วันที่ 8 มิถุนายน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ไปพิจารณาดูข้อกฎหมายและศึกษากฎระเบียบการออกกฎหมายเพื่อควบคุมเนื้อหาในสื่อออนไลน์และการนำเสนอในโซเชียลมีเดีย
นายอนุชา บอกเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ใช้เวลานานในการฟ้องร้องดำเนินคดีไม่ทันการต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยคำสั่งการนี้ไม่ใช่ให้ไปเขียนกฎหมาย แต่ให้ไปศึกษากฎหมายจากต่างประเทศ โดยประยุทธ์ยกตัวอย่างประเทศอินเดียที่มีกฎหมายดูแลเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ภาพจาก Facebook ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประเทศอินเดียตอนนี้พยายามผลักดันกฎหมายคุมเข้มโซเชียลมีเดียมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ ใช้อำนาจรัฐกดดัน Twitter, WhatsApp ให้เซนเซอร์เนื้อหาตามที่รัฐบาลต้องการ พยายามเข้าถึงการสนทนาของประชาชนทั้งที่ใช้การเข้ารหัสการสนทนาก็ตาม จน WhatsApp ต้องฟ้องร้องกลับ
ส่วนในประเทศไทยล่าสุดนี้ มีกรณีแบนบัญชีผู้ใช้งานคนดังวิจารณ์การเมืองไทยไปแล้ว 8 บัญชี รวมถึง Pavin Chachavalpongpun และ Andrew MacGregor Marshall
ที่มา - มติชน
Comments
เอางี้ก่อน หน่วยงานรัฐที่ออกข่าวไม่เป็นไปในทางเดียวนี่ก็ต้องถูกควบคุมก่อนใครเลยไหม
I need healing.
"ไม่ทันการต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น" ก็ต้องดูว่าความเสียหายเกิดขึ้นกับอะไร กฎหมายควรต้องคุ้มครองอย่างเท่าเทียม
ไม่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจนโดนด่า เลยใช้วิธีปิดปากคนอื่น...
ปฏิรูปเต็มสูบ
คงน่าจะเตรียมไว้รับมือกับเรื่อง.....อะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่ๆ
จับหน่วยงานรัฐที่ตอนเช้าออกข่าวแบบนึง ตอนเย็นออกข่าวยกเลิกคำสั่งตอนเช้าเลยครับ แถมมีโบ้ยว่าคนเผยแพร่ข่าวตอนเช้าเป็นfake news แบบนี้เรียกหน่วยงานรัฐว่าสร้างfake newsได้ไหม?
หรือล่าสุดที่นายกพูดว่าสั่งซื้อJ&J 25ล้านโดส พอตอนเย็นอีกหน่วยงานนึงบอกสั่งแค่ 5 ล้านโดส แบบนี้ใครเป็นคนปล่อยfake news?
8 บัญชีนั้นก่อความเสียหายเร่งด่วนยังไงถึงกับต้องแก้กฎหมาย
ทุกวันนี้ น่าเวทนารัฐบาลกับสื่อไทย สุด ๆ บางสื่อในไทยทุกวันนี้ เชื่อข่าวลือ ลงข่าวปลอม หลายครั้ง(เห็นแล้วอุทานเลย) ส่วนคนจัดการก็ ความคิด วิสัยทัศน์ไม่มี การสื่อสารพูดชี้แจ้ง เช้าชาม เย็นชาม มั่วไปหมดจะให้เชื่อที่ใครพูดดีวะ อะไรแบบนั้น ตอนนี้ไม่ใช่ให้พัฒนาด่านกฏหมาย แต่ที่ควรไปทำคือ มันต้องพัฒนาด่านการสื่อสารแทนกฏหมายโว้ยย
ใครได้ประโยชน์บ้าง ยังไง ทุกกฎหมายมีต้นทุน ถ้าประโยชน์น้อยกว่าต้นทุนอย่าทำ
นับวันยิ่งไม่น่าอยู่นะ
That is the way things are.
น่าเวทนากับรัฐบาลชุดนี้จริง ๆ เอาแบบนี้หน่วยงานรัฐไหนปล่อยข่าวปลอมช่วยยุบไปเลยได้ไหม โพสต์คนไทยมีความสุขช่วงโควิดอ้างสถาบันโพลแห่งหนึ่งยังเก็บไว้ใน Archive อยู่เลย
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ไม่เกินสามวันรับรองรัฐบาลโดนยุบทิ้ง
รวบอำนาจมาแล้วแต่ก็ยังคุมไม่เป็นบริหารไม่เป็น
ออกข่าวนี้มาเพื่อปิดข่าวอะไรรึเปล่านะ เพราะข่าวแบบนี้ไม่ใหม่ และแต่ละครั้งที่ออกมาก็ไม่ได้ปฏิบัติจริงเท่าไหร่ และก็มักจะมีสิ่งอื่นที่แย่กว่ากำลังเกิดขึ้น
หรือว่าผมระแวงมากเกินไป
เรื่องพวกนี้ มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัย อ.สมศักดิ์ สอนอยู่ที่ มธ. รวมถึงมีนักวิชาการหลายคน เช่น อ.ธงชัย ได้ทำงานวิชาการออกมา ถ้าเราไปค้นดูจะเจองานวิชาการข้อความตัวหนังสือยาวๆ หลายๆหน้า แต่ลงท้ายแล้วเรื่องพวกนี้ก็สามารถถูกย่อยลงมาเหลือคำสั้นๆแค่เพียงว่า
"ถ้าประเทศไทยได้ปรับปรุงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดีขึ้น น่าจะดีนะ"
และหากสถาบันปรับปรุงได้ดีขึ้น ประชาชนจะยิ่งกลับมาศรัทธามากขึ้นกว่าเดิม เป็นศูนย์รวมใจของประเทศอย่างแท้จริง
ด้วยการทำหลายๆอย่างเช่น ทำให้งบประมาณโปร่งใส , โครงการอะไรไม่คุ้มก็ไม่ควรทำ , ทำให้สถาบันฯ และทหารออกจากการเมือง เพราะทหารมีอาวุธและกำลังคน ถ้ามีอำนาจเยอะจะทำลายคนได้ ฯลฯ
.
อันนี้คือแนวทางที่นักวิชาการหลายๆท่านน่าจะเห็นแบบนี้มาตั้งนานหลายปี น่าจะเกือบสิบปีแล้วมั้ง
.
จนล่วงเลยมาถึงวันนี้ อ.สมศักดิ์ / อ.ปวิน ก็ไปลี้ภัยต่างประเทศแล้ว แต่รัฐก็ยังเลือกที่จะไม่รับฟัง และอยากจะปิดกั้นผู้คนเหล่านี้
ซ้ำร้าย คนไทย กลับยิ่งไปสนใจติดตามข้อมูลจากนักวิชาการเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน แต่รัฐก็ยิ่งอยากจะปิดกั้นมากขึ้น อยากจับ อยากจะลบข้อมูลออกไปซึ่งความเป็นไปได้ในทางเทคโนโลยีมันริบหรี่เต็มที มีแต่มันจะกระจายเพื่มมากขึ้นเท่านั้น
.
มันไม่มีอะไรมากมายหรอกที่รัฐ หรือประยุทธ์อยากทำแบบนี้ ก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
รัฐบาล ต้องการปิดปาก ปกปิดข้อมูลนั้นละ พ้อยหลักๆคือการ วิพากย์ วิจารณ์สถาบัน
ซ้ำ
พระถูกวางไว้บนหิ้งจนฝุ่นเกาะ จะหยิบมันลงมาเช็ดทำความสะอาด ยังไงก็ต้องมีคนไม่พอใจแหละครับ
ทั้งคนที่ศรัทธาจนไม่อยากให้แตะต้อง ทั้งคนที่เชื่อว่ามันสะอาดอยู่แล้วไม่ต้องไปทำอะไร ทั้งคนที่แอบซุกเงินไว้ตรงหิ้งพระด้วย 55+
ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรต้องมโนไปเกี่ยวกับสถาบันได้ทุกเรื่อง
ช่วงนี้ผมสังเกตเห็นการคุกคามการนำเสนอความเห็นต่าง
ที่บ่อยและถี่มาก เรียกว่าถ้าพิมพ์ตำหนิการทำงานของรัฐ
ก็จะเจอข่มขู่ และขู่กันถึงขั้นฟ้องผู้บังคับบัญชา ทำกันแบบไม่เกรงไม่กลัว
กันเลย โดยเฉพาะในกลุ่ม line ที่บัญชีผูกกับเบอร์โทร ทำให้ตามหาตัวกันง่าย
ยกตัวอย่างล่าสุดก็ในกลุ่ม line จังหวัดนึง
คนคอมเมนท์ทวงเงินตกเบิก อสม ช่วงโควิด
ใช้ชื่อ”เด็กวัด........”
กลับโดนข่มขู่ว่าจะไปฟ้องเจ้าอาวาสวัด......... ว่าคิดเห็นอย่างไร
ที่มีคนตั้งชื่อที่เกี่ยวกับวัด...แต่ไม่มองเลยว่าปัญหาที่เค้าเรียกร้อง
คืออะไร หรือจะชี้แจงข้อเท็จจริงยังไง
ยังไม่นับรวมก่อนหน้า ที่ขู่จะฟ้องข้าราชการท่านนึง
แล้วข้าราชการท่านนั้น หายจากกลุ่ม เลิก comment ไปเลย
เรียกว่าทำอะไรได้ทำ ไฟเขียวกันเต็มที่
ถูกผิด เลวชั่ว ไม่สนใจกันแล้ว
ซุกปัญหาไว้ใต้พรม แบบไทยๆ อะไรที่ไม่ดี ห้ามพูด
จัดการ IO ก่อนมั้ยท่าน
อีกอย่างห้ามในไทยได้ ผมก็ไปอ่านของต่างประเทศอยู่ดี คิดจะมาใช้วิทีนี้ในยุคปัจจุบันมันล้าหลังไปแล้ว
เรื่องถนัดสินะ
good news
นอกจากอินเดีย กฏหมายที่ว่ามา มีประเทศไหน(ที่เจริญแล้ว)เค้ามีใช้กันอีกบ้าง?
เรามองว่าโดยธรรมชาติ ของรัฐก็จะพยามยามที่จะควบคุมทุกอย่าง อะไรที่เค้าควบคุมไม่ได้เค้าก็จะรู้สึก “ไม่มั่นคง” ทีนี้ประชาชนในหลาย ๆ ประเทศที่เจริญแล้ว ที่เห็นความสำคัญของ “เสรีภาพในการพูด/แสดงออก” ก็จะคอยต่อต้านรัฐบาลของตัวเองเวลาความคิดแนว ๆ นี่หลุดออกมา เช่นในตะวันตกก็ยังเสียงแตกกับเรื่องแนว ๆ นี้อย่าง privacy vs safety หรือการเข้ารหัสข้อความในแชทที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายเอาไปใช้ประโยชน์อยู่เลยครับ
รัฐวิบัติเหรอไงสร้างแต่กฏหมายมาปกป้องตัวเองที่ทำผิดซุกความผิดไว้กลัวคนขุดเจอขึ้นมาจะมาเอาความผิดเลยต้องหาความวิบัติมากลบหลุมเน่าๆที่สร้างไว้ 7 ปี สร้างสรรค์ไม่เป็นหาเงินไม่ได้คิดแต่จะออกกฏหมายวิบัติๆมาปกป้องตัวเอง
เขาคงอยากได้ประมาณคำสั่งที่วาจาสิทธิ์กว่านี้ แม้จุดประสงค์ชัดเจนอยู่แล้วคือปราบฝั่งตรงข้ามก็ตาม
ประมาณว่าสั่งแบนแล้วต้องได้ทันที ไม่ใช่เหมือน 8 เพจที่สั่งแบนไปแล้ว แต่เพจยังอยู่ หรือเคสที่แย่ๆ (แต่ยังไม่สุด) ก็คือทำให้สามารถลงโทษคน(ที่คิดว่า)ผิดได้เลยโดยไม่ต้องรอเข้ากระบวนการยุติธรรม
แสดงว่าเขาก็รู้ทั้งรู้ว่ากระบวนการยุติธรรมล่าช้ามากแค่ไหน แม้ฝ่ายรัฐจะสามารถกดดันเร่งรัดให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการก็ตาม
ถ้าไม่ทำตัวแย่ๆคงไม่ต้องกลัวคนด่า..ที่กลัวเพราะทำตัวแย่ ก็เลยจะปิดปากคน..หลักๆน่าจะเรื่องสถาบันแหละ
กระทรวงดิจิตอลเพื่อ...อะไรแน่ ไม่เคยทำอะไรที่มันเกี่ยวกับ"เศรษฐกิจ"เลย
อะไรที่ควรเป็นเจ้าภาพทำบ้าง จะเปิดเกาะรับ นทท.คิดแผนรองรับยัง
วัคซีนมาเร็วไม่ทันใจ แก้กฎหมายตรงไหนเพิ่มได้บ้าง?