Apple Music เปิดตัว Spatial Audio, Dolby Atmos และคุณภาพเพลงแบบ Lossless โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อวานนี้ แต่ดูท่าทางหูฟังไร้สายของ Apple จะไม่รองรับการส่งข้อมูลเสียงแบบ Lossless สักรุ่น แม้แต่ AirPods Max รุ่นแพงที่สุดก็ใช้งานได้แค่ฟีเจอร์ Spatial Audio และ Dolby Atmos เท่านั้น
Apple Music สตรีมเพลงปกติที่ 24-bit/48kHz แบบ Lossless จะสตรีมที่คุณภาพเทียบเท่าซีดี คือ 16-bit 44.1kHz ถึง 24-bit 48kHz ส่วนแบบ Hi-Res Lossless จะสตรีมที่คุณภาพ 24-bit/192kHz ในรูปแบบไฟล์ ALAC (Apple Lossless Audio Codec) แต่หูฟังไร้สายของ Apple เช่น AirPods Pro และ AirPods Max ใช้ codec ประเภท AAC ที่บีบอัดแบบ Lossy (เสียคุณภาพบางส่วน) เสมอ
แม้ผู้ใช้จะนำ AirPods Max มาเสียบสายใช้งาน ก็ยังไม่สามารถฟังเพลงบน Apple Music แบบ Lossless ได้อยู่ดี เพราะกระบวนการทำงานของสายจะถอดรหัสเสียงออกมาเป็นอนาล็อกก่อนแล้วค่อยเข้ารหัสเป็นดิจิทัลอีกรอบ ทำให้สัญญาณสูญเสียคุณภาพบางส่วน
ที่มา - The Verge
Comments
ชอบรูปประกอบมากครับ ให้อารมณ์ประมาณ “อิหยังวะ”
แหม่ Apple เอาอีกแล้วนะ
เดี๋ยวก็ปล่อยรุ่นใหม่หละมั้ง แต่จะใช้ codec อะไรนี่สิ LDAC งั้นเหรอ
ชัวครับ เรื่องกินเงินสาวกเนี่ย เดี่ยวก็ปล่อยรุ่นใหม่ที่รองรับออกมา เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเขาคือคนมีเงินครับ
แนวทางการเก็บเงินบน app store ก็แย่กว่า android นะครับ เพราะไม่สามารถยกเลิกการจ่ายเงินหลังจากซื้อมาลอง 15 นาทีได้ครับ ต้องทำเรื่องขอยุ่งยากมาก ส่วนตัวคิดว่าเพราะเขาได้ 30% ไงครับ เลยไม่ให้มันสะดวกในการยกเลิก
ผมชอบแนวทางนี้นะ รอช้อนตัวตกรุ่นราคาถูก
Courage ไหมล่ะคุณ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ง่ายๆ ก็รอซื้อรุ่นต่อไป
ว่ากันตามเสปคแล้ว Airpods Max มันควรจะสามารถเสียบตรงแบบ Digital และเล่น Hi-res ได้เลยนะ
เพราะสายแปลง 3.5mm ที่แอปเปิลขายมันก็ทำงานเป็น ADC และส่งสัญญาณดิจิตอลเข้า Airpods Max อยู่แล้ว เพราะงั้นถ้าส่งสัญญาณตรงจากอุปกรณ์อื่นเลยมันก็ควรจะทำได้แหละ (ถ้าไม่กั๊ก)
แต่เหมือนว่า Apple จะกั๊กไว้ เพราะมีคนเคยลองใช้สาย Lightning to USB-C เสียบระหว่าง Airpods Max กับ iPad แล้วเหมือนจะไม่ได้ (ไม่ชัวร์เหมือนกัน ผมแค่อ่านมา ไม่เคยลองกับตัว)
ดังนั้นถ้ามองแง่ดี อาจจะมี FW อัพเดทให้ใช้ hi-res กับ Airpods Max ได้ก็ได้นะ
แต่อีกใจนึงก็คิดว่า Apple คงขายรุ่นใหม่แทนแหละ เพราะ DAC ใน Airpods Max น่าจะไม่ได้ออกแบบมาให้เล่น hi-res ซึ่งถ้าเสียบไปแล้วเสียงไม่ต่าง คนก็จะไม่ว้าวกับ hi-res เพราะงั้นทำให้ใช้ไม่ได้ไปเลยจะดีกว่า
เห็นด้วยตามนี้ครับ
จริงๆแล้วการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth มันไม่รองรับ lossless audio ซึ่งผมสิ่งที่ผมวิจารณ์มาตลอดว่า v 1.0 ก็ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้ หรือไม่ทำ transfer rate สำหรับ uncompressed ก็แค่ 1.4 Mbps เองไม่น่าจะดูยากอะไร
ส่วนการเชื่อมต่อแบบมีสาย ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ lossless อีกแล้ว แต่ประหลาดใจว่า HomePod กับ HomePod Mini ก็เล่น lossless ไม่ได้ด้วย อุปกรณ์เหล่านี้มันเชื่อมต่อทางไวไฟหนิ ยังจะมีปัญหาอะไรอีก
อาจจะ "ไม่ให้เล่น" ครับ มองในแง่ดีคือ รออัพเดตเฟิร์มแวร์ก่อน ปรับคุณภาพให้แน่นๆ มองในแง่ร้ายคือ สักพักจะมีลำโพง และหูฟัง High-End กว่าเดิม ออกมาเพื่อซัพพอร์ต High-Res Lossless Quality 5555
ผมคิดว่า DAC ในตัวอุปกรณ์เหล่านั้นไม่ได้ดีเด่อะไรขนาดที่เล่นไฟล์ Hi-res แล้วจะรู้สึกถึงความแตกต่างละมั้งครับ
ถ้าบอกว่ามันสามารถใช้งานได้ แต่คนฟังแล้วไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ก็จะพาลไม่ประทับใจกับเสียง Hi-res ไปเลย และส่งผลให้อุปกรณ์ Hi-res ในอนาคตขายไม่ออก (เพราะคิดว่าฟังแล้วแยกไม่ออกเหมือนกัน) เพราะงั้นสู้ทำให้ใช้ไม่ได้ (หรือไม่บอกว่าใช้ได้) ไปเลยดีกว่า
การเล่นเรื่องความประทับใจแบบนี้เป็นงานถนัดของ Apple เขาแหละครับ
ในฐานะที่เคยเขียนไว้ใน เวป Exteen ที่เจ๊งไปแล้ว
ความหมายของ Spec จริงๆ คือ
สำหรับ File ที่ต้องทำตามมาตรฐาน PCM
bit : เก็บระดับความดังของเสียง ยิ่งมากยิ่งเก็บเสียงได้ดังมากขึ้น
kHz : ใน 1 วิ plot จุดใส่กร๊าฟ เสียงได้กี่จุดยิ่งมากกร๊าฟยิ่งเรียบ
DAC Type:
PCM DAC: เลข 0,1 มาทีละหลาย ๆ ตัววิ่งเข้า BUS ของ DAC แบบเก่า (แบบเก่า Fix Bit ประมวลผล)
Bit Stream DAC : เอา 0,1 มาทีละหลาย ๆ ตัววิ่งเข้า วงจร Sigma-Delta ให้ออกมาเป็น 0,1 เรียงกัน (Bit Stream) แล้ววิ่งเข้า BUS ของ DAC แบบปัจจุบัน
Bit Stream DAC DSD Mode : เอา Data ที่เก็บเป็น Bit Stream วิ่งเข้า BUS ของ DAC แบบปัจจุบัน
CD หรือ PCM File เก็บ 0,1 แบบ PCM
.mp3, .aac หรือ lossy เก็บ 0,1 แบบ Stream แปลงเป็น Analog หรือ PCM แล้วเอาไปใช้
lossless เก็บ 0,1 แบบ Stream แต่ Data แน่นกว่า แต่ก็ยังเอา Stream แปลงเป็น Analog หรือ PCM แล้วเอาไปใช้
DSD เอา Data โยนใส่ DAC แปลงเป็น Analog เลย
เพราะงั้นจะเห็นได้ว่า ...
ลำโพงผ่าน Bluetooth ทุกตัว จะหูฟัง True Wireless, ลำโพง Bluetooth หรือ รถยนต์
เวลา เครื่องคุย กับลำโพง จะต้องคุยเป็น mode ที่ Bluetooth รู้จัก
ไม่ว่า File Data คุณจะดีเลิศแค่ใหนก็ตาม สุดท้ายก็เหลือ แบบนี้
https://www.mercular.com/review-article/hi-res-bluetooth-codec
คุณภาพ ระดับ .mp3 320kb ยกเว้นจะซื้อ Sony MX4 มาฟัง tidal คุยผ่าน Bluetooth แบบ LDAC ถ้ามันไม่กระตุกจนน่าระคาญ ก็จะได้คุณภาพ ระดับฟัง Discman ในปี 1990
เข้าใจว่าผู้ผลิตสามารถใช้ codec ของตัวเองได้ และถ้าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันรองรับ codec เดียวกันก็จะคุยกันด้วย codec นั้นได้ ถ้าไม่รองรับก็ fallback ลงมา SBC หรืออะไรก็แล้วแต่
อย่างในสเปคก็มีการพูดถึง MPEG1 Audio (MP3), MPEG2 Audio (AAC), ATRAC อะไรพวกนี้ พวก AptX หรืออะไรเนี่ยไม่ได้พูดถึงครับ แต่ทั้งหมดที่ว่าเป็น vendor extension หมด (ตัวที่จำเป็นต้องรองรับจริง ๆ คือ SBC)
ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นต้องส่ง PCM-based codec ก็ได้ จะส่งแบบ DSD ก็ได้
สุดท้ายแล้วปัญหามันอยู่ที่เดียวแหละ คือแบนด์วิธ ถ้าแบนด์วิธพอ จะใส่ 32bit FP/192Hz ก็ยังได้ แต่ตอนนี้ไม่น่าจะพอ (ฮา) เห็นว่าตอนนี้มีแบนด์วิธแค่ราว ๆ 512kb/s เอง ถ้าผมจำไม่ผิดนะ (ว่าแต่ Bluetooth 5.0 มี transfer rate ที่ 2.0Mbps)
ถ้า Apple สามารถสร้าง Lossless Compression ที่ bitrate 512kbps ได้ ผมว่าก็น่าจะส่งได้แหละ
ถ้าจะใช้ Lossless แบบไร้สายได้ คือลง Apple Music บน Android แล้วใช้หูฟัง BT LDAC แบบนั้นเหรอครับ #ตลกร้าย
พาดหัวนึกถึงโล่ของชิริว
แม้แต่หูฟังไร้สายที่แพงที่สุดก็ยัง...
จะด่าก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะ Apple เองก็ไม่ได้เคยบอกไว้ว่ามันฟัง Lossless ได้อ่ะนะ
แต่มั่นใจมากว่า Airpods ตัวใหม่ทำได้แน่นอน ด้วยชิพเวอร์ชั่นใหม่ แรงกว่าเดิม บลาๆๆ เอามาเป็นจุดขายเพิ่ม
ปรากฎว่าใช้การเชื่อมต่อที่ไม่เป็นมาตรฐาน และต้องใช้คู่กับ iPhone รุ่นใหม่ :)
H2 W2 ต้องมาแล้วมั้ง 5555
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
สงสัยต้องรอ Airpods Pro Max