยังไม่ค่อยมีคนเชื่อเลย 55555
The Dream hacker..
ความน่าเชื่อถือน่าจะระดับเดียวๆ กันกับรัฐบาลนะครับ ?
ชอบวงการ AR ตอนนี้มากๆ สิ่งใหนๆที่ apple แอบทำ facebook เอามาแสดงหมด 5555 ตลาดดุเดือด
อนาคตจะสร้างกำไลที่บอกได้ว่าเธอคิดยังไงกับเรา
ใช่มันอ่านความคิดตรงๆแบบไซไฟผู้ใช้ไม่ได้แน่นอนเคยทำให้รับการพิมพ์ตัวอักษร ผ่านกะโหลกยังหืดขึ้นคอข้อมูลที่ได้จากแค่กะโหลกไม่พอจะอ่านความคิดได้หรอก แต่ถ้ามีข้อมูลเปรียบเทียบเยอะๆก็น่าจะพอจะคาดเดาความคิดคนแบบง่ายๆได้อยู่เช่น หิว หงี กำลังสนใจสิ่งตรงหน้า ฯลฯ ได้เฉยๆ ส่วนจากมือถ้าจะเดาความคิดก็อาจเป็นไปได้จากพฤติกรรมสัญญานประสาทเหมือนนิสัยเสียเช่นพอเครียดบางคนจะเกร็งหรือเหงื่อออกมันก็เป็นสัญญานจากสมองทั้งนั้น แน่นอนมีหรือเฟสบุคจะไม่เก็บ นั่นละมีค่ามากยิ่งกว่าตัวproductเป็นสิบๆร้อยๆเท่า
ใช้คำว่าคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อน่าจะเหมาะกว่านะครับ ใน The Verge ก็ใช้คำว่า Electromyography ครับ ไม่ใช่ Electroencephalography
โอ้ ขอบคุณครับ ปรับแล้วครับ
กดเล่นวีดีโอในข่าวนี้ Safari เด้งถามว่าจะให้ facebook.com ใช้ cookies กับข้อมูลตอนที่กำลังใช้ blognone.com มั้ย จะทำให้ facebook.com ติดตาม activity ได้นะ พอตอบ Don’t Allow ปุ๊บวีดีโอหยุดทันที
เยี่ยม
พอเป็น facebook แล้ว ต้องเอามาเกี่ยวกับโฆษณาด้วยแน่ๆ
ห้ามขยับนิ้วเล่น ไม่งั้นมันสั่งงานเละแน่ 5555
นึกถึงโพสต์หนังตระกูลแบบ ห้ามมอง ห้ามฟัง ห้ามยิ้ม ห้ามรู้สึก ฯลฯ