Lukasz Krol นักวิจัยความปลอดภัยเตือนถึงแนวทางการใช้ AirTag เพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวอีกทาง ด้วยการนำ AirTag ไปวางตามจุดที่ไม่มีอุปกรณ์ iOS บนเครือข่าย Find My อื่น ทำให้คนร้ายรับรู้ได้ว่าเจ้าของบ้าน (ที่ใช้ไอโฟน) ออกจากบ้านและกลับบ้านเวลาใดบ้าง
แอปเปิลตระหนักดีกว่า AirTag อาจถูกใช้เพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวได้เนื่องจากราคาถูกและแบตเตอรี่อยู่ได้นานนับปี โดยกรณีที่แอปเปิลคิดถึงคือการนำ AirTag ไปติดตามตัวเหยื่อ เช่นการแอบนำใส่กระเป๋าหรือวางไว้ในรถ โดยแอปเปิลเสนอแนวทางป้องกันด้วยการให้ AirTag ส่งเสียงเตือนเมื่อห่างจากเจ้าของนานเกินไป พร้อมกับเตือนผ่านไอโฟนว่าพบ AirTag ของคนอื่นกำลังตามตัว แต่แนวทางการวาง AirTag อยู่กับที่เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของบ้านอยู่บ้านหรือไม่ น่าจะทำให้ไอโฟนไม่ได้เตือนว่ามี AirTag ตามตัว รวมถึงคนร้ายอาจจะแกล้งทำเป็นลืมกระเป๋าเอาไว้ในบ้านเหยื่อ
เครือข่าย Find My ไม่เปิดเผยว่าอุปกรณ์ใดเป็นคนส่งพิกัด AirTag ทำให้แนวทางนี้อาจจะมีความผิดพลาดสูง เช่น เพื่อนบ้านเดินทางในระยะที่รับสัญญาณ Bluetooth ได้ หรือหากในบ้านมีอุปกรณ์อื่น เช่น ไอแพดหรือแมค
ที่มา - Lukasz Krol
Comments
อ่านแล้วไม่เข้าใจ
ผมรู้สึกเหมือนจะเข้าใจ แต่พอเห็นความเห็นท่านก็รู้สึกว่าไม่เข้าใจเช่นกัน...
รอท่านอื่นมาอธิบายเพิ่มเติมครับ
งงเหมือนกัน
1. ทำไมมันถึงจะไม่เตือนผ่านไอโฟนว่าพบ AirTag ของคนอื่นกำลังตามตัว
2. ทำไม AirTag มันถึงจะไม่ส่งเสียงเตือนเมื่อห่างจากเจ้าของนานเกินไป
ข้อ 1 ไม่เตือนเพราะว่า iPhone ก็เห็น AirTag อันนั้นมา ๆ ไป ๆ ไม่ได้เกาะติดอยู่กับ iPhone ตลอดเวลา
ข้อ 2 ผมคิดว่า AirTag ก็อาจจะร้องขึ้นมาแต่ว่าถ้าแค่อยู่แถว ๆ บ้านไม่ได้เกาะอยู่กับตัวคนที่โดนตามคงได้ยินยาก หรือถ้าพยายามจะใส่กล่องที่บุวัสดุซับเสียงซักนิดนึงคงหาไม่เจอ
อันนี้ความเข้าใจส่วนตัวนะครับ
1. เราไม่ได้อยู่กับตำแหน่ง AirTag ที่ผู้ไม่หวังดี ตลอดเวลาก็ได้ครับ เขาอาจจะเอาไว้ในตำแหน่งที่เราเดินผ่านเฉย ๆ ทำให้ Find My ของผู้ไม่ประสงค์ดี แจ้งมาว่าเหยื่อกลับมาแล้ว หรือหายไปแล้ว
2. AirTag อาจจะโดนแก้ไขในระดับ Hardware โดนการตัดลำโพงออกไปก็ได้ครับ
ผมเข้าใจว่า
ถ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีวาง Air Tag ไว้ที่บ้านเหยื่อ
1.ตอนเหยื่ออยู่บ้าน, Air Tag จะแจ้งตำแหน่งกลับไปยังผู้ไม่ประสงค์ดี
2.ตอนเหยื่อไม่อยู่บ้าน Air Tag จะไม่แจ้งตำแหน่งกลับไป ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีรู้ได้ว่า เหยื่อเจ้าของบ้านไม่อยู่
แต่เคส 1. มันจะไม่แจ้งเตือนจริง ๆ หรอว่ามี Air Tag แปลกปลอมปนอยู่ หรือเพราะมันไม่เคลื่อนที่เลยไม่แจ้งเตือน?
น่าจะเป็นแบบที่ว่าครับ ส่วน 1. ถ้าจำไม่ผิด Find My จะไม่แจ้งเตือนถ้ามี Air Tag ที่ไม่ใช่ของเราอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่เคลื่อนที่ตามครับ
ตามที่ผมเข้าใจ ถ้าไม่มีใครอยู่บ้านเลย จะไม่มี iphone ตัวไหนรู้ว่ามี airtag อยู่ตรงนี้ (เสมือน airtag นั้นเชื่อมเครือข่ายใดๆ ไม่ได้) แต่พอมีคน(ที่มี iphone)กลับมาบ้าน มือถือตัวนั้นก็จะเจอว่ามี airtag อยู่ตรงนี้ และรายงานตำแหน่งกลับไปที่คนร้าย ตอนนี้คนร้ายก็จะรู้ทันทีว่ามีคนกลับมาที่บ้านแล้ว
bluetooth scan หาตัวเครื่อง iPhone ไม่ได้เหรอ?
ปกติเรา scan หาได้ด้วยเหรอครับ
ไม่ต้องกลัวหรอก ของเอเปิลปลอดภัย อยุ่แล้ว
ในลิงค์ต้นทาง เค้ามีลองทดลองดังนี้
-วาง AirTag ในรถที่จอดไว้แล้วตัวเองก็ไปที่อื่น เมื่อเวลาผ่านไปซักพักนึงก็เปิดเช็คดู AirTag ก็พบว่ามันขึ้นว่าอัพเดตข้อมูลเมื่อ 17 นาทีที่แล้ว ซึ่งตัวเค้าเองทิ้ง AirTag ไว้ในรถนานกว่านั้น ซึ่งก็หมายความว่ามันมี iPhone ของคนอื่นอยู่ใกล้ๆ AirTag ของเค้าเมื่อ 17 นาทีที่แล้ว ทำให้คิดได้ว่าน่าจะเอา AirTag มาเช็คได้ว่าแถวนั้นมีคนเดินผ่านบ่อยหรือเปล่า
-การทดลองต่อไปคือลองเอาไปวางในบ้านเพื่อน โดยใส่ในกระเป๋าแล้วทำทีเป็นลืมไว้ที่บ้าน เมื่อเปิดเช็ค AirTag ก็จะเห็นว่าอัพเดตล่าสุดตอนกี่โมง ในตัวอย่างนี้คือ ตอนแรกขึ้น Last seen today at 8:13 แสดงว่าเป็นเวลาที่เพื่อนเค้าออกจากบ้านไปแล้วทำให้ไม่มีอัพเดตเวลาต่อจากนั้น แล้วเมื่อเปิดมาอีกครั้งเห็นมันขึ้นว่า Last seen today at 11:23 ก็แสดงว่าช่วงเวลานั้นมีคนอยู่ในบ้าน
โดยการนี้จะทำให้เช็คได้ว่ามีคนอยู่แถวๆ นั้นเวลาไหนบ้าง ลองเข้าไปดูรูปหน้าจอในลิงค์ต้นทางที่เค้าแคปมาให้ประกอบก็ได้ครับ
ถ้าเป็นแบบนี้ เปลี่ยนจากใช้ไอโฟนเป็นใช้แอนดรอยด์แทน ก็รอดแล้วใช่หรือไม่
ก็น่าจะใช่นะครับ อีกอย่างคนที่จะใช้วิธีนี้ก็คงต้องคิดเผื่อในกรณีที่กลุ่มเป้าหมายใช้แอนดรอยด์ด้วย
คล้ายๆ การวางสุ่มดักปูดักปลาสินะ